คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง นะแส
ภาพของชายชรา 2-3 คน ที่เดินเข้ามาในหมู่บ้านด้วยความอ่อนน้อม แวะเวียนเดินเรี่ยไรเงินในหมู่บ้านของจ้อน ถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกๆ คนในหมู่บ้านคุ้นชิน จ้อนมักหยิบเหรียญเงินเจาะรูที่แม่ตั้งไว้ตามขอบฝาบ้าน 2-3 เหรียญให้ไปทุกครั้งที่พวกเขาเดินเข้ามา คุณยายเคยบอกจ้อนว่า พวกเขาจะต้องเดินทางไกลไปทำพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ซึ่งจะต้องใช้เงินมาก พวกเขาไปแสวงบุญ ไปทำบุญ เราจะได้ทำบุญร่วมกับเขาด้วย
จ้อนนึกภาพออกถึงความร่วมมือกันในงานบุญต่างๆ ที่พี่น้องพุทธ และมุสลิมมักมาช่วยๆ กันเสมอๆ เพราะที่วัดทรายขาว ซึ่งห่างไปจากบ้านจ้อนไม่มากนัก เวลาจ้อนไปงานทำบุญในวัด เขามักแวะไปกินอาหารที่โรงครัวของพี่น้องมุสลิม
คุณตาเล่าว่า ท่านเจ้าอาวาส และโต๊ะอิหม่ามบ้านทรายขาวนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมาก เวลามีงานในวัด โต๊ะอิหม่ามก็จะยกขบวนกันมาช่วยงาน ทั้งลงแรงทำกุฏิพระ ศาลาการเปรียญ ขนอิฐเทปูน ขึ้นมุงหลังคา ฯลฯ เวลามีงานที่มัสยิด ท่านเจ้าอาวาส ก็จะป่าวประกาศให้ลูกศิษย์ลูกหา และชาวบ้านไปช่วยงานมัสยิดเช่นกัน ความสัมพันธ์ของชุมชนพุทธ และมุสลิมในตำบลของจ้อนเป็นไปอย่างสุขสงบ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเสมอมา โดยมีท่านเจ้าอาวาส และโต๊ะอิหม่ามเป็นห่วงโซ่เชื่อมร้อยให้อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
เจ้าสีหมอกของป๊ะหมานดุ่มๆ มาแต่ไกล จ้อนวิ่งไปบอกคุณตา ดูเหมือนคุณตาจะรู้ล่วงหน้า และคืนนี้มื้อพิเศษสำหรับป๊ะหมานก็เริ่มขึ้น ไก่หนุ่ม 2 ตัวที่ถูกมัดขาล่ามไว้ใต้ถุนหลายวันแล้วก็ถูกนำออกมาให้ป๊ะหมานได้จัดการเชือดด้วยตัวท่านเอง จ้อนมีหน้าที่ช่วยก่อไฟต้มน้ำร้อนลวกถอนขนไก่กับน้าๆ ป๊ะหมานจัดการกับไก่ 2 ตัวอย่างรวดเร็วด้วยมีดที่คมกริบจากเอวของแก จ้อนเล็งมีดสวยของป๊ะหมานอยู่นานแล้ว ด้ามของมันทำด้วยเขากวาง อยู่ในปลอกหนังควายที่เย็บอย่างประณีต
“อยากได้ใช่ไหมล่ะ” จ้อนสะดุ้งโหยง ไม่นึกว่าป๊ะหมานจะถามตรงใจเช่นนั้น
“เอา..เอาไปเลย ป๊ะตั้งใจจะเอามันมาให้ลูกนั่นแหละ เห็นลูบๆ คลำๆ มันทุกครั้งนี่” จ้อนรับมีดที่ป๊ะหมานเพิ่งจะเช็ดเลือดไก่ และเสียบใส่ฝักอย่างตื่นเต้น และคืนนี้เขาก็ได้ซุกตัวในผ้าถุงคุณยายใกล้ๆ กับคุณตา และป๊ะหมานอีกครั้ง
“มึงเดินทางวันไหน” คุณตาถามป๊ะหมาน
“อาทิตย์หน้ากูจะต้องเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานีจะนะ แล้วไปลงเรือที่นราธิวาส กูคงอยู่บนเรือหลายวัน เห็นเขาพูดกันว่า 15 วันกว่าจะถึงนครเมกกะ” ป๊ะหมานบอก
“มึงอยู่กับทะเล ออกท่องทะเลมาก็มาก กลัวอะไรกับการขี่เรือวะ นั่งๆ นอนๆ ก็ถึงเองแหละ เอาเบ็ดไปด้วยสิเผื่อได้ตกปลาไปพลางๆ” คุณตาพูดเสมือนแซว
“เรือมันคงลำใหญ่ ได้ข่าวว่าบรรทุกคนได้เป็นร้อยๆ คนกินอยู่กันยังไงก็ไม่รู้” จ้อนนอนฟัง ซึ่งดูเหมือนว่าป๊ะหมานจะมีน้ำเสียงกังวลไม่น้อย
“เกิดไม่สบายหรือตายบนเรือ เขาบอกว่าจะทำพิธีศพบนเรือ ห่อผ้าขาวแล้วถ่วงหินโยนลงทะเลเลยนะมึง กูกลัวปลาจะกินกูถ้ากูตายน่ะ” ป๊ะหมานตอบกลั้วหัวเราะ
“นี่กูเตรียมไว้ให้มึงแล้ว กูขายไอ้ดำได้ 850 บาท มึงเอาไป 800 นะอีก 50 บาทกูเก็บไว้” คุณตาคลี่เงินที่ขายเจ้าดำวัวหนุ่มไปเมื่ออาทิตย์ก่อนออกมายื่นให้ป๊ะหมาน ป๊ะหมานยัดเงินใส่ถุงผ้าแบบไม่ไยดีกับมันมากนัก
“กลับมาหนนี้มึงต้องเลิกให้หมดทุกอย่างตามที่คุยกันไว้ กูก็พอใจแล้ว” คุณตาสำทับเหมือนยังไม่ไว้ใจป๊ะหมานว่าแกจะเลิกอาชีพนักเลงของแกได้ไหม เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณตายังได้ข่าวว่า แกใช้ให้ลูกน้องของแกไปปล้นเฒ่าแก่เรือที่สะพานเหล็กในเมือง ข่าวว่างานนั้นมีการจับลูกชายเขาไปเรียกค่าไถ่ได้เงินมาเยอะพอสมควร
“เออๆ..” ป๊ะหมานรับปากเสียงแข็งๆ
“การเป็นฮัจยีนะมึง มันต้องอยู่ในศีลในธรรม เหมือนพวกมึงบวชพระนั่นแหละ ต้องอยู่ให้คนเคารพ ต้องละหมาดครบทุกเวลา” ป๊ะหมานยืนยัน
สองสามเดือนผ่านไปอย่างยืดยาด จ้อนสังเกตว่าอาทิตย์นี้คุณตามักออกมานั่งสูบยาสูบอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะขาวอย่างกระวนกระวายเป็นเวลานานๆ แกมักทอดสายตาออกไปที่ริมทุ่งในจุดที่เจ้าสีหมอกของป๊ะหมานโผล่ออกมาบ่อยๆ วันนี้ก็เป็นอีกวัน
“มันมาแล้วๆๆ” เสียงลิงโลดของคุณตาเมื่อเห็นเจ้าสีหมอกโผล่พ้นแนวทุ่งมาแต่ไกล คุณยายกุลีกุจอไปยกถังใส่น้ำตักน้ำมาเตรียมให้เจ้าสีหมอกที่จุดล่ามของมัน คุณตาทำอะไรไม่ค่อยถูก แกเอาผ้าขาวม้าปัดฝุ่นบนแคร่หลายครั้ง พร้อมๆ กับหันไปมองเจ้าสีหมอกที่ใกล้เข้ามาๆ
“ไม่ใช่ไอ้หมานนี่” เสียงคุณตาดูออกอาการกังวล คุณยายวางถังน้ำ จ้อน คุณตา และคุณยายสามคนออกไปยืนรอเจ้าสีหมอกถึงนอกรั้วบ้าน
“ม๊ะบอกให้มาส่งข่าวลุงหลายวันแล้ว แต่ผมเพิ่งว่างวันนี้” บังโหรนลูกป๊ะหมานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ป๊ะไปถึงนครเมกกะ แกเกิดป่วยหนัก และตายที่นั่น เขาฝังแกไว้ที่เมกกะแล้วครับคุณลุง” บังโหรนบอกแค่นั้น
ตั้งแต่อาทิตย์ตกดินหายไป ท่ามกลางแสงตะเกียงสลัวๆ ของอาหารเย็น จ้อนไม่ได้ยินแม้แต่ประโยคเดียวของการพูดคุย ไม่ว่าจากคุณตา หรือคุณยาย รวมทั้งน้าๆ ทุกคนก้มหน้าทำเรื่องราวของตัวเองให้เสร็จๆ จ้อนเห็นคุณยายกวักน้ำจากโอ่งขึ้นมาล้างหน้าบ่อยครั้ง แน่นอนว่าคุณยายใช้น้ำล้างกลบเกลื่อนน้ำตาบนใบหน้าของแก
จ้อนแทรกตัวลงนอนใกล้ๆ คุณตาที่เข้านอนเร็วกว่าทุกๆ วัน คุณยายคงนอนไม่หลับ แกจุดตะเกียงเดินออกมาที่จ้อนนอนอยู่ จ้อนเห็นคุณยายเดินไปที่แขวนเสื่อผืนนั้น เสื่อที่คุณยายสานมันด้วยมือและมีไว้สำหรับการละหมาดของป๊ะหมานมาหลายสิบปี คุณยายนำเสื่อลงมาปัดฝุ่นอีกครั้ง แล้วม้วนหุ้มด้วยผ้าขาวมอๆ มัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา คุณยายนำเอาไปแขวนไว้ในห้องนอนของแก
จ้อนอาศัยแสงตะเกียงจากคุณยาย เขาคลี่ผ้าคลุมตรงหัวนอน หยิบเอากระดิ่งก้ามปูดำที่ป๊ะหมานเอามาให้ แล้วเขามองมันอย่างหวงแหนสองสามหน จ้อนดึงมีดด้ามเขากวางออกจากฝักอีกครั้ง รอยคราบเลือดไก่จากฝีมือป๊ะหมานยังมีร่องรอยให้เห็น จ้อนหลับไปตอนไหนไม่ทราบได้ ตื่นมาในตอนเช้าเขาพบว่า มือสองข้างของเขายังกอดกระดิ่งก้ามปูดำ และมีดด้ามเขากวางอยู่กับอก.