“เด็จพี่” ร้องดีเอสไอเอาผิด “เทพเทือก” ปลุกปั่นม็อบโค่นล้มรัฐบาล ชี้ผิดมาตรา 116-117
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 12 พ.ย. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษและให้สอบสวนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กับพวกอีก 8 ราย และ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ที่เป็นแกนนำในการดำเนินการการชุมนุม
นายพร้อมพงศ์กล่าวภายหลังยื่นหนังสือต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมด้วยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวม 9 คน แกนนำผู้ชุมนุมเวทีราชดำเนิน ตามมาตรา 116 ก่อให้เกิดความกระด่างกระเดื่องในหมู่ประชาชน และมาตรา 117 ยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อ บังคับรัฐบาล หมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ประมวลกฎหมายอาญาว่า ตนมาร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อม ส.ส.รวม 9 คน ที่ได้ประกาศบนเวทีการชุมนุมว่าจะให้มีการหยุดจ่ายภาษีและนัดหยุดงาน เป็นการดำเนินการล้มล้างการปกครอง และผิดกฎหมาย มาตรา 116 และ 117 ประมวลกฎหมายอาญา และให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายกบฏด้วยหรือไม่ เพราะการกระทำไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ที่กำหนดให้ชุมนุมสงบปราศจากอาวุธ สิ่งที่นายสุเทพ พร้อม ส.ส.รวม 9 คนลาออกจากการเป็น ส.ส.เห็นว่าเพราะเป็นการตัดตอนไม่ให้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ เพราะก่อนหน้าเราเคยยื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณี ส.ส.หรือสมาชิกพรรคทำผิดกฎหมาย การลาออกไม่ใช่สปิริต
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า มีการแบ่งแยกกันทำโดยพรรคประชาธิปัตย์รู้เห็น แม้แต่ กทม.ผู้ว่าฯ และปลัด กทม.ที่เอื้อประโยชน์ กรณีมีภาพถ่ายรถของเขตดุสิตไปเติมน้ำมันให้เครื่องปั่นไฟของผู้ชุมนุม จึงขอให้ดีเอสไอตรวจสอบกลุ่มท่อน้ำเลี้ยงด้วย เมื่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมถูกคว่ำ ซึ่งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลร่วมทั้งนายกฯ ยืนยันว่าจะไม่นำร่างนิรโทษกรรมมาอีก จึงมองว่านายสุเทพ และพรรคไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่มาขับไล่รัฐบาล เป็นการทำลายระบบประชาธิปไตย ทำลายระบบรัฐสภา เงื่อนไขเดียวของนายสุเทพ คือฟังประชาชนกลับไปทำงานในสภาฯ และเลิกชุมนุม ตนจะให้ฝ่ายกฎหมายติดตามการชุมนุมทุกวัน ที่มีการขนคน การส่งท่อน้ำเลี้ยง นอกจากนี้ตนยังได้ร้องทุกข์ดีเอสไอให้ตรวจสอบกลุ่มของ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลอยู่มา 2 ปีกว่า เหลืออีกปีกว่าๆ ทำไมนายสุเทพรอไม่ได้ วันนี้ตอนบ่ายจะมีทีมกฎหมายไปร้องทุกข์ต่อตำรวจนครบาลอีก
นายธาริตกล่าวว่า ตนในฐานะหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินคดีด้านนี้ ก็อยากเรียนว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจาก 2 วันที่แล้ว ดีเอสไอได้แถลงถึงความห่วงใยในเรื่องนี้แล้วว่าจะมีการกระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองขึ้น และก่อนที่จะพ้นวันศุกร์ที่แล้วการดำเนินการของม๊อบก็จะมีความผิดด้านกฎหมายเพียงเล็กน้อย ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง เนื่องจากเข้าไปในอาณาเขตที่ห่วงห้าม ซึ่งการอภิปรายต่างๆ นั้นยังอยู่ในกรอบที่พออนุมานได้ว่ายังชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการเรียกร้องและแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่หลังจากที่เงื่อนไข พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ยุติลงแล้วเพราะว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล ได้มีวิธีการที่ชัดเจนในการยุติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ม็อบยังไม่เลิกการชุมนุม โดยมีถ้อยคำของการอภิปรายในการปลุกระดมและกริยาบางอย่างส่อไปในทางขับไล่รัฐบาลซึ่งดีเอสไอเคยออกแถลงการณ์เตือนทางกลุ่มผู้ชุมนุมไปแล้วว่ากำลังเข้าไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งวานนี้ (11พ.ย.)ได้มีการยกระดับการชุมนุม โดยแกนนำมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในการอภิปรายเพื่อเรียกอารยะขัดขืน เช่นให้มีการหยุดงาน ให้ไม่เสียภาษี หรือให้ขับไล่รัฐบาล เหล่านี้ เข้าข่ายความผิดกฎหมายในมาตรา 116 และ 117 ระบุว่าไม่ให้กระทำการใดๆ อันเป็นการยุยง ปลุกปั่นประชาชนให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า ดีเอสไอไม่มีทางเลือกในฐานะหน่วยบังคับใช้กฎหมายซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นข้อกังวลของเราตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (8 พ.ย.) ทั้งนี้ยังมีความกังวลว่าในวันข้างถ้าการชุมนุมยังไม่ยุติลงและมีการชุมนุมไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ และถ้าความผิดใดที่เข้าบัญชีท้ายดีเอสไอ เราก็จะอนุมัติดำเนินคดีโดยอธิบดี แต่ถ้าความผิดใดไม่เข้าบัญชีแนบท้ายจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ซึ่งจะมีการนัดประชุมในวันที่ 27 พ.ย.นี้ หลังจากรับเรื่องนี้แล้วตนจะมอบหมายเรื่องนี้ให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ รับเรื่องนี้ไปดำเนินการต่อไป