เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (14พ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้การตัอนรับนายเชอริ่ง ต๊อบเกย์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13- 16 พ.ย.นี้ ในฐานะแขกของรัฐบาล
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นำนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาณ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนลงนามในสมุดเยี่ยม และชมของที่ระลึกที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายมอบให้ ณ ห้องสีงาช้างด้านนอก ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
จากนั้นเป็นการหารือข้อราชการเต็มคณะ กระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนา และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือทางวิชาการ รวมทั้งจะเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามตวามตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทยและภูฏาน
พร้อมกันนี้นายกฯ ได้ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน อย่างเป็นทางการ ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือ ระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ในโอกาส ครบรอบ 24 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและภูฏาน โดยยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่มีการเติบโตในทุกสาขา รวมถึงราชวงศ์ และประชาชนต่างมีความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมโดยเชื่อมผ่านพุทธศาสนา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลไทยพร้อมขยายความร่วมมือกับภูฏานในทุกมิติ ทั้งนี้ ทั้ง 2 ประเทศ มีการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มพูนมูลค่าการค้าระหว่างกัน หลังจากปี 2012 การค้าระหว่างไทยและภูฏานมีมูลค่า 15.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการภูฏาน ร่วมลงนามร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลไทย และภูฏาน (Trade Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Royal Government of Bhutan)
มีสาระสำคัญครอบคลุมสาขาความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ ซึ่งมีรูปแบบและสาระสำคัญคล้ายคลึงกับความตกลงฯ ที่ไทยทำกับประเทศต่าง ๆ ประกอบด้วย
1. ความร่วมมือด้านการค้า/การลงทุน การอำนวยความสะดวกทางการค้า การท่องเที่ยว การก่อสร้าง ด้านสุขภาพ/การรักษาพยาบาล การศึกษา ด้านพลังงาน ด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
2. การยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาชั่วคราวเพื่อใช้เป็นตัวอย่าง/สินค้าโฆษณาที่ไม่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์ เครื่องมือ/ชิ้นส่วนสำหรับการประกอบและซ่อมแซม และสินค้าสำหรับแสดงในงานแสดงสินค้าซึ่งจะต้องส่งกลับไป โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในของแต่ละภาคี
3. การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า เพื่อทบทวนการดำเนินการตามความตกลงทางการค้าฉบับนี้ พิจารณาแนวทางขยายการค้าระหว่างกัน และจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการค้าระหว่างกัน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย และรัฐมนตรีเศรษฐกิจของภูฏาน เป็นหัวหน้าคณะกรรมการร่วมดังกล่าว
4. การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการติดต่อทางธุรกิจระหว่างบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนและส่งเสริมการเปิดสาขาธุรกิจในแต่ละภาคี โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในของแต่ละภาคี
นายธีรัตถ์ กล่าวว่า ด้านการลงทุน นายกรัฐมนตรีขอให้ภูฏานให้ข้อมูลเกี่ยวกับด้านการลงทุนในภูฏานแก่ภาคเอกชนไทย เพื่อแสวงหาการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาสาธารณูปโภค และธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีภูฏาน ได้ขอบคุณภาคธุรกิจไทยที่เริ่มไปลงทุนในภูฏาน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจบริการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ อยากเห็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปยังภูฏานมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีเพียง 3,600 คนเท่านั้น ขณะที่ชาวภูฏาน เดินทางมาไทยถึงปีละ 22,000 คน เพื่อพักผ่อน บริการทางการแพทย์ ซื้อหาสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศที่มีประชากร 700,000 คน
ส่วนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านวิชาการ เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แก่ภูฏาน ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ การศึกษา สุขภาพ วิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ การจัดการ การท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี โดยนายกรัฐมนตรีภูฏานขอให้ไทยจัดทุนการศึกษาให้กับชาวภูฏานเพื่อให้การให้การฝึกอบรมนักบินแก่ภูฏานด้วย
ด้านความร่วมมือทางการเกษตร ไทยและภูฏานได้ลงนามความตกลงความร่วมมือทางการเกษตรเมื่อปี 2011 และมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีหวังเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการเกษตร การประมงและ ปศุสัตว์ โดยให้มีการแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน
“ความร่วมมือในระดับภูมิภาค นายกรัฐมนตรียินดีที่ภูฏาน มีบทบาทสำคัญในเวทีความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) โดยเฉพาะในด้านวัฒนธรรม ทั้งนี้ไทยหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากภูฏาน ในการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี FTA กับ BIMSTEC ขณะที่ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือเอเชีย หรือ ACD ครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคม 2015 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ความสำคัญต่อประเด็นการสร้างความเชื่อมโยงของภูมิภาค ซึ่งไทยพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรีภูฏานในการร่วมประชุมดังกล่าวด้วย.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นำนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาณ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนลงนามในสมุดเยี่ยม และชมของที่ระลึกที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายมอบให้ ณ ห้องสีงาช้างด้านนอก ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
จากนั้นเป็นการหารือข้อราชการเต็มคณะ กระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนา และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือทางวิชาการ รวมทั้งจะเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามตวามตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทยและภูฏาน
พร้อมกันนี้นายกฯ ได้ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน อย่างเป็นทางการ ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือ ระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ในโอกาส ครบรอบ 24 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและภูฏาน โดยยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่มีการเติบโตในทุกสาขา รวมถึงราชวงศ์ และประชาชนต่างมีความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมโดยเชื่อมผ่านพุทธศาสนา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลไทยพร้อมขยายความร่วมมือกับภูฏานในทุกมิติ ทั้งนี้ ทั้ง 2 ประเทศ มีการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มพูนมูลค่าการค้าระหว่างกัน หลังจากปี 2012 การค้าระหว่างไทยและภูฏานมีมูลค่า 15.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการภูฏาน ร่วมลงนามร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลไทย และภูฏาน (Trade Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Royal Government of Bhutan)
มีสาระสำคัญครอบคลุมสาขาความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ ซึ่งมีรูปแบบและสาระสำคัญคล้ายคลึงกับความตกลงฯ ที่ไทยทำกับประเทศต่าง ๆ ประกอบด้วย
1. ความร่วมมือด้านการค้า/การลงทุน การอำนวยความสะดวกทางการค้า การท่องเที่ยว การก่อสร้าง ด้านสุขภาพ/การรักษาพยาบาล การศึกษา ด้านพลังงาน ด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
2. การยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาชั่วคราวเพื่อใช้เป็นตัวอย่าง/สินค้าโฆษณาที่ไม่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์ เครื่องมือ/ชิ้นส่วนสำหรับการประกอบและซ่อมแซม และสินค้าสำหรับแสดงในงานแสดงสินค้าซึ่งจะต้องส่งกลับไป โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในของแต่ละภาคี
3. การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า เพื่อทบทวนการดำเนินการตามความตกลงทางการค้าฉบับนี้ พิจารณาแนวทางขยายการค้าระหว่างกัน และจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการค้าระหว่างกัน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย และรัฐมนตรีเศรษฐกิจของภูฏาน เป็นหัวหน้าคณะกรรมการร่วมดังกล่าว
4. การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการติดต่อทางธุรกิจระหว่างบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนและส่งเสริมการเปิดสาขาธุรกิจในแต่ละภาคี โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในของแต่ละภาคี
นายธีรัตถ์ กล่าวว่า ด้านการลงทุน นายกรัฐมนตรีขอให้ภูฏานให้ข้อมูลเกี่ยวกับด้านการลงทุนในภูฏานแก่ภาคเอกชนไทย เพื่อแสวงหาการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาสาธารณูปโภค และธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีภูฏาน ได้ขอบคุณภาคธุรกิจไทยที่เริ่มไปลงทุนในภูฏาน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจบริการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ อยากเห็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปยังภูฏานมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีเพียง 3,600 คนเท่านั้น ขณะที่ชาวภูฏาน เดินทางมาไทยถึงปีละ 22,000 คน เพื่อพักผ่อน บริการทางการแพทย์ ซื้อหาสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศที่มีประชากร 700,000 คน
ส่วนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านวิชาการ เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แก่ภูฏาน ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ การศึกษา สุขภาพ วิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ การจัดการ การท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี โดยนายกรัฐมนตรีภูฏานขอให้ไทยจัดทุนการศึกษาให้กับชาวภูฏานเพื่อให้การให้การฝึกอบรมนักบินแก่ภูฏานด้วย
ด้านความร่วมมือทางการเกษตร ไทยและภูฏานได้ลงนามความตกลงความร่วมมือทางการเกษตรเมื่อปี 2011 และมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีหวังเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการเกษตร การประมงและ ปศุสัตว์ โดยให้มีการแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน
“ความร่วมมือในระดับภูมิภาค นายกรัฐมนตรียินดีที่ภูฏาน มีบทบาทสำคัญในเวทีความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) โดยเฉพาะในด้านวัฒนธรรม ทั้งนี้ไทยหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากภูฏาน ในการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี FTA กับ BIMSTEC ขณะที่ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือเอเชีย หรือ ACD ครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคม 2015 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ความสำคัญต่อประเด็นการสร้างความเชื่อมโยงของภูมิภาค ซึ่งไทยพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรีภูฏานในการร่วมประชุมดังกล่าวด้วย.