ภาพของชายชรา 2-3 คนที่เดินเข้ามาในหมู่บ้านด้วยความอ่อนน้อม แวะเวียนเดินเรี่ยไรเงินในหมู่บ้านของจ้อนถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกๆ คนในหมู่บ้านคุ้นชิน จ้อนมักหยิบเหรียญเงินเจาะรูที่แม่ตั้งไว้ตามขอบฝาบ้าน 2-3 เหรียญให้ไปทุกครั้งที่พวกเขาเดินเข้ามา คุณยายเคยบอกจ้อนว่าพวกเขาจะต้องเดินทางไกล ไปทำพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะซึ่งจะต้องใช้เงินมากพวกเขาไปแสวงบุญไปทำบุญ เราจะได้ทำบุญร่วมกับเขาด้วยจ้อนนึกภาพออกถึงความร่วมมือกันในงานบุญต่างๆ ที่พี่น้องพุทธและมุสลิมมักมาช่วยๆ กันเสมอๆ เพราะที่วัดทรายขาวซึ่งห่างไปจากบ้านจ้อนไม่มากนัก เวลาจ้อนไปงานทำบุญในวัด เขามักแวะไปกินอาหารที่โรงครัวของพี่น้องมุสลิม คุณตาเล่าว่าท่านเจ้าอาวาสและโต๊ะอิหม่ามบ้านทรายขาวนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมาก เวลามีงานในวัดโต๊ะอิหม่ามก็จะยกขบวนกันมาช่วยงาน ทั้งลงแรงทำกุฏิพระ ศาลาการเปรียญ ขนอิฐเทปู ขึ้นมุงหลังคา ฯลฯ เวลามีงานที่มัสยิดท่านเจ้าอาวาสก็จะป่าวประกาศให้ลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านไปช่วยงานมัสยิดเช่นกัน ความสัมพันธ์ของชุมชนพุทธและมุสลิมในตำบลของจ้อนเป็นไปอย่างสุขสงบ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเสมอมา โดยมีท่านเจ้าอาวาสและโต๊ะอิหม่ามเป็นห่วงโซ่เชื่อมร้อยให้อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
เจ้าสีหมอกของป๊ะหมานดุ่มๆ มาแต่ไกล จ้อนวิ่งไปบอกคุณตา ดูเหมือนคุณตาจะรู้ล่วงหน้าและคืนนี้มื้อพิเศษสำหรับป๊ะหมานก็เริ่มขึ้น ไก่หนุ่ม 2 ตัวที่ถูกมัดขาล่ามไว้ใต้ถุนหลายวันแล้ว ก็ถูกนำออกมาให้ป๊ะหมานได้จัดการเชือดด้วยตัวท่านเอง จ้อนมีหน้าที่ช่วยก่อไฟต้มน้ำร้อนลวกถอนขนไก่กับน้าๆ ป๊ะหมานจัดการกับไก่ 2 ตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยมีดที่คมกริบจากเอวของแก จ้อนเล็งมีดสวยของป๊ะหมานอยู่นานแล้ว ด้ามของมันทำด้วยเขากวาง อยู่ในปลอกหนังควายที่เย็บอย่างประณีต
“อยากได้ใช่ไหมล่ะ” จ้อนสะดุ้งโหยง ไม่นึกว่าป๊ะหมานจะถามตรงใจเช่นนั้น “เอา..เอาไปเลย ป๊ะตั้งใจจะเอามันมาให้ลูกนั่นแหละ เห็นลูบๆ คลำๆ มันทุกครั้งนี่” จ้อนรับมีดที่ป๊ะหมานเพิ่งจะเช็ดเลือดไก่และเสียบใส่ฝักอย่างตื่นเต้น และคืนนี้เขาก็ได้ซุกตัวในผ้าถุงคุณยายใกล้ๆ กับคุณตาและป๊ะหมานอีกครั้ง
“มึงเดินทางวันไหน” คุณตาถามป๊ะหมาน
“อาทิตย์หน้ากูจะต้องเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานีจะนะ แล้วไปลงเรือที่นราธิวาส กูคงอยู่บนเรือหลายวัน เห็นเขาพูดกันว่า 15 วันกว่าจะถึงนครเมกกะ” ป๊ะหมานบอก
“มึงอยู่กับทะเลออกท่องทะเลมาก็มาก กลัวอะไรกับการขี่เรือวะ นั่งๆ นอนๆ ก็ถึงเองแหละ เอาเบ็ดไปด้วยสิเผื่อได้ตกปลาไปพลางๆ” คุณตาพูดเสมือนแซว
“เรือมันคงลำใหญ่ได้ข่าวว่าบรรทุกคนได้เป็นร้อยๆ คนกินอยู่กันยังไงก็ไม่รู้” จ้อนนอนฟังซึ่งดูเหมือนว่าป๊ะหมานจะมีน้ำเสียงกังวลไม่น้อย
“เกิดไม่สบายหรือตายบนเรือ เขาบอกว่าจะทำพิธีศพบนเรือห่อผ้าขาวแล้วถ่วงหินโยนลงทะเลเลยนะมึง กูกลัวปลาจะกินกูถ้ากูตายน่ะ” ป๊ะหมานตอบกลั้วหัวเราะ
“นี่กูเตรียมไว้ให้มึงแล้ว กูขายไอ้ดำได้ 850 บาท มึงเอาไป 800 นะอีก 50 บาทกูเก็บไว้” คุณตาคลี่เงินที่ขายเจ้าดำวัวหนุ่มไปเมื่ออาทิตย์ก่อนออกมายื่นให้ป๊ะหมานป๊ะหมานยัดเงินใส่ถุงผ้าแบบไม่ไยดีกับมันมากนัก
“กลับมาหนนี้มึงต้องเลิกให้หมดทุกอย่างตามที่คุยกันไว้กูก็พอใจแล้ว” คุณตาสำทับเหมือนยังไม่ไว้ใจป๊ะหมานว่าแกจะเลิกอาชีพนักเลงของแกได้ไหม เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณตายังได้ข่าวว่าแกใช้ให้ลูกน้องของแกไปปล้นเถ้าแก่เรือที่สะพานเหล็กในเมือง ข่าวว่างานนั้นมีการจับลูกชายเขาไปเรียกค่าไถ่ได้เงินมาเยอะพอสมควร
“เออๆ..” ป๊ะหมานรับปากเสียงแข็งๆ
“การเป็นฮัจยีนะมึง มันต้องอยู่ในศีลในธรรม เหมือนพวกมึงบวชพระนั่นแหละ ต้องอยู่ให้คนเคารพ ต้องละหมาดครบทุกเวลา” ป๊ะหมานยืนยัน
สองสามเดือนผ่านไปอย่างยืดยาด จ้อนสังเกตว่าอาทิตย์นี้คุณตามักออกมานั่งสูบยาสูบอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะขามอย่างกระวนกระวายเป็นเวลานานๆ แกมักทอดสายตาออกไปที่ริมทุ่งในจุดที่เจ้าสีหมอกของป๊ะหมานโผล่ออกมาบ่อยๆ วันนี้ก็เป็นอีกวัน
“มันมาแล้วๆๆ” เสียงลิงโลดของคุณตาเมื่อเห็นเจ้าสีหมอกโผล่พ้นแนวทุ่งมาแต่ไกล คุณยายกุลีกุจอไปยกถังใส่น้ำตักน้ำมาเตรียมให้เจ้าสีหมอกที่จุดล่ามของมัน คุณตาทำอะไรไม่ค่อยถูกแกเอาผ้าขาวม้าปัดฝุ่นบนแคร่หลายครั้งพร้อมๆ กับหันไปมองเจ้าสีหมอกที่ใกล้เข้ามาๆ
“ไม่ใช่ไอ้หมานนี่” เสียงคุณตาดูออกอาการกังวล คุณยายวางถังน้ำ จ้อนคุณตาและคุณยายสามคนออกไปยืนรอเจ้าสีหมอกถึงนอกรั้วบ้าน
“ม๊ะบอกให้มาส่งข่าวลุงหลายวันแล้ว แต่ผมเพิ่งว่างวันนี้” บังโหรนลูกป๊ะหมานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ป๊ะไปถึงนครเมกกะ แกเกิดป่วยหนักและตายที่นั่น เขาฝังแกไว้ที่เมกกะแล้วครับคุณลุง” บังโหรนบอกแค่นั้น
ตั้งแต่อาทิตย์ตกดินหายไป ท่ามกลางแสงตะเกียงสลัวๆ ของอาหารเย็น จ้อนไม่ได้ยินแม้แต่ประโยคเดียวของการพูดคุย ไม่ว่าจากคุณตาหรือคุณยายรวมทั้งน้าๆ ทุกคนก้มหน้าทำเรื่องราวของตัวเองให้เสร็จๆ จ้อนเห็นคุณยายกวักน้ำจากโอ่งขึ้นมาล้างหน้าบ่อยครั้ง แน่นอนว่าคุณยายใช้น้ำล้างกลบเกลื่อนน้ำตาบนใบหน้าของแก
จ้อนแทรกตัวลงนอนใกล้ๆ คุณตาที่เข้านอนเร็วกว่าทุกๆ วัน คุณยายคงนอนไม่หลับแกจุดตะเกียงเดินออกมาที่จ้อนนอนอยู่ จ้อนเห็นคุณยายเดินไปที่แขวนเสื่อผืนนั้น เสื่อที่คุณยายสานมันด้วยมือและมีไว้สำหรับการละหมาดของป๊ะหมานมาหลายสิบปี คุณยายนำเสื่อลงมาปัดฝุ่นอีกครั้งแล้วม้วนหุ้มด้วยผ้าขาวมอๆ มัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา คุณยายนำเอาไปแขวนไว้ในห้องนอนของแก
จ้อนอาศัยแสงตะเกียงจากคุณยาย เขาคลี่ผ้าคลุมตรงหัวนอน หยิบเอากระดิ่งก้ามปูดำที่ป๊ะหมานเอามาให้แล้วเขามองมันอย่างหวงแหนสองสามหน จ้อนดึงมีดด้ามเขาขวางออกจากฝักอีกครั้ง รอยคราบเลือดไก่จากฝีมือป๊ะหมานยังมีร่องรอยให้เห็น จ้อนหลับไปตอนไหนไม่ทราบได้ ตื่นมาในตอนเช้าเขาพบว่ามือสองข้างของเขายังกอดกระดิ่งก้ามปูดำและมีดด้ามเขากวางอยู่กับอก.