xs
xsm
sm
md
lg

เงินหุ้นทะลักออก-บาทอ่อนไม่เลิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยร่วงต่อ 6 จุด จากสถานการณ์การเมืองในประเทศ แรงขายยังทะลัก กดดันค่าเงินบาทอ่อนแตะ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เชื่อยังผันผวนต่อแต่ไม่รุนแรง ด้าน “ฟิทช์ เรทติ้งส์”เฝ้าจับตาสถานการณ์ ประเมินมีผลต่อการบริโภคในประเทศแล้ว และหากยังยืดเยื้อจะสั่นคลอนนโยบายลงทุนภาครัฐ ที่ต้องการรัฐบาลที่แข็งแรงและได้รับความน่าเชื่อถือเข้ามาเดินหน้าผลักดัน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 พ.ย.) ดัชนีปรับตัวในแดนลบตลอดวัน โดยปิดที่ระดับ 1,352.86 จุด ลดลง 6.21 จุด หรือ  0.46% มูลค่าการซื้อขาย 32,181.18 ล้านบาท โดยมีแรงขายนำออกมาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และพลังงาน ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศที่กดดัน ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.4 พันล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1.7 พันล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 110 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 362 ล้านบาท จนเป็นผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะที่ระดับ 31.99 บาท ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าวันนี้ (26พ.ย.) เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.90-32.05 บาท/ดอลลาร์ โดยหากค่าเงินบาทขึ้นไปแตะที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ได้ ก็มีโอกาสจะอ่อนค่าไปได้อีก

ทั้งนี้ ภาพรวมดัชนีหุ้นในช่วงท้ายตลาดปรับตีตื้นขึ้นมาจาก หลายฝ่ายมองว่าตลาดหุ้นปรับลดลงแรงตอบสนองประเด็นการเมืองเกินไป เมื่อมีการบุกยึดกระทรวงการคลัง และไม่มีเหตุรุนแรง ทำให้มีแรงซื้อกลับในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนรายย่อยหันไปเล่นหุ้นไอพีโอกันอย่าคึกคัก ช่วยเป็นแรงพยุงดัชนี อย่างไรก็ตาม การเมืองยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้

โดยประเมินว่าดัชนีหุ้นวันนี้ (26 พ.ย.) มีโอกาสฟื้นตัว หากในคืนนี้การชุมนุมไม่ได้มีพัฒนาการไปสู่ความรุนแรง อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวจะเป็นไปในกรอบจำกัด และยังคงมีความผันผวนอยู่ เพราะการเมืองยังไม่มีข้อยุติ โดยมองกรอบแนวรับที่1,345 จุด และแนวต้านที่ 1,365 จุด

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง สวนทางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดฟิลิปปินส์ที่ยังอ่อนแอ เพราะยังถูกกดันจากปัจจัยลบทางการเมือง โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ เชื่อว่าตลาดยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ แต่คงจะไม่มาก และอาจจะมีการเหวี่ยงระหว่างเทรด ซึ่งอยู่ภายใต้ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรง แต่คงจะต้องติดตามดูเหตุการณ์ต่อไป พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,345-1,365 จุด
นักวิเคราะห์รายหนึ่งให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นเป็นผลให้ ตัวเลขการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติยังคงมีการขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง และมีผลให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทย ซึ่งยังมีเรื่องที่ต้องติดตาม คือ การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 26 -27พ.ย.นี้ จึงแนะนำนักลงทุนให้ชะลอการลงทุน เนื่องจากประเมินว่ายังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนการลงทุน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,340 จุด และแนวต้านที่ 1,360 จุด

“ฟิทช์ เรทติ้งส์” จับตาเสถียรภาพการเมืองไทย
นายวินเซนต์ มิลตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยสถานการณ์การเมืองขณะนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฟิทช์ฯ ใช้ในการประเมินความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยฟิทช์ฯ ได้จับตาภาวะการเมืองตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องประเมินผลกระทบในอีก 2-3 เดือนต่อจากนี้ว่า ภาวะการเมืองจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในระยะยาวมากน้อยแค่ไหน
โดยผลประเมินเบื้องต้นพบว่า ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน และหากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไป ก็จะมีผลต่อการวางนโยบายระยะยาวของประเทศ เช่น นโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาด้านการศึกษา ที่จะมีผลต่อขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว ซึ่งนโยบายเหล่านี้ต้องการรัฐบาลที่มีความเข้มแข็ง และความน่าเชื่อถือในการผลักดัน
กำลังโหลดความคิดเห็น