ASTVผู้จัดการรายวัน - ชาวเมืองพิษณุโลกนับพัน เตรียมเป่านกหวีดไล่ "ปลอดประสพ" ที่มรภ.พิบูลสงครามวันนี้ ด้าน "ปลอด" บอกสนุกดี โฆษกศอ.รส.ยันเป่านกหวีดไล่ผิดกฏหมายลหุโทษ พบระเบิดสังหารแบบลูกเกลี้ยง M26A1 ห่างจากโต๊ะลงชื่อถอดถอน 310 ส.ส.แค่ 10 เมตร ที่ราชบุรี โฆษกกลุ่มผู้ชุมนุมราชดำเนิน เผยจ้างสมุนแดงป่วนการชุมนุม เรียกร้อง “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ปรามลิ่วล้อใส่ร้ายม็อบ เชื่อ 312 ส.ส.-ส.ว.ทาสประกาศไม่รับคำวินิจฉัยศาล รธน. เพิ่มคนร่วมม็อบเพิ่ม
วานนี้ (19 พ.ย.) รายงานข่าวจากจ.พิษณุโลก แจ้งว่า คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตามโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม วันนี้ (20 พ.ย.) ซึ่งตามกำหนดการ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธานกบอ. ที่เพิ่งถูกเครือข่ายภาคประชาชนจ.พิจิตร เป่านกหวีดขับไล่ระหว่างไปร่วมเวทีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน จะมาร่วมงานด้วย
ทั้งนี้ จ.พิษณุโลก เป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากโครงการป้องกันพื้นที่เขตเมือง และการก่อสร้างเขื่อนลุ่มน้ำคลองชมพู อ.เนินมะปราง ที่ถูกคัดค้านมานาน จึงมีกระแสข่าวว่าชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับแผนงานของกบอ. จะเดินทางมาแสดงความเห็น 800-1,000 คน
ขณะที่นายณัฐวุฒิ อุปปะ เครือข่ายนักพัฒนาองค์กรพัฒนาเอกชน(เอ็นจีโอ) ภาคเหนือตอนล่าง กล่าวว่า กบอ.เปิดให้คนที่ได้รับกระทบจริงเข้าร่วมเวทีน้อยมาก เช่น กลุ่มคนในลุ่มน้ำชมพู ได้รับเชิญแค่ 40 คน อย่างไรก็ตามตนไม่เห็นด้วยกับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ และคัดค้านพ.ร.บ.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท เพราะการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นที่กบอ.ทำอยู่ เป็นเพียงการเอาประชาชนพันกว่าคนต่อลุ่มน้ำไปรับรองให้ผ่าน ทั้งที่โครงการไม่มีแผนรายละเอียด ทำไปแก้ไป จึงไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ สมควรที่ยกเลิกเงินกู้อย่างสิ้นเชิง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย จะออกมาร่วมคัดค้าน และจะเป่านกหวีดขับไล่ด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นกหวีดอาจมี เพราะเป็นเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล บอกห้ามหรือไม่ห้ามก็ไม่ได้ แต่ยืนยันว่าการออกมาเคลื่อนไหวไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นการปกป้องสิทธิ์ในการจัดการสิ่งแวดล้อม มั่นใจว่าประชาชนที่ได้รับกระทบรับทราบข่าวแล้ว พร้อมจะเข้าร่วมจำนวนมาก
"ยืนยันว่าไม่มีการจัดตั้งมวลชนแน่นอน ถามว่ากลัวโดนฟ้องหรือไม่กรณีเป่านกหวีด บอกได้ว่าไม่กลัว เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล การเป่านกหวีดไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเชื่อว่าไม่ใช่ความรุนแรง"
นางแน่งน้อย อัศวกิติกร แกนนำเครือข่ายเอ็นจีโอ กล่าวว่า การเป่านกหวีดเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ถ้าผิดตำรวจจราจรก็ผิดด้วย ซึ่งในแง่กฎหมายก็ว่ากันไป เปรียบเทียบปรับไม่เท่าไหร่ ทุกคนพร้อมจ่าย เชิญมาจับได้เลย จับตนเป็นคนแรกก็ได้ แลกกับขอให้ทุกคนได้เข้าร่วมเวที อย่างไรก็ตามฝากถึงตำรวจและทหารไม่ต้องกลัวอะไร คนพิษณุโลกไปแบบชาวบ้าน ไม่มีจัดตั้ง คาดว่าจะมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการแก้มลิง และเขื่อนลุ่มน้ำคลองชมพู มาร่วมเกือบ 1 พันคนแน่นอน
ด้านนายปลอดประสพ กล่าวถึงกรณีถูกนกหวีดเป่าใส่ขณะร่วมจัดเวทีกบอ.ที่จ.พิจิตร ว่าที่ตนเป่ากลับคืนไปก็ไม่ได้ยั่วยุ เพราะถูก 50 คนรุมเป่าใส่ ซึ่งเป่านกหวีดใส่กันสนุกดี อย่าโกรธกัน อย่าพูดหยาบ อยากจะเป่าเป็นสัญลักษณ์ก็เป่าไม่เห็นเป็นไร และคิดว่าการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการคัดค้านโครงการน้ำด้วย
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)กล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมเป่านกหวีดใส่กลุ่มบุคคลต่างๆนั้น เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ จึงอยากฝากเตือนว่า แม้จะเป็นการใช้สิทธิ แต่ต้องไม่ไปล่วงละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น เพราะหากมีการแจ้งความร้องทุกข์ ตำรวจก็ต้องดำเนินคดี
***คปท.ตรังพร้อมปรี๊ดๆไล่"ปู"22-24พ.ย.
นายศักร์สฤษฎิ์ ศรีประศาสตร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.)จ.ตรัง กล่าวว่า ชาวตรังเตรียมเป่านกหวีดต้อนรับนักการเมือง และน.ส.ยิ่งลักษ์ณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะมาร่วมการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ วันที่ 22-24 พฤศจิกายน ที่จังหวัดเป็นเจ้าภาพ โดยไม่กลัวการสกัดกั้น เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติ และไม่หวั่นเกรง เพราะไม่ได้ทำลายทรัพย์สินหรือชีวิต แต่เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
"ขอเรียกร้องไปยังหอการค้าไทยว่า การประชุมหอการค้าทั่วประเทศไม่ควรอิงนักการเมือง หรือเชิญนักการเมืองที่มีปัญหามาร่วม เพราะหอการค้าไทยมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ จะเชิญใครมาเป็นประธานเปิดหรือร่วมประชุมก็ได้ แต่สมควรจะปฏิเสธนักการเมือง หรือตัวแทนนักการเมือง เพราะปัญหาขณะนี้เกิดจากนักการเมือง"
นายศักร์สฤษฎิ์กล่าวว่า ได้เสนอไปยังเวทีราชดำเนิน สะพานผ่านฟ้า และสะพานมัฆวาน ว่า ขอให้แกนนำทั้ง 3 เวทีประชุมกัน เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากขณะนี้ประชาชนสับสน โดยเป้าหมายสูงสุดที่แกนนำต่างจังหวัดอยากให้มีในเวทีใหญ่ คือ การชูธงปฏิรูปประเทศไทย เนื่องจากจะแก้ปัญหาของประเทศได้ รวมทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะช่วยลดความแตกแยกของคนไทยได้
***ผูกระเบิดขู่ม็อบต้านพ.ร.บ.ยกเข่ง
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้(19 พ.ย.) ร.ต.อ.อาคม โฉมศรี ร้อยเวรสภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี รับแจ้งพบระเบิดสังหารแขวนอยู่กับเต็นท์ตั้งโต๊ะลงชื่อถอดถอนส.ส. 310 คน ที่พรรคประชาธิปัตย์จัดขึ้น บริเวณทางเข้ามัสยิดบ้านโป่ง ริมถนนแสงชูโต เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จึงรายงานพ.ต.อ.อิทธิพล ชลายนเดชะ ผกก.สภ.บ้านโป่ง พร้อมทั้งเดินทางไปที่เกิดเหตุ พบนายองอาจ ตั้งอร่ามรส อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลสถานที่ซึ่งเป็นผู้พบระเบิดผูกเชือกแขวนอยู่กับขวดนํ้าดื่มที่ป้ายผ้ารณรงค์คัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ห่างจากโต๊ะลงรายชื่อประมาณ 10 เมตร
นายองอาจ กล่าวว่า ตอนแรกคิดว่าเป็นระเบิดของเล่น จึงได้หยิบมาดู แต่ปรากฏว่ามีน้ำหนักลักษณะลูกเกลี้ยง เชื่อว่าเป็นของจริงจึงวางไว้ที่พื้น แล้วแจ้งตำรวจ พร้อมประสานชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีมาเก็บกู้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเก็บกู้ได้ ละนําไปตรวจลายนิ้วมือแฝง เพื่อติดตามมือวางระเบิดมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมา นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เดินทางมาที่เกิดเหตุ และตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดสังหารแบบลูกเกลี้ยงชนิด M26A1 สภาพใหม่ ยังไม่ได้ถอดสลักนิรภัย แต่รหัสถูกลบออก ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากสังกัดใด
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ แกนนำเสรีชนคนรักบ้านโป่ง และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ จัดสถานที่ให้ประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อยื่นถอดถอนส.ส. 310 คน ที่โหวตผ่านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเปิดลงชื่อวันที่ 18-19 พฤศจิกายน มีร่วมลงชื่อที่อ.เมือง 7,000 คน และอ.บ้านโป่ง 4,000 คน คาดว่าคนร้ายคงมีเจตจนาข่มขู่แกนนำและประชาชนให้เกิดความหวาดกลัว
***แฉจ้างสมุนแดงป่วนชุมนุม
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน แถลงว่า มีรายงานจากกการ์ดรักษาความปลอดภัยการชุมนุมว่า เวลาประมาณ 10.30 น. มีชายคนหนึ่งต่อว่าผู้ร่วมชุมนุม และพยายามจะเข้าไปทำร้าย การ์ดและผู้ชุมนุม จึงได้เข้าห้ามปรามและจับตัวมาสอบสวนในเบื้องต้น ได้ข้อมูลว่าชายคนดังกล่าวชื่อว่า วัชรินทร์ ซื่อตรง อายุ 35 ปี โดยเจ้าตัวได้สารภาพว่าเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยได้รับการว่าจ้างวันละ 200 บาท จากนายอภิวัฒน์ รุ่งโรจน์ เพื่อให้เข้าร่วมชุมนุมและก่อความวุ่นวายในการชุมนุม
ทั้งนี้ เบื้องต้นทางการ์ดรักษาความปลอดภัยได้ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปส่งที่ สน.สำราญราษฎร์แล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวัน สอบปากคำ และดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป นอกจากการก่อความวุ่นวายในพื้นที่ชุมนุมแล้ว บรรดาลิ่วล้อรัฐบาลยังคงมีการใส่ร้าย ยั่วยุ ท้าทาย โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กลับไม่ห้ามปรามการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด
“มีความพยายามประทุษร้ายแกนนำ และก่อเหตุในพื้นที่ชุมนุมมาโดยตลอด ทั้งการวางตะปูเรือใบ การจ้างคนมาก่อกวนการชุมนุม รวมถึงกระแสข่าวสไนเปอร์ ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การปล่อยข่าวเพื่อสร้างความขัดแย้งอย่างที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติระบุ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเราพร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความปลอดภัย แต่ขอให้แต่งชุดเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน”
นายเอกนัฏกล่าวว่า วันนี้ยังมีการเปิดลงชื่อถอดถอน ส.ส.310 คนที่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นวันสุดท้าย โดยจะมีการปิดรับการลงชื่อถอดถอนในเวลา 22.00 น. ทั้งนี้มีรายงานว่า ขณะนี้รายชื่อทั้งหมดมีมากกว่า 1 แสนคนแล้ว และคาดว่าในช่วงเช้าของวันที่ 20 พ.ย.นี้ แกนนำการชุมนุมจะนำรายชื่อทั้งหมดยื่นต่อประธานวุฒิสภาได้
ส่วนการที่ 312 ส.ส.-ส.ว.ที่แสดงท่าทีไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.นั้น ถือเป็นการไม่ยอมรับอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ เป็นการใช้อำนาจเผด็จการภายใต้ระบอบทักษิณ ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้มีคนมาร่วมชุมนุมที่เวทีราชดำเนินเพิ่มขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้
วานนี้ (19 พ.ย.) รายงานข่าวจากจ.พิษณุโลก แจ้งว่า คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตามโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม วันนี้ (20 พ.ย.) ซึ่งตามกำหนดการ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธานกบอ. ที่เพิ่งถูกเครือข่ายภาคประชาชนจ.พิจิตร เป่านกหวีดขับไล่ระหว่างไปร่วมเวทีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน จะมาร่วมงานด้วย
ทั้งนี้ จ.พิษณุโลก เป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากโครงการป้องกันพื้นที่เขตเมือง และการก่อสร้างเขื่อนลุ่มน้ำคลองชมพู อ.เนินมะปราง ที่ถูกคัดค้านมานาน จึงมีกระแสข่าวว่าชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับแผนงานของกบอ. จะเดินทางมาแสดงความเห็น 800-1,000 คน
ขณะที่นายณัฐวุฒิ อุปปะ เครือข่ายนักพัฒนาองค์กรพัฒนาเอกชน(เอ็นจีโอ) ภาคเหนือตอนล่าง กล่าวว่า กบอ.เปิดให้คนที่ได้รับกระทบจริงเข้าร่วมเวทีน้อยมาก เช่น กลุ่มคนในลุ่มน้ำชมพู ได้รับเชิญแค่ 40 คน อย่างไรก็ตามตนไม่เห็นด้วยกับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ และคัดค้านพ.ร.บ.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท เพราะการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นที่กบอ.ทำอยู่ เป็นเพียงการเอาประชาชนพันกว่าคนต่อลุ่มน้ำไปรับรองให้ผ่าน ทั้งที่โครงการไม่มีแผนรายละเอียด ทำไปแก้ไป จึงไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ สมควรที่ยกเลิกเงินกู้อย่างสิ้นเชิง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย จะออกมาร่วมคัดค้าน และจะเป่านกหวีดขับไล่ด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นกหวีดอาจมี เพราะเป็นเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล บอกห้ามหรือไม่ห้ามก็ไม่ได้ แต่ยืนยันว่าการออกมาเคลื่อนไหวไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นการปกป้องสิทธิ์ในการจัดการสิ่งแวดล้อม มั่นใจว่าประชาชนที่ได้รับกระทบรับทราบข่าวแล้ว พร้อมจะเข้าร่วมจำนวนมาก
"ยืนยันว่าไม่มีการจัดตั้งมวลชนแน่นอน ถามว่ากลัวโดนฟ้องหรือไม่กรณีเป่านกหวีด บอกได้ว่าไม่กลัว เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล การเป่านกหวีดไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเชื่อว่าไม่ใช่ความรุนแรง"
นางแน่งน้อย อัศวกิติกร แกนนำเครือข่ายเอ็นจีโอ กล่าวว่า การเป่านกหวีดเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ถ้าผิดตำรวจจราจรก็ผิดด้วย ซึ่งในแง่กฎหมายก็ว่ากันไป เปรียบเทียบปรับไม่เท่าไหร่ ทุกคนพร้อมจ่าย เชิญมาจับได้เลย จับตนเป็นคนแรกก็ได้ แลกกับขอให้ทุกคนได้เข้าร่วมเวที อย่างไรก็ตามฝากถึงตำรวจและทหารไม่ต้องกลัวอะไร คนพิษณุโลกไปแบบชาวบ้าน ไม่มีจัดตั้ง คาดว่าจะมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการแก้มลิง และเขื่อนลุ่มน้ำคลองชมพู มาร่วมเกือบ 1 พันคนแน่นอน
ด้านนายปลอดประสพ กล่าวถึงกรณีถูกนกหวีดเป่าใส่ขณะร่วมจัดเวทีกบอ.ที่จ.พิจิตร ว่าที่ตนเป่ากลับคืนไปก็ไม่ได้ยั่วยุ เพราะถูก 50 คนรุมเป่าใส่ ซึ่งเป่านกหวีดใส่กันสนุกดี อย่าโกรธกัน อย่าพูดหยาบ อยากจะเป่าเป็นสัญลักษณ์ก็เป่าไม่เห็นเป็นไร และคิดว่าการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการคัดค้านโครงการน้ำด้วย
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)กล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมเป่านกหวีดใส่กลุ่มบุคคลต่างๆนั้น เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ จึงอยากฝากเตือนว่า แม้จะเป็นการใช้สิทธิ แต่ต้องไม่ไปล่วงละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น เพราะหากมีการแจ้งความร้องทุกข์ ตำรวจก็ต้องดำเนินคดี
***คปท.ตรังพร้อมปรี๊ดๆไล่"ปู"22-24พ.ย.
นายศักร์สฤษฎิ์ ศรีประศาสตร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.)จ.ตรัง กล่าวว่า ชาวตรังเตรียมเป่านกหวีดต้อนรับนักการเมือง และน.ส.ยิ่งลักษ์ณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะมาร่วมการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ วันที่ 22-24 พฤศจิกายน ที่จังหวัดเป็นเจ้าภาพ โดยไม่กลัวการสกัดกั้น เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติ และไม่หวั่นเกรง เพราะไม่ได้ทำลายทรัพย์สินหรือชีวิต แต่เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
"ขอเรียกร้องไปยังหอการค้าไทยว่า การประชุมหอการค้าทั่วประเทศไม่ควรอิงนักการเมือง หรือเชิญนักการเมืองที่มีปัญหามาร่วม เพราะหอการค้าไทยมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ จะเชิญใครมาเป็นประธานเปิดหรือร่วมประชุมก็ได้ แต่สมควรจะปฏิเสธนักการเมือง หรือตัวแทนนักการเมือง เพราะปัญหาขณะนี้เกิดจากนักการเมือง"
นายศักร์สฤษฎิ์กล่าวว่า ได้เสนอไปยังเวทีราชดำเนิน สะพานผ่านฟ้า และสะพานมัฆวาน ว่า ขอให้แกนนำทั้ง 3 เวทีประชุมกัน เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากขณะนี้ประชาชนสับสน โดยเป้าหมายสูงสุดที่แกนนำต่างจังหวัดอยากให้มีในเวทีใหญ่ คือ การชูธงปฏิรูปประเทศไทย เนื่องจากจะแก้ปัญหาของประเทศได้ รวมทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะช่วยลดความแตกแยกของคนไทยได้
***ผูกระเบิดขู่ม็อบต้านพ.ร.บ.ยกเข่ง
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้(19 พ.ย.) ร.ต.อ.อาคม โฉมศรี ร้อยเวรสภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี รับแจ้งพบระเบิดสังหารแขวนอยู่กับเต็นท์ตั้งโต๊ะลงชื่อถอดถอนส.ส. 310 คน ที่พรรคประชาธิปัตย์จัดขึ้น บริเวณทางเข้ามัสยิดบ้านโป่ง ริมถนนแสงชูโต เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จึงรายงานพ.ต.อ.อิทธิพล ชลายนเดชะ ผกก.สภ.บ้านโป่ง พร้อมทั้งเดินทางไปที่เกิดเหตุ พบนายองอาจ ตั้งอร่ามรส อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลสถานที่ซึ่งเป็นผู้พบระเบิดผูกเชือกแขวนอยู่กับขวดนํ้าดื่มที่ป้ายผ้ารณรงค์คัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ห่างจากโต๊ะลงรายชื่อประมาณ 10 เมตร
นายองอาจ กล่าวว่า ตอนแรกคิดว่าเป็นระเบิดของเล่น จึงได้หยิบมาดู แต่ปรากฏว่ามีน้ำหนักลักษณะลูกเกลี้ยง เชื่อว่าเป็นของจริงจึงวางไว้ที่พื้น แล้วแจ้งตำรวจ พร้อมประสานชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีมาเก็บกู้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเก็บกู้ได้ ละนําไปตรวจลายนิ้วมือแฝง เพื่อติดตามมือวางระเบิดมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมา นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เดินทางมาที่เกิดเหตุ และตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดสังหารแบบลูกเกลี้ยงชนิด M26A1 สภาพใหม่ ยังไม่ได้ถอดสลักนิรภัย แต่รหัสถูกลบออก ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากสังกัดใด
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ แกนนำเสรีชนคนรักบ้านโป่ง และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ จัดสถานที่ให้ประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อยื่นถอดถอนส.ส. 310 คน ที่โหวตผ่านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเปิดลงชื่อวันที่ 18-19 พฤศจิกายน มีร่วมลงชื่อที่อ.เมือง 7,000 คน และอ.บ้านโป่ง 4,000 คน คาดว่าคนร้ายคงมีเจตจนาข่มขู่แกนนำและประชาชนให้เกิดความหวาดกลัว
***แฉจ้างสมุนแดงป่วนชุมนุม
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน แถลงว่า มีรายงานจากกการ์ดรักษาความปลอดภัยการชุมนุมว่า เวลาประมาณ 10.30 น. มีชายคนหนึ่งต่อว่าผู้ร่วมชุมนุม และพยายามจะเข้าไปทำร้าย การ์ดและผู้ชุมนุม จึงได้เข้าห้ามปรามและจับตัวมาสอบสวนในเบื้องต้น ได้ข้อมูลว่าชายคนดังกล่าวชื่อว่า วัชรินทร์ ซื่อตรง อายุ 35 ปี โดยเจ้าตัวได้สารภาพว่าเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยได้รับการว่าจ้างวันละ 200 บาท จากนายอภิวัฒน์ รุ่งโรจน์ เพื่อให้เข้าร่วมชุมนุมและก่อความวุ่นวายในการชุมนุม
ทั้งนี้ เบื้องต้นทางการ์ดรักษาความปลอดภัยได้ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปส่งที่ สน.สำราญราษฎร์แล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวัน สอบปากคำ และดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป นอกจากการก่อความวุ่นวายในพื้นที่ชุมนุมแล้ว บรรดาลิ่วล้อรัฐบาลยังคงมีการใส่ร้าย ยั่วยุ ท้าทาย โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กลับไม่ห้ามปรามการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด
“มีความพยายามประทุษร้ายแกนนำ และก่อเหตุในพื้นที่ชุมนุมมาโดยตลอด ทั้งการวางตะปูเรือใบ การจ้างคนมาก่อกวนการชุมนุม รวมถึงกระแสข่าวสไนเปอร์ ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การปล่อยข่าวเพื่อสร้างความขัดแย้งอย่างที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติระบุ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเราพร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความปลอดภัย แต่ขอให้แต่งชุดเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน”
นายเอกนัฏกล่าวว่า วันนี้ยังมีการเปิดลงชื่อถอดถอน ส.ส.310 คนที่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นวันสุดท้าย โดยจะมีการปิดรับการลงชื่อถอดถอนในเวลา 22.00 น. ทั้งนี้มีรายงานว่า ขณะนี้รายชื่อทั้งหมดมีมากกว่า 1 แสนคนแล้ว และคาดว่าในช่วงเช้าของวันที่ 20 พ.ย.นี้ แกนนำการชุมนุมจะนำรายชื่อทั้งหมดยื่นต่อประธานวุฒิสภาได้
ส่วนการที่ 312 ส.ส.-ส.ว.ที่แสดงท่าทีไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.นั้น ถือเป็นการไม่ยอมรับอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ เป็นการใช้อำนาจเผด็จการภายใต้ระบอบทักษิณ ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้มีคนมาร่วมชุมนุมที่เวทีราชดำเนินเพิ่มขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้