ด้าน อึด ทน แข็ง จริงๆ!

โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์

ประชาชนได้รับรู้แล้วว่าระบอบ “ขี้ข้าธิปไตย” นั้นอยู่รอด เฟื่องฟูได้ในกลุ่มฝูงคนซึ่งมีจิตสำนึกมืดบอด เหมือนวัวควายยอมถูกในตะพายโดยไม่แข็งขืน เป็นทาสใส่เสื้อนอกผูกเนกไท รับคำสั่งจากนายทาส แลกเงินยังชีพ เพียงเคลื่อนตัวโดยไม่เลื้อยคลานเหมือนตัวเหี้ย ตะกวด กิ้งก่า จิ้งเหลน สัตว์ชั้นต่ำเท่านั้น

เห็นการลงคะแนนเสียงของ 297 ขี้ข้าใส่เสื้อนอกในสภา รับรองว่านางโพยและขี้ข้าหัวหน้ามหาดไทยเป็นผู้ซื่อสัตย์สุจริต ไร้มลทิน ค้านกับสายตาและความคิดของประชาชนหลายสิบล้านคนทั่วประเทศซึ่งติดตามศึกน้ำลายเน่า

แม้จะเป็นการเสียบบัตรลงคะแนน ความเป็นจริงคือการยก 297 มือสกปรกซึ่งรับเงินจากนายทาสเอาไปซื้อเสียง จากนั้นมือเดียวกันก็อุ้มก้นบานๆ ของนางโพยให้พ้นข้อกล่าวหา และจะรับภาระสกปรกทำลายบ้านเมืองต่อไป

เป็นการเมืองสำหรับมือสกปรก มือรับเงินโกง มือชะล้างหลักฐานความชั่วร้าย! เป็นมือโบกปัดคำครหาว่าผู้นำรัฐบาลกำมะลอสิ้นสภาพ หลังจากพรรคเพื่อบักเหลี่ยมไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญ

เมื่อชาวบ้านได้รับรู้หลักฐานต่างๆ สส. ฝ่ายค้านนำเสนอในช่วงพิธีกรรมอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วันเต็มแล้วเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าระบอบ “ขี้ข้าธิปไตย” ซื้อได้เสียงข้างมากมากุมอำนาจรัฐนั้นเลวทรามต่ำช้าไร้จิตสำนึกจริง

การยกมือโดยไม่ลืมหูลืมตาของพวกขี้ข้าเสื้อนอกเป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหาและหลักฐานโดยไม่ใส่ใจต่อหลักฐานข้อเท็จจริงประกอบ นั่นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาด เพราะคดีในศาลรัฐธรรมนูญ มีหลักฐานพร้อม พวกโจรปล้นเมืองและขี้ข้าใส่เสื้อนอกปฏิเสธหน้าตาเฉย ไม่ยอมรับตำวินิจฉัยของศาล

ดังนั้นการเมืองปัจจุบัน จึงเป็นระบอบขี้ข้า เงินเป็นตัวกำหนดให้ทาสร่างกฎหมายต่างๆ ตอบสนองความต้องการของนายเงิน แม้จะค้านกับหลักศีลธรรม คุณธรรม หลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักหิริโอตตัปปะ และมาตรฐานสากล

เป็นมือที่ช่วยสนับสนุนความหน้าด้านของคนโง่ ซึ่งเวรกรรมของแผ่นดินเปิดโอกาสให้คนจากตระกูลโคตรชั่ว โคตรโกง มีโอกาสปล้นทรัพย์สินบ้านเมือง สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ

ระบบเกษตรกรรมข้าวย่อยยับ การส่งออกขาดดุลมากกว่า 6.6 แสนล้านบาทในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกไม่ขยายตัว สะท้อนให้เห็นความไร้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ มีแต่การโชว์โง่ เหมือนโจรเล่นตลกด้าน

การชุมนุมเคลื่อนไหวของมวลชนต่อต้านระบอบบักเหลี่ยม เปิดอย่างน้อย 3 เวทีหลักต่อเนื่อง และจัดกิจกรรมเดินขบวนไปหน่วยงานราชการ กระทรวงต่างๆ จนต้องหยุดการทำงาน ระบบเดี้ยงเกือบทั่วประเทศ

แต่นั่นมิได้ทำให้นางโพยรู้สึกหวั่นไหว ฉีกยิ้มแย้มเยิ้ม หน้าเด้งสู้อุปสรรคซึมซับ คำประณามอย่างเสียหาย ชนิดที่ว่าถ้าหน้าและใจไม่อึด ทน แข็ง จริงเหมือนยาฟื้นจ้าวโลก ต้องรีบแสดงความอายขอลาออกไปใช้เงินหาความสุข

แต่นางโพยทำงานไปด้วย หาความสุขจากการเดินทางท่องเที่ยว ล้างผลาญเงินภาษีประชาชน แต่บริหารงานในรูปแบบลอยตัวเหนือปัญหาทั้งมวล ปล่อยให้ขี้ข้าระดับเสนาบดีโจรรับหน้า ส่งเสริมการเมืองระบอบ “หนูไม่รู้”

การชุมนุมเดินขบวนของประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนวันที่ 24 ที่ผ่านมาเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย หรือเหตุการณ์สำคัญของโลก นอกจากไม่ทำให้นางโพยและเสนาบดีโจรสะทกสะท้านแล้ว ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ด้านต่อไป

ใช้ความโง่ เซ่อ เอ๋อ หนาบื้อ รับสถานการณ์ต้านพลังกดดัน สยบความเคลื่อนไหว เสนาบดีขี้ข้าใช้ลิ้นคารม 18 มงกุฎ เลียแข้ง เลียขา พร่ำบอก “เราเอาอยู่ เราเอาอยู่ ครับท่าน” พร้อมระดมตำรวจหลายหมื่นคนจัดการให้หนัก

ความดื้อด้านทนอยู่ได้ทุกวันนี้เป็นเพราะสื่อมวลชนทรยศต่อตัวเองและหักหลังประชาชนไม่ยอมทำหน้าที่ หลับหูหลับตาจงรักภักดีต่อนักการเมืองโจรในระบอบบักเหลี่ยม ต้นแบบทุนนิยมสามานย์โกงทั้งโคตรเกินระดับสากล

มวลชนกว่า 1 ล้านคนเดินขบวนเต็มพื้นที่ถนนราชดำเนินและบริเวณใกล้เคียง แต่สื่อทีวีของรัฐ สื่อสิ่งพิมพ์ภาคเอกชนบางแห่งเจตนา ตั้งใจไม่ทำหน้าที่ ไม่รายงานให้ชาวบ้านรับรู้ เหมือนกับว่าไม่มีเหตุการณ์สำคัญเช่นนั้น

สื่อชั่วร้ายทรยศต่อประชาชนจึงเป็นตัววายร้าย ซ้ำเติมเพิ่มวิกฤติให้บ้านเมือง เป็นจักรกลสำคัญอุ้มชูนักการเมืองมีพฤติกรรมโกงกินในระบอบบักเหลี่ยม การลุกฮือของประชาชนต่อเนื่องเท่ากับประจานความต่ำช้าของสื่อ หลังจากอดทนต่อความล้มเหลว ไม่ทำหน้าที่โดยปราศจากความละอายใจ

จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกลไกกระทรวงหน่วยงานของรัฐเดี้ยงสนิท กระทรวงการคลังหยุดปฏิบัติงาน ระบบการคลัง รับจ่าย หยุดชะงักแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ทำภารกิจสำเร็จในขั้นหนึ่ง เพียงแต่รอ ป.ป.ช.ให้ลงดาบสุดท้าย

แต่ ป.ป.ช. ถูกมองว่าทำงานด้วยความเร็วระดับหอยทาก ล่าช้าเพราะกรรมการผลัดกันไปเดินทางท่องเที่ยวดูงานต่างประเทศ ทำให้ภารกิจจำเป็นไม่เดินหน้า มีข้ออ้างต่างๆ ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ว่ายังเป็นองค์กรน่าเชื่อถือ

การเมืองใน ป.ป.ช. เกมกีดกันชิงดีชิงเด่น ช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก!

รัฐบาลนางโพยอยากยกระดับการจัดการม็อบ ข่าวแว่วว่าแผนจะประกาศภาวะฉุกเฉินไม่ได้รับการเห็นชอบโดยกองทัพ ซึ่งได้วางเฉยมาโดยตลอด ไร้เสียงกระแอมไอ หรือแม้แต่คำเตือนให้รัฐบาลอย่าใช้กำลังรุนแรง

ประชาชนจะไม่ยอมเหนื่อยเปล่า ในการต่อสู้กับระบอบบักเหลี่ยม ถ้าจำเป็นต้องจัดการกับองค์กรอิสระ ซึ่งมีอิสระมากจนไม่ยอมทำอะไรรวดเร็ว ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อกระตุ้นให้เลิกยื้อ และทำงานคุ้มกับเงินภาษีของประชาชน

ความพ่ายแพ้ของประชาชนจะเปิดทางให้ขี้ข้าบักเหลี่ยมพาชาติย่อยยับ!