xs
xsm
sm
md
lg

รัฐประหารตัวเอง 20พ.ย.แม้วสั่งแดงชนม็อบ "เทือก"ลั่นดึงล้านคนปิดเกม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คาดการเมืองหลัง 20 พ.ย.ตึงเครียดรุนแรง มีการสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่การรัฐประหารตัวเอง ซัด "ยิ่งลักษณ์" ให้ท้ายเสื้อแดงชุมนุมกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีคำพิพากษากรณีที่มาของ ส.ว. ในวันที่ 20 พ.ย. ปชป.เตรียมยื่นถอดถอน 310 ส.ส.19 พ.ย.นี้ ราชดำเนินดึงคนเสื้อแดงมือเผาศาลากลางขอนแก่นขึ้นเวทีเปิดใจถูกหลอกให้เผา "เทือก" ประกาศระดมพล 24 พ.ย.เกินล้านล้มแม้ว ด้าน "ปู" เปิดงานสร้างภาพต่อต้านความรุนแรง

จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ขณะเดียวกันก็มีการนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื่อแดง ในวันที่ 19-20 พ.ย. ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นการชุมนุมเพื่อกดดันการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และอาจเกิดเหตุการณืความรุนแรงหากคำพิพากษาของศาลฯ ออกมาในทิศทางที่ไม่เป็นคุณกับรัฐบาล
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง เรื่องนี้ว่า มีบางฝ่ายออกมาพูดในลักษณะว่า ทราบคำวินิจฉัยล่วงหน้าว่า ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ขอวิงวอนทุกฝ่ายให้เคารพการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ เปิดโอกาสให้ทำหน้าที่อย่างอิสระ โดยไม่ได้รับแรงกดดันจากฝ่ายใดทั้งสิ้น การพูดผลวินิจฉัยล่วงหน้าเป็นความพยายามชี้นำ และกดดันการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น และยังมีคนเสื้อแดง ที่เป็นมวลชนของรัฐบาล มีพฤติกรรมกดดันศาลรัฐธรรมนูญ โดยพยายามสร้างเงื่อนไขกดดันหลายประการคือ พยายามกดดันให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปตามที่กลุ่มของตัวเองต้องการ โดยแกนนำเสื้อแดงออกมาบอกว่า ถ้าผลวินิจฉัยออกมาในทางลบ จะมีมาตรการตอบโต้อย่างรุนแรง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ตรงตามทีึ่ตัวเองต้องการ จะใช้เป็นข้ออ้างไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าคนเหล่านี้ได้รับการส่งสัญญาณจากคนในรัฐบาลให้ทำแบบนี้ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกแกนนำคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้าร่วมประชุมพรรคเพื่อไทย กับนายกฯ แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนเสื้อแดง และรัฐบาลนั้นเป็นเนื้อเดียวกัน

ดังนั้น การกดดันศาลรัฐธรรมนูญของคนเสื้อแดง จึงเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในครั้งนี้ ถ้านายกฯ ไม่ห้ามปราม หรือไม่ส่งสัญญาณ ยุติพฤติกรรมดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็คือผู้ที่มีส่วนสำคัญในการกดดันศาลรัฐธรรมนูญด้วย
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า แกนนำคนเสื้อแดง ยังเตรียมที่จะจัดการชุมนุมใหญ่ วันที่ 19-20 พ.ย.56 ซึ่งตรงกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยประเด็นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า แกนนำคนเสื้อแดงต้องการใช้มวลชนกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้คำวินิจฉัยตรงกับความต้องการของตัวเอง ดังนั้น จึงขอย้ำว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องยับยั้งพฤติกรรมของคนเหล่านี้ ทั้งการกดดันด้วยวาจา และการกระทำ

**เล็งยื่นถอดถอน 310 ส.ส.19 พ.ย.นี้

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อนุสารีย์ประชาธิปไตย กล่าวถึงการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน 310 ส.ส.ที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า วันนี้ (18 พ.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ จะไปแสดงตัวกับประธานวุฒิสภาก่อน และเมื่อรวบรวมรายชื่อได้เกิน 20,000 คน จะยื่นถอดถอนภายในวันที่ 19 พ.ย.นี้

** การเมืองหลัง 20 พ.ย.ตึงเครียด

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองกำลังเข้าสู่โหมดแห่งความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น และหลังวันที่ 20 พ.ย. นี้ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาทางใดก็ตาม สถานการณ์ก็ยังไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายลง
สมมติว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณีคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของส.ว. เป็นคุณกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่ชุมนุมอยู่ถนนราชดำเนิน ก็จะทำให้คนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมรับ และสร้างกระแสต่อต้านไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ
ในขณะเดียวกัน หากคำวินิจฉัยเป็นคุณกับฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็จะส่งผลให้การชุมนุมต้องยกระดับกดดันรัฐบาลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้จบภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ตามคำประกาศของแกนนำ ฉะนั้น หลังวันที่ 20 พ.ย. คงมีการเคลื่อนไหวใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่าย และมีโอกาสเกิดการเผชิญหน้ากันได้ตลอดเวลา
ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นเพราะรัฐบาลที่มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่ได้วางตัวที่เหมาะสม แต่กลับสั่งกลไกรัฐทุกระดับ ปกป้องค้ำบัลลังก์ตนเองและสั่งระดมมวลขนมาสนับสนุน เพื่อยืดอายุของตัวเองต่อไป โดยไม่สนใจความขัดแย้ง แตกแยก ที่จะตามมา
ปรากฏการณ์แบบนี้ กำลังสร้างเงื่อนไขให้เกิดอำนาจนอกระบบคล้ายๆ เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กัยายน 2549 ถึงตอนนั้น รัฐบาลจะไปโทษใครก็เป็นเรื่องยาก หรือสายเกินแก้

ทั้งนี้ การชุมนุมไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลก็ต้องพิจารณาตัวเอง จะยุบสภา หรือลาออก ก็ย่อมทำได้ แต่การปลุกระดมมวลชนมาเผชิญหน้ากับประชานที่เห็นต่างกับรัฐบาล ไม่ใช่วิถีของรัฐบาลประชาธิปไตย

**“ยิ่งลักษณ์”สร้างภาพต้านความรุนแรง

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ 17 พ.ย. ที่ สนามกีฬากองทัพอากาศธูปเตมีย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประะธานในการเปิดโครงการ “เสียงพลังประชาชน ยุติความรุนแรง”โดยมีรัฐมนตรี อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายพีระพันธ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์ นางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขา ปปส. ร่วมงาน ทั้งนี้ กลุ่มที่เดินทางมาร่วมงานต่างตะโกนสนับสนุนและให้กำลังใจว่า "ยิ่งลักษณ์สู้ๆ " ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับยิ้มปลื้ม
ทั้งนี้ ภายในงาน มีการประกาศเจตนารมณ์ “เสียงพลังประชาชน ยุติความรุนแรง”เพื่อให้เกิดการรวมพลังภาคประชาชน นำไปสู่การยุติความรุนแรงด้วยการ ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว พร้อมทั้งมอบธงสัญลักษณ์ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ 18 กลุ่มเป้าหมายอีกด้วย และกำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี”

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า อยากใช้โอกาสนี้ ขอความร่วมมือกับสังคมไทยทำทุกอย่าง เพื่อไม่นำให้ก่อเกิดความรุนแรง เชื่อว่าเป็นเป้าหมายที่สังคมทุกส่วนอยากเห็น ซึ่งภาครัฐ ได้พยายามรณรงค์โดยการสร้างจิตสำนึกในทุกกลุ่ม ทั้งในครอบครัวและการรณรงค์ การปกป้องสิทธิ ขณะเดียวกันทางสำนักงานอัยการ และกระทรวงยุติธรรม ก็พยายามรณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิ เพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า ความรุนแรงที่อาจเกิดจากทางการเมืองในขณะนี้จะแก้ไขอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นเจตนารมย์ที่เรารณรงค์ทุกปี และอยากขอความร่วมมือว่า รัฐบาลอยากเห็นความสงบ และไม่ใช้กำลังกับผู้ชุมนุม และกลุ่มที่แสดงความคิดเห็นเรียกร้องต่างๆ รัฐบาลเคารพในสิทธิการแสดงออกของผู้ชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย ขณะเดียวกันต้องขอความร่วมมือ ถ้าส่วนใดที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะทำให้สังคมมีความสบายใจ เช่น การแสดงสิทธิตามข้อกฎหมาย ก็อยากขออนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไปทำงานตามปกติ ช่วงนี้ใกล้เทศกาล โดยเฉพาะวันลอยกระทงในวันนี้ (17พ.ย.) อยากให้ประชาชนมีความสบายใจ คลายความกังวล
เมื่อถามว่า นายกฯ กลัวเสียงนกหวีดเป่าใส่ หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นการแสดงออกของพี่น้องประชาชน เราคงไม่สามารถไปพูด หรือก้าวละเมิดอะไรได้ แต่ต้องขอความกรุณาว่า บางครั้งงานที่เป็นทางการ ก็อยากให้เห็นถึงความสามัคคี อีกทั้งในการแสดงออก ก็มีหลายวิธีและมีอีกหลายเวทีที่จะรับฟังความเห็น
ส่วนในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว.นั้น รัฐบาลคงไม่สามารถก้าวล่วงอะไรได้ ในข้อเท็จจริงแล้ว เราก็พยายามรับฟังกันด้วยเหตุและผล คงต้องขออนุญาต ทุกอย่างต้องขอให้ประชาชนรับฟังด้วยเหตุและผล อย่าใช้อารมณ์ ทุกอย่างเชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ และดูในเรื่องกติกาต่างๆ อย่างสมบูรณ์ และเราอยากเห็นบ้านเมืองก้าวไปสู่ความสงบสุข สองสามปีที่ผ่านมา เรามีบรรยากาศไปในทิศทางที่ดีแล้ว ก็อยากเห็นบรรยากาศเหล่านี้ต่อไป

**"ชินวัตร"เผ่นนอกสัญญาณความรุนแรง

น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ไปเปิดงานยุติความรุนแรง ว่า ขอส่งสัญญาณถึงนายกฯ ว่าให้จดจำอีเวนต์ เหล่านี้ รวมทั้งสัญลักษณ์ยุติความรุนแรงด้วยการตั้งสติ ไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนอย่างแท้จริง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันทุกกลุ่ม ให้ใช้เป็นนโยบายต่อฝ่ายความมั่นคง และสตช. ในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมที่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น และขอให้่นายกฯ ใช้โอกาสก่อนเดินทางไปสิงคโปร์ ในสัปดาห์หน้า ได้ประชุมฝ่ายความมั่นคง และมอบนโยบายให้เรียบร้อยก่อน เพราะขณะนี้ลิ่วล้อรัฐบาล กลายเป็นคู่ขัดแย้ง และแสดงสถานะของตัวเองในการเพิ่มชนวนความขัดแย้งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ใส่ร้ายผู้ชุมนุมในเรื่องอาวุธ อย่างไร้ความรับผิดชอบ จึงขอเรียกร้องให้มีการจับกุมผู้ขนอาวุธ หรือคนที่ถือสไนเปอร์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ภายในสองวันนี้ ถ้าไม่สามารถจับกุมใครได้ ก็ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการดูแลความสงบเรียบร้อย

น.ส.มัลลิกา ยังตั้งคำถามถึง กรณีที่ครอบครัวชินวัตร รวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางออกนอกประเทศในช่วงเวลานี้ว่า เป็นเพราะมีใบสั่งให้ใช้ ความรุนแรงกับประชาชนหรือไม่ จึงไม่อยู่ในประเทศ ขอให้นายกฯ พูดให้ชัดเจน เนื่องจากสังคมมีความเคลือบแคลงใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีข่าวกรองว่า ขณะนี้มีคนที่ไม่มีตำแหน่งในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่อยู่นอกประเทศ ประสานงานโดยตรงกับตำรวจใหญ่บางคน พยายามที่จะหาเหตุให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลหมดความชอบธรรม จึงมีข่าวการปะทะกันออกสื่อบ่อยครั้ง และมีการยั่วยุนักเรียนอาชีวะ และการ์ดของผู้ชุมนุมด้วยการยั่วยุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการออกข่าวด้วยข้อมูลจากฝั่งตำรวจทั้งหมด แต่ไม่มีข้อมูลจากฝ่ายผู้ชุมนุม ตนจึงขอฝากว่ากรณีการทำงานนอกระบบราชการหรือคำสั่งนอกระบบแบบนี้จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย ไม่เกิดความยุติธรรม และกลายเป็นชนวนสำคัญที่จะทำให้เกิดปัญหา จึงขอให้ ผบ.ตร. จัดการเรื่องนี้ให้อยู่ในระบบ ขจัดคนที่รับงานนอกระบบแต่อาศัยเครื่องแบบในการทำงานออกไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อบ้านเมือง

**หวั่นมือที่สามสร้างสถานการณ์

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชนผู้ชุมนุม เนื่องจากเกรงว่าจะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ เพราะเจ้าหน้าที่มีข้อมูลบางประเด็น สืบเนื่องจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวพาดพิงบนเวทีปราศรัยว่า ตนกล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็นคนติดยา หรือคนว่างงาน จึงขอทำความเข้าใจต่อประชาชนว่า ตนไม่ใช่คนนิสัยกร้าวร้าว เพราะจำได้ว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้มีข้อมูลของทางสันติบาลว่า มีผู้ไม่หวังดี ชักชวนกลุ่มบุคคลที่ว่างงานและติดยาเสพติด เข้าร่วมการชุมนุมด้วย ตนจึงฝากให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมเฝ้าสังเกตกลุ่มคนเหล่านี้ หากพบคนที่มีความผิดปกติจะได้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ถือว่าเป็นการฝากข้อห่วงใยมากกว่า ตนจึงยืนยันว่าไม่ได้กล่าวหาผู้ชุมนุมเป็นคนติดยา หรือคนว่างงาน
ส่วนเรื่องที่นายสุเทพกล่าวหาว่าครอบครัวของตนมีฐานะร่ำรวยมาจากไหนอย่างไร ขอยืนยันว่าไม่ได้ร่ำรวยอะไร ถือว่ามีพออยู่พอกินเท่านั้น

"คุณสุเทพความจำสั้นไปหน่อย เพราะคุณสุเทพ ได้เปอร์เซ็นต์เล็กๆ น้อยๆ มาจากการขายที่ดินส.ป.ก.ที่ดินเขาแพง หรือค่าคอมมิชชั่น จากการสร้างโรงพัก ยังกลัวแทนคุณสุเทพว่า หากการชุมนุมไม่สำเร็จตามที่นายสุเทพตั้งเป้าไว้สิ้นเดือนพ.ย. นายสุเทพ จะไปผูกคอตาย เพราะผมยังไม่อยากให้นายสุเทพตาย " พล.ต.อ.ประชา กล่าว

ส่วนกรณีนายสุเทพ ประกาศจะชุมนุมสำเร็จในภายสิ้นเดือนพ.ย.นี้ รัฐบาลเองต้องคิดอยู่แล้วว่า อะไรที่ทำให้สถานการณ์มีความปกติได้ ก็จะพยายามทำ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่หลักในการควบคุมสถานการณ์ ไม่อยากให้เกิดเหตุขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็ตาม ฉะนั้นเราก็เพิ่มมาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัย แต่หากจะให้มีความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ทางผู้ชุมนุมเองต้องเฝ้าระวังด้วยว่า มีคนที่ผิดปกติหรือผิดสังเกตเข้ามาปะปนในการชุมนุมหรือไม่ เพราะมือที่สามอาจจะสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้ตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19-20 พ.ย. นี้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เราจะดูแลเรื่องความปลอดภัยเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อมีคนหมู่มากมารวมตัวกันก็ต้องเฝ้าระวัง แต่ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ผิดปกติอะไร เพราะทั้งสองคนกลุ่มอยู่ละจุด ซึ่งห่างไกลกันมาก

ส่วนกรณีที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีการนำอาอาวุธสงครามเข้ามาในที่ชุมนุม รองนายกฯ กล่าวว่า เราพยายามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เท่าที่ทราบซึ่งข้อมูลเป็นจริง คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมชาวกัมพูชา ได้ 2 คน บริเวณกลุ่มผู้ชุมนุมยาง ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งคู่มีอาวุธปืน ตนจึงเป็นห่วงเรื่องการที่นำชาวต่างชาติที่ไม่มีส่วนในการรับผิดชอบต่อสถานการณ์ใดๆ เข้ามาร่วมชุมนุมด้วย ส่วนจะมีอาวุธรุ่นใดหรือจำนวนเท่าใดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ

** หัวหน้าพท.ลั่นไม่มี “ระบอบทักษิณ”

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีราชดำเนิน กล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทย คือระบอบทักษิณ เป็นการใช้วาทกรรมป้ายสี เพราะรัฐธรรมนูญปี 40 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ไม่ได้ร่าง เป็นกฎหมายที่ ส.ส.ร.ร่าง ต่อมารัฐธรรมนูญปี 50 คมช.เป็นผู้ร่าง มัดมือมัดเท้าเราทุกอย่าง เพื่อไทยก็ชนะได้ เพราะเพื่อไทยมีรากฐานมาจากประชาธิปไตยที่กินได้ ทำตามนโยบายที่เสนอกับประชาชน ยกรดับความเป็นอยู่ของประชาชน ผิดกับคนที่กล่าวหาเรา ที่มาจากระบอบอำนาจแฝง อำนาจได้มาจากการรัฐประหาร
ทั้งนี้ ขอปฏิเสธเราไม่ใช่ระบอบทักษิณ แต่เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน และได้ผลตอบสนองกลับมาจากประชาชนมากที่สุด วันนี้คนโจมตีเรามา เคยปล่อยหมามากัดชาวนา คนที่เรียกร้องขอหีบบัตรเลือกตั้ง กลับได้หีบศพ 99 ใบ พรรคเพื่อไทย มีหัวใจอยู่ที่ประชาชน จึงชนะการเลือกตั้งมาได้ 5 ครั้ง ไม่เคยได้มาจากอำนาจแฝง ดังนั้นวันนี้ประชาชนต้องตัดสินใจว่า จะเลือกรัฐบาลจากประชาธิปไตย หรือระบอบอำนาจแฝง

เมื่อถามว่า รู้สึกกังวลกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.ในวันที่ 20 พ.ย.นี้หรือไม่ นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ต้องกังวล เพราะประเดประดังมาเยอะ

อย่างไรก็ตามการแก้รัฐธรรมนูญ จะถือว่าขัดรัฐธรรมนูญไม่ได้ โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถ้าไม่ได้แก้ไข พรรคเพื่อไทยคงไม่ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล เป็นสิ่งที่เราประกาศไว้ ซึ่งการแก้ก็เป็นไปตามครรลอง ตามกติกา ในชั้นแรกก็จะเอาแบบ ส.ส.ร.ปี 40 เมื่อศาลแนะนำให้แก้รายมาตรา เราก็ทำตามนั้น

**แฉม็อบระดมฮาร์ดคอร์ จว.ละ 500

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การเข้าชื่อยื่นถอดถอนส.ส. 310 คน ที่โหวต ผ่าน ร่าง พ.รบ.นิรโทษกรรม เป็นการทำผิดกฎหมาย และทำตามคำสั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ไม่เป็นความจริง ไม่ได้ทำตามคำสั่ง เพราะมี ส.ส ทั้งเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งไม่มีใครจับมือใครโหวตได้ และการพิจารณากฎหมายเป็นเอกสิทธิ์ ในการฎิบัติหน้าที่ ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ความเป็นส.ส. ซึ่งสิ่งที่นายสุเทพ และแนวร่วมเข้าชื่อ เป็นเกมการเมือง มุ่งเอาประเด็นยื่นถอดถอนเป็นหัวเชื้อในการจุดประเด็นในการไล่รัฐบาล และเชื่อว่า ส.ส.ที่มีการโหวตไปแล้ว มีเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมาย และไม่เข้าข่ายการละเมิดรัฐธรรมนูญ ไม่เข้าข่ายความผิด มาตรา 157

ส่วนกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาประกาศจะล้มระบอบทักษิณไม่เกินวันที่ 30 พ.ย. และยกระดับการชุมนุม ไม่ใช้สินค้าในเครือชินวัตร ยุให้ข้าราชการหยุดงาน และรวบรวมรายชื่อยื่นถอดถอนส.ส. 310 คน ก็แค่มุกใหม่ เพราะมุกเก่าแป้ก และไม่ใช่เป็นการยกระดับการชุมนุม แต่เป็นการยกระดับความก้าวร้าว ยกระดับความรุนแรง เพื่อให้สังคมไทยขัดแย้งกันเอง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าประชาชน เป็นการสร้างความเกลียดชัง ซ้ำเติมบ้านเมือง กระทบเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ซึ่งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ต้องรับผิดชอบ ตนจึงเรียกร้องให้ประชาชนใช้สติ และกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขาดข้อมูล อยากให้ติดตามข้อมูลฝ่ายรัฐบาล และผู้ที่เป็นกลาง อย่าฟังข้อมูลด้านเดียว
สำหรับกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารัฐบาลให้ท้าย นปช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจเอื้อประโยชน์ให้กับคนเสื้อแดงนั้น ตนได้ตรวจสอบแล้ว ขอปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริง นายอภิสิทธิ์ จินตนาการ บิดบือนข้อเท็จจริง หากมีหลักฐาน ให้นำมาเอาผิดกับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าอ้างลอยๆ เป็นการยั่ยุ มวลชนให้ออกมา ตนไม่อยากให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว อยากให้นายอภิสิทธิ์มีวุฒิภาวะ ถ้าไม่มีหลักฐาน แล้วพูด คือไร้วุฒิภาวะ

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนได้ข้อมูลว่าได้มีการระดมฮาร์ดคอร์ จากภาคใต้ อาทิ จ.สุราษฎร์ธานี จ.ชุมพร จ.สงขลา จ.นครศรีธรรมราช เดินทางมาจังหวัดละ 500 คน เพื่อมาร่วมชุมนุม เติมมวลชนในลักษณะที่ นายสุเทพ ได้ประกาศ ทั้งนี้ตนห่วงสถานะเรื่องมือที่ 3 และมีกลุ่มการเมือง ระดมมวลชนล่วงหน้ามาแล้วส่วนหนึ่ง และมีการเตรียมเสื้อแดงเพื่อสร้างให้เกิดความขัดแข้ง โดยตนจะได้ส่งไปเรื่องนี้ให้รัฐบาลว่า มีมาตรการอย่างไร อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ กับพวกต้องรับผิดชอบ หากนำไปสู่ความขัดแย้ง และอยากให้นายอภิสิทธิ์ ทำหน้าที่ในสภา มากกว่าการขึ้นเวทีปราศรัย

**หากศาลฯไม่เป็นธรรมอาจเกิดสงคราม

นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวว่า กลุ่ม นปช.ไม่จำเป็นต้องชุมนุมใกล้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะชุมนุมกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีวินิจฉัยคำร้องการแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาส.ว.เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองหรือไม่ พร้อมขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยอย่างเป็นธรรม และเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของรัฐสภา ที่จะดำเนินการได้
ทั้งนี้ นายธนาวุฒิ ยังได้กล่าวอ้างความเห็นของ ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล ว่าหากศาลตัดสินไม่เป็นธรรม อาจทำให้เกิดสงครามชนชั้นได้ และโดยส่วนตัวไม่อยากให้มวลชนที่เห็นต่างต้องเผชิญหน้า หรือปะทะกัน

**ห้ามจุดพลุ ในพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศอ.รส.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้ว่า กำลังตำรวจที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่เพียงพอ ในวันลอยกระทง ก็กำชับให้ตำรวจตรวจตราดูแลเรื่องการเล่นดอกไม้ไฟ การอำนวยความสะดวกจราจร และระวังเหตุแทรกซ้อนต่างๆ ให้สอดส่องและมีมาตรการควบคุม
“ข่าวที่เราวิเคราะห์พบว่า ผู้ชุมนุมพยายามยกระดับ แต่ตำรวจต้องพยายามให้อยู่ในกรอบใช้การเจรจาพูดจา รวมทั้งต้องอดทน เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามไป”ผบ.ตร.กล่าว และตอบคำถามถึงเหตุการณ์ปะทะที่แยกนางเลิ้ง มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวานนี้ว่า กำลังให้ฝ่ายสืบสวนพิสูจน์ทราบจากภาพถ่ายต่างๆ

“ต้องขอร้องผู้ชุมนุมขอให้มีสติ เป็นเรื่องของบ้านเมือง ใช้สติในการชุมนุม อย่าให้ถึงขนาดแกนนำปลุกระดมไปทำร้ายไปก่อความวุ่นวาย”พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการปล่อยข่าวว่า จะมีการระดมกองกำลังพร้อมอาวุธจากภาคใต้ขึ้นมาก่อเหตุป่วนการชุมนุม ข้อเท็จจริงอย่างไร ผบ.ตร. กล่าวว่า มีข่าวเช่นกัน เราพยายามแจ้งไปยังแกนนำผู้ชุมนุม ให้ช่วยสอดส่อง แจ้งเตือนผู้ชมุนุมให้ช่วยกันดูว่าอาจมีมือที่สาม เข้ามาก่อเหตุเพื่อยกระดับสถานการณ์ ให้ผู้ชุมนุมช่วยสังเกต

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า เนื่องจากเทศกาลลอยกระทง ทาง ศอ.รส.มีความห่วงใยประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง คาดว่าจะมีการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ตามประเพณี ศอ.รส. จึงขอความร่วมมือให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ ถ.ราชดำเนิน งดจุดพลุ หรือ ประทัด เพื่อป้องกันเหตุความเข้าใจผิด หรือมีการสร้างสถานการณ์ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานกับแกนนำของผู้ชุมนุมเพื่อทำความเข้าใจต่อไป

ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบร้านค้าที่ขายพลุ ประทัด โคมลอย จะต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ส่วนการเล่นก็ให้เป็นไปตามประเพณี ต้องดูตามความเหมาะสม เช่น สนามขนาดใหญ่ หรือที่โล่งกว้าง และห้ามจุดบนโป๊ะเรือ หรือสถานที่ที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก หากฝ่าฝืนจนมีผู้บาดเจ็บ หรือทรัพย์สินเสียหาย จะมีโทษตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ศอ.รส.ได้สั่งเฝ้าระวังเหตุความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยคดีการแก้ไขที่มาของสมาชิกวุฒิสภา เพิ่มเติม และระหว่าง วันที่ 22-24 พ.ย.นี้ ที่ฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจากการข่าวพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะยกระดับโดยยั่วยุตำรวจให้เกิดการปะทะกัน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ได้สั่งให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยสถานที่ราชการ และบ้านบุคคลสำคัญที่อาจเป็นเป้าหมายได้

** ลอยกระทงประณาม"ปู-แม้ว"ลงเจ้าพระยา

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ถนนราชดำเนิน บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยช่วงเย็นวานนี้ บนเวทีมีกิจกรรมร้องเพลงแนวเพื่อชีวิต จากกลุ่มศิลปิน สลับกับการขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ร่วมชุมนุมได้เป่านกหวีดแสดงสัญลักษณ์ตอบรับการปราศรัยบนเวทีเป็นระยะ

นอกจากนี้ ยังมีการทำกระทงใบใหญ่ ติดรูปนักการเมือง และอดีตนักการเมือง พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมชุมนุมเขียนชื่อ-ข้อความติดที่กระทงดังกล่าว ทั้งนี้ กระทงแต่ละใบมีข้อความ และภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ และบริวาร อาทิ ปล่อยคนชั่วมีอำนาจ, โคตรโกง โกงทั้งโคตร, หลอกคนจน, คุกคามสื่อมวลชน, ผูกขาดกินรวบประเทศ, ทำลายการศึกษาไทย, คุกคามกระบวนการยุติธรรม, ตัวเป็นไทยใจเป็นต่างชาติ ฯลฯ ซึ่งกระทงเหล่านี้ จะถูกนำไปลอยในแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงค่ำ

สำหรับบริเวณโต๊ะรับลงชื่อถอดถอน ส.ส.310 คนยังเป็นจุดที่ผู้ชุมนุมเข้าแถวรอลงชื่อกันเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับจุดรับบริจาคเงินและสิ่งของมีผู้ชุมนุมบางส่วนมาบริจาคเงินอย่างต่อเนื่อง

***เสื้อแดงขึ้นเวที ปชป.เปิดใจถูกหลอกให้เผา

เมื่อเวลาประมาณ 20.00น. บรรยากาศการชุมนุมต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่ถนนราชดำเนิน นายสำราญ รอดเพชร และนายอิสสระ สมชัย ร่วมเป็นพิธีกรสัมภาษณ์คนเสื้อแดงที่ออกมาเปิดเผยความจริงในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี2553 ว่า ตนเป็นคนเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น รวมถึง ธนาคารกรุงเทพ และ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย โดยได้ข้อเสนอจากแกนนำว่า จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับเงินค่าจ้างดังกล่าวและถูกจับกุมเป็นเวลา 3 เดือน ทำให้ตนได้รับความจริงว่าโดนหลอกลวง ดังนั้นจึงขอร่วมต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างถึงที่สุด การออกมาเปิดเผยครั้งนี้ ทำให้ผู้ร่วมชุมนุมคึกคักและแสดงความเห็นใจเป็นอย่างมาก

**"เทือก" ลั่น 24 พ.ย.มาเป็นล้านล้มแม้ว

เวลา 20.30น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นปราศรัยกับผู้ชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน ถึงแนวทางการล้มล้างระบอบทักษิณ ให้พ้นไปจากประเทศไทยว่า ไม่ใช่แค่การยุบพรรค เพราะเมื่อพรรคถูกยุบ ส.ส.ก็ไปสังกัดพรรคที่เตรียมตั้งไว้รองรับได้ และก็จะกลับมามีอำนาจอีกได้

นายสุเทพ กล่าวว่าวันนี้ (18พ.ย.) วุฒิสภาจะมีการพิจารณา ร่างกม.กู้ 2 ล้านล้าน ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจรัฐบาลในการกู็เงินมาใช้โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้าว่าจะเอาไปทำอะไร ถ้ากฎหมายนี้ผ่าน และมีการกู้เงิน 2 ล้านล้าน แค่รัฐบาลภายใต้การลงการของทักษิณ ชักหัวคิวแค่ 10เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นเงิน 2 แสนล้าน แล้วเอาเงินนี้มาซื้อเสียง ก็จะครองอำนาจไปได้อีก ถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ ระบอบทักษิณก็จะครองอำนาจไปได้อีกเป็นร้อยปี แลัวประเทศไทยก็จะมีนายกฯที่ชื่อโอ๊ค พานทองแท้ ที่เป็นทายาทอสูร มาปกครองบ้านเมือง

นายสุเทพ กล่าวว่า วิธีที่จะกวาดล้างระบอบทักษิณ ประชาชนจะต้องออกมาช่วยกัน และวันที่อาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าออกมาชุมนุมที่ราชดำเนินให้ได้ล้านคนหรือเกินล้าน ส่วนในต่างจังหวัดทุกจังหวัดก็ขอให้ออกมาชุมนุมโดยพร้อมเพรียง เพื่อข้าราชการที่เป็นกลไก ฟันเฟืองในการบริหารประเทศ ได้มีความมั้่นใจว่า ระบอบทักษิณ อยู่ไม่ได้แล้ว เขาจะได้ออกมาร่วมกับประชาชนในการล้มระบอบทักษิณ และเมื่อนั้น เราจะประกาศชัยชนะด้วยกัน เราจะได้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างบริสุทธิ์ สมบูรณ์แบบ ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การครอบงำของนายทุนอย่างระบอบทักษิณอีกต่อไป

** คปท.ซัดตร.ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

ส่วนการชุมนุมของกลุ่ม เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ถนนราชดำเนินนอก เมื่อเวลา 14.10 น.นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. พร้อมด้วย นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. แถลงข่าวประจำวัน โดย นายนิติธร กล่าวถึง กรณีที่นักศึกษาอาชีวะเกิดการกระทบกระทั่งกับตำรวจ สน.นางเลิ้ง ขณะที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปปักธงตามแนวด่านตำรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แยกนางเลิ้ง ว่า เมื่อขบวนผู้ชุมนุมมาถึงแยกนางเลิ้ง พบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ นายนิติธร จึงได้เข้าไปเจรจา เพื่อที่จะขอผ่านทาง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เปิดทางให้ และขอให้ผู้ชุมนุมดันเข้ามา แต่นายนิติธร ไม่ทำตาม เพราะไม่ต้องการที่จะปะทะ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเจรจาอีกครั้ง กล่าวว่าจะเปิดทางให้ แต่ก็พบว่าเปิดทางให้เฉพาะตรงกลางเท่านั้น ส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาไม่ยอมเปิดให้เข้า จึงได้เกิดการผลักดันกับกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ จนเกิดการปะทะกันขึ้น นายนิติธร มองว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่นั้น เป็นการยั่วยุสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง ส่วนผู้ชุมนุมนั้นทำไปเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้รุนแรง และไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับกรณีที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นาย ที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทำร้ายร่างกาย จากการตรวจสอบนั้นพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งสองนาย ไม่ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ แต่พกพาอาวุธเข้าไปในเขตพื้นที่ชุมนุม เมื่อการ์ดขอตรวจสอบก็ขัดขืนปฏิเสธ จึงเกิดการปะทะกันขึ้น

ส่วนกรณีที่ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส.ได้แคปเจอร์ภาพหน้าเว็บเพจของเดลินิวส์ออนไลน์ ซึ่งนำเสนอข่าวเหตุการณ์กระทบกระทั่งของกลุ่มผู้ชุมนุม คปท. กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการระบุข้อความแต่งเติมจากพาดหัวข่าวจริง ระบุว่า “เดลินิวส์ ยืนยัน ม็อบระยำ ทำร้ายตำรวจ”ซึ่ง นายนิติธร มองว่า ถ้อยคำดังกล่าวเป็นคำที่รุนแรง หยาบคาย ใช้คำนิยามในเชิงลบกับกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงเป็นการสร้างสถานการณ์อย่างหนึ่ง จึงขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว

**บุกตรวจเต็นท์อาชีวะ คปท.

เมื่อเวลา 15.15 น. วานนี้ ตำรวจสายตรวจ สน.นางเลิ้ง ในชุดนอกเครื่องแบบ ได้เข้าตรวจค้นเต็นท์ของเครือข่ายนักศึกษาอาชีวะปกป้องสถาบัน ภายในพื้นที่การชุมนุมของ กลุ่ม คปท. โดยอ้างว่าเป็นการตรวจค้นอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมาย จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมที่ทราบเรื่องราวต่างแสดงความไม่พอใจ และพากันโห่ไล่ เป่านกหวีด แกนนำต้องเข้ามาห้ามผู้ชุมนุม กระทั่งตำรวจสายตรวจล่าถอยออกไป

สำหรับกิจกรรมของกลุ่ม คปท.ในช่วงค่ำ จะมีการจัดกิจกรรมลอยกระทง โดยใช้คลองผดุงกรุงเกษม เป็นสถานที่ลอยกระทง มีกิจกรรมประกวดกระทงความชั่วร้ายของนักการเมือง การประกวดนางงาม ล้อเลียนนางโง่ และยังมีเครื่องเล่นให้ผู้ชุมนุมได้ร่วมสนุก อาทิ สาวน้อยตกน้ำ ม้าหมุน ปาโป่ง และยิงเป้านักการเมือง

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. แถลงข่าวขอโทษหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่มีข้อมูลปรากฏในโซเชียลมีเดีย ที่อาจมีเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมข้อความบางส่วนที่ไม่สุภาพ ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบก็ได้ดำเนินการลบออกแล้ว ยืนยันตำรวจยังยืนอยู่ในจุดที่ประกาศไว้ ผู้ชุมนุมเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่มีเหตุผลใดที่จะมองผู้ชุมนุมเป็นศัตรู

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สังเกตเห็นสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้มีการแชร์ภาพบนหน้าจอสมาร์ทโฟน เป็นเนื้อหาการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และตำรวจชั้นผู้น้อย ถึงเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างผู้ชุมนุม คปท. กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตำรวจฝ่ายสืบสวนนายหนึ่งระบุว่า ตนได้วิ่งหนีผู้ชุมนุมที่แยกสนามม้านางเลิ้ง กระทั่งตำรวจนายหนึ่งซึ่งคาดว่ามาจาก สน.ประเวศ ระบุว่า “ยิงแม่งมันเลย”และตำรวจหญิงอีกนายหนึ่งระบุว่า “บอกแล้วใครจ้างยิงหัวเราจะไปยิงให้”ก่อนที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนนายนั้นระบุว่า หน้าที่เรารักษาความสงบ ซึ่งภาพดังกล่าวถูกแชร์ และวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลากหลายถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม.
กำลังโหลดความคิดเห็น