โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
ความอหังการในการเดินหน้าทำลายชาติบ้านเมืองอย่างเป็นระบบของขบวนการขี้ข้าบักเหลี่ยมต้องสะดุดหยุดลง แผนแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม การกู้เงินมาโกง การระดมพลังรีดไถเงินหัวคิวใต้โต๊ะ พฤติกรรมชั่วร้ายอื่นๆ ต้องชะงัก
อาการผยองพองขนต้องฝ่อ หูหลุบ หางตก ไหล่ลู่
คำประกาศ ไม่ยอมรับอำนาจ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย มั่นใจในอำนาจรัฐและอำนาจเถื่อน กำลังจะโดนเช็คบิล ตราหน้าด้วยคดีอาญาว่าเป็นกบฏขี้ข้าต่อแผ่นดิน ถ้าเป็นโทษยุคโบราณต้องโดนประหารตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร สับร่างให้เละ ไม่ให้ติดคอกา ทรัพย์สินถูกยึดเรียบ
โดยปกติ กลุ่มผู้ก่อการกบฏหวังความเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองต้องเป็นบุคคลมีระดับสติปัญญาความน่าเชื่อถือ ได้รับการยอมรับจากสังคมระดับหนึ่ง คราวนี้กบฏในประเทศไทยกลับประกอบไปด้วยกองกำลังขี้ข้า มีนายทาสใช้เงินว่าจ้างในสภาพเร่ร่อนหนีคุกอยู่ต่างประเทศจ้องทำลายบ้านเกิด
นอกจากนี้ ผู้ก่อการกบฏมักเป็นกลุ่มผู้มักใหญ่ใฝ่สูงทางการเมือง ดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หาใช่เป็นเพียงขี้ข้าไร้ราคา ไม่มีแม้แต่ความคิดอิสระของตัวเอง มัวแต่รอฟังคำสั่งจากนายทาสว่าให้หาช่องทางใดทรยศคนร่วมแผ่นดิน แลกกับเงินเบี้ยเลี้ยงของขี้ข้า
แต่นี่เป็นกลุ่มกบฏขี้ข้ากระจอกสวมสูทวางมาดโก้ในสภา เป็นผู้ทรงเกียรติแต่กากดั้งเดิมคือผู้ไร้ศักดิ์ศรียอมก้มหัวคุกเข่าคลานเลียแข้งเลียขานายใหญ่และครอบครัวจนลืมอายสุนัขขี้เรื้อน ดังนั้นสภาพของขี้ข้า 312 ตัวในคราบ ส.ส. และ ส.ว. มีพฤติกรรมต่ำทรามจึงต้องโทษถูกประณาม
กว่าตุลาการจะได้อ่านคำวินิจฉัย ต้องเผชิญการยื้อหวังให้เลื่อนการอ่านออกไป แต่เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย รู้ทันเจตนาแฝงเร้น จึงมีมติ 6-3 และ 5-4 ตามที่ปรากฏ สะท้อนให้เห็นว่าขบวนการบักเหลี่ยมสามารถมีอิทธิพลแทรกซึมเข้าได้ทุกวงการด้วยพลังเงินมหาศาลและผลคำวินิจฉัยกลางจะเป็นไปในรูปแบบนี้ ถ้าเป็นคำร้องเกี่ยวโยงกับตระกูลชินวัตร!
แม้จะส่งตัวแทนไปฟังคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตัวเองนั่งเฝ้าหน้าจอทีวีรอฟังผล หลังจากอารัมภบท ศาลก็เริ่มอ่านคำวินิจฉัยด้วยถ้อยคำบาดใจ กรีดลึกผ่าความด้านหนาของจิตสำนึก เป็นช่วงของการทรมานด้วยการบรรยายพฤติกรรมชั่วร้ายทำลายบ้านเมืองใกล้วินาศ
เหมือนคนเสนียดบ้านจัญไรเมืองโดนขึงพืดโบยด้วยหวายแช่เยี่ยวประจาน ให้ชาวบ้านรับรู้พฤติกรรมชั่วร้ายหยาบช้าสามานย์หลุดพ้นความเป็นคน ไม่ต่างจากขี้ข้าถูกโบยโดยนายทาส แต่ละพลังแส้ได้ถลกหนังกลับขี้เรื้อนของพวกทรยศแผ่นดินเกิด หักหลังประชาชนมุ่งประโยชน์ส่วนตน
หลังจากโดนเฆี่ยนประจาน ก็ถูกราดด้วยน้ำเกลือสุดแสบสัน
จากนั้นเปรียบเสมือนถูกตุลาการลงนามคำสั่งประหาร เพื่อให้คณะกรรมการป.ป.ช. เอาตัวไปลงดาบสุดท้ายตัดหัวคั่วแห้งตามโทษทัณฑ์ และป.ป.ช. รับช่วงทันใจ ลงมติตั้งกรรมการสอบพวกขี้ข้า ประธานหัวฆ้อน ประธานไวรัสขี้ข้า
แต่การรับช่วงสอบน่าสนใจเฝ้าติดตามว่าจะเป็นกระบวนการยื้อ ดองเค็มไว้นานๆ ไม่ชี้มูลหรือไม่เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยความชั่วร้ายไว้จะแจ้ง ไม่จำเป็นต้องให้ ป.ป.ช. มีความเห็นเพิ่มเติมหรือเห็นต่าง เพราะคำวินิจฉัยของศาลถือว่าสิ้นสุด ไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา ป.ป.ช. ต้องฟันอย่างเดียว
ถ้า ป.ป.ช. เล่นลวดลายยึกยัก มีพฤติกรรมน่าสงสัย ก็มีโอกาสโดนร้องเรียนเช่นกัน! ทั้งยังมีเรื่องทุจริตจำนำข้าวซึ่งสังคมมองว่าใช้เวลามากเกินไปจนบ้านเมืองเสียหายร้ายแรง ก็ไม่ยอมชี้มูล ล่าสุดมีข่าวแว่วว่าจะจัดการเรื่องนี้สิ้นเดือนนี้ เหมาะกับเส้นตายของการสิ้นสุดอำนาจของนางโพย
เมื่อ ป.ป.ช. ต้องใช้เวลา ย่อมเป็นโอกาสของขบวนการขี้ข้าบักเหลี่ยมจะตั้งหลักเพื่อต่อต้าน ตอบโต้ดิ้นรนสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้สิ้นสภาพผู้ทรงความเป็นขี้ข้าในสภา ทั้งยังมีความเสี่ยงในคดีอาญาต้องติดคุกเมื่อหลักฐานปรากฏชัดจนเถียงไม่ออก ต้องประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลอย่างเดียว
ความหวังจะใช้ลีลายึกยักด้านกฎหมาย นอกจากไม่ได้ผลแล้วยังจะโดนโทษในพฤติกรรมชั่วร้ายอื่นๆ อีกด้วย แต่พวกขี้ข้าบักเหลี่ยมไม่มีทางเลือก ต้องสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองและนายทาส เพราะต้องร่วมชะตากรรมเดียวกันคือ ติดคุก หนีคุก ลี้ภัยไปอยู่ด้วยกันในต่างประเทศเท่านั้น
ถ้าจะให้ลงเอยด้วยความรุนแรงกว่านั้นคือการปลุกระดม จ้างมวลชนหิวเงินเสื้อแดงให้ก่อกวนเผาบ้านเผาเมืองอีกรอบ ถ้าแม่นางโพยต้องตกจากเก้าอี้นายกฯ แต่ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิมถ้าปะทะด้วยกำลัง ทำให้เกิดบาดเจ็บล้มตาย บ้านเมืองอยู่ในสภาวะกลียุคมิคสัญญี
นี่เป็นการประลองกำลังทางการเมืองเดิมพันสูงระหว่างกลุ่มไม่เอาทักษิณกับกลุ่มขบวนการขี้ข้าทักษิณ เป็นสงครามครั้งสุดท้าย! ถ้าทักษิณชนะเด็ดขาดก็ได้ยึดครองทรัพย์สิน กุมอำนาจประเทศไทย ฝ่ายพ่ายแพ้จะถูกไล่ล่าคิดบัญชีมีคดีอาญาถึงขั้นติดคุกไม่เห็นเดือนตะวันถ้ายังหายใจ
"เทือก" ขุนพลนกหวีดทุ่มสุดตัว แพ้ไม่ได้! ถ้าแพ้อาจต้องหนีการล้างแค้นหัวซุกหัวซุน ขณะเดียวกัน ถ้าบักเหลี่ยมพ่ายแพ้ ครอบครัววงศ์วานว่านเครือต้องย้ายไปอยู่แผ่นดินอื่นเช่นกัน ทุกวันนี้ต้องไปหลีกเร้นอยู่ต่างประเทศ เอาตัวรอดไม่ยอมเสี่ยง ปล่อยให้พวกขี้ข้าต่อสู้เป็นตัวแทนเพื่อเงิน
ประชาชนต่อต้านขบวนการบักเหลี่ยมต้องการยกเลิกระบบการเมืองน้ำ เน่าทุ่มเงินซื้อเสียงเข้ามากอบโกยความมั่งคั่งด้วยการทุจริตเต็มที่ อยากให้มีการปฏิรูปจริงจังทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคมกลไกกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ระบบคุณธรรมและค่านิยมบนฐานแห่งนิติธรรม
ก่อน ป.ป.ช.จะตัดสิน ยังมีการชุมนุมใหญ่เพื่อแตกหัก กำหนดไว้วันอาทิตย์นี้ ขุนพลเทพเทือกเรียกร้องให้คนออกมาเป็นล้านเพื่อชุมนุมขับไล่นางโพยและขบวนการขี้ข้าให้ตกกระป๋อง แม้ไม่ถึงล้านคนก็หวังว่าจะได้ 2-3 แสนคนก็ถือว่ามากแล้ว จะสร้างแรงกดดันและแรงบีบจากกลุ่มอื่นๆ
ช่วงนี้ข้าราชการเริ่มรอดูสถานการณ์ หวังเข้าข้างผู้ชนะ ตำรวจปักหลักรักษาความสงบยังไม่สำแดงแสนยานุภาพเมื่อนายใหญ่ไม่อยากเป็นผู้ลี้ภัย ไปเมืองนอกไร้ความสนุก แม้ว่ามีเงินเก็บไว้ทำให้ประชาชนหวังรุกฆาตให้แม่นางโพยจนแต้มดิ้นไม่หลุด ต้องรับผลแห่งกรรมตามบักเหลี่ยม
แม่นางโพยและพวกจึงอยู่ในสภาวะร่อแร่ อยู่บนเรือรั่วในทะเลลึก ขณะที่ฝูงเห็บเหาเริ่มดิ้นหาทางรอดกระโดดหนีจากหมาป่วยไปหาหมาอ้วนตัวใหม่ ทำให้เห็นว่านักการเมืองมีความจงรักภักดีแบบชั่วคราวเอาไว้ขายให้ผู้ประมูลสูงสุด ขี้ข้าย่อมเป็นขี้ข้าอยู่วันยังค่ำ เงินคือนายจ้างที่แน่นอนที่สุด
ถ้าต้องการความเปลี่ยนแปลง ต้องออกไปแสดงพลังขับไล่ตระกูลชั่วกังฉินกินเมือง!!!