หุ้นไทยอ่วมปัจจัยลบหลายเด้ง ปิดตลาดร่วง 28.98 จุด ดัชนีปรับลงไปแตะที่ 1,375.86 จุด ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ตื่นตระหนก ลมปาก “กิตติรัตน์” มีมุมมองเชิงลบต่อเม็ดเงินต่างชาติ หลังโกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับน้ำหนักตลาดหุ้นไทย Underweight ทำนักลงทุนขวัญเสียชิงเทขาย ขณะที่ความกังวลการเมืองขัดแย่งหนักขึ้น ยิ่งเป็นแรงกดดันซ้ำ เพราะเริ่มเกิดความไม่แน่นอนทางด้าน ศก. และเสถียรภาพของรัฐบาล โดยวันนี้ต่างชาติขายต่อเนื่องอีก 2 พันล้าน
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,375.86 จุด ลดลง 28.98 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.06% มูลค่าซื้อขาย 34,419.66 ล้านบาท ด้านสัดส่วนผู้ลงทุน นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 2 พันล้าน นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 5.9 พันล้าน นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 2.9 พันล้าน และบัญชีโบรกเกอร์ ขายสุทธิ 979 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า นักลงทุนในประเทศเทขายหนักในวันนี้เพราะกังวลแรงขายต่างชาติถือเงินกลับ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศตนเองเริ่มฟื้นตัว และบางส่วนตื่นตระหนกการให้ข่าวของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมีมุมมองในเชิงลบต่อเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้น หลังโกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับน้ำหนักตลาดหุ้นไทย Underweight ขณะที่เดือน พ.ย. ต่างชาติยังมีการเทขายต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน ขณะที่นักลงทุนรายย่อยหันไปเก็งกำไรหุ้นจอง และหุ้นตัวเล็ก
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นในวันนี้ปรับลดลงต่อเนื่องตลอดช่วงการซื้อขายของวันนี้ โดยถือว่าเป็นจุดต่ำสุดใหม่ในรอบเกือบ 3 เดือน เนื่องจากโดนปัจจัยกดดันหลังจากการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า มีแนวโน้มที่จะลดปริมาณเงินในการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เนื่อจากเศรษฐกิจดีขึ้น ส่งผลให้มีการถอนเงินจากตลาดหุ้นเอเชียกลับประเทศตนเอง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันจากประเด็นการเมืองในประเทศที่ความขัดแย้งเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังฝ่ายนิติบัญญัติ ปฏิเสธอำนาจศาล รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มม็อบที่ยังมีต่อเนื่อง และยังมีความไม่แน่นอนจากการยื่นถอดถอน ส.ส. และ ส.ว. จำนวน 312 ราย และการยื่นส่งร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อให่ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ด้านนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี มองว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการลดขนาดมาตรการคิวอี ภายหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาดี
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยการเมืองกดดันอยู่ ทำให้ขณะนี้เกิดความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ และเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะการยกระดับการชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้จะต้องจับตาว่ามีผู้เข้าร่วมมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งปัจจัยในประเทศดังกล่าวคงทำให้นักลงทุนต่างชาติหนีหน้าไปสักพัก
ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดฯ ยังมีโอกาสที่จะรีบาวนด์หลังจากวันนี้ลงไปแรง แต่คงจะขึ้นไปได้ไม่มาก เพราะยังมีโอกาสถูกขายทำกำไรด้วย เนื่องจากตลาดฯ ยังรับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมือง พร้อมให้แนวรับ 1,350 จุด แนวต้าน 1,400 จุด