00 เริ่มกันแล้ววันแรก (13-15 พ.ย.) สำหรับมาตรการอารยะขัดขืน หรือไม่ยอมรับและแสดงอาการต่อต้านรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม ไม่สมควรยอมรับให้การสนับสนุนหรือให้เกียรติ ซึ่งมาตรการ 3-4 ข้อ ที่กำหนดนำมาใช้ อาทิ นัดหยุดงานพร้อมกันทั่วประเทศ ติดธงชาติเป็นสัญลักษณ์ ยืดเวลาชำระภาษีให้นานที่สุด (ย้ำว่ายืด หรือชะลอชำระยังไม่ถึงขั้นไม่ชำระ อย่างที่พยายามบิดเบือน) และให้เป่านกหวีดไล่ครม.สมุนโจร ไล่ไปตั้งแต่ "นายกฯหุ่นเชิดโจร" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรมต.ทุกคนที่เจอหน้า ปรี๊ด.. ปรี๊ด.. ปรี๊ด.. มาตรการดังกล่าวถือว่าทำได้ไม่ผิด กม. ใครถนัดแบบไหนก็ว่ากันไปตามสะดวก ไหนๆก็ไหนๆ นี่คือการขับไล่ ไม่สังฆกรรมกับพวกโจรที่คอยปล้นแผ่นดินไทยอยู่ตลอดเวลา คนพวกนี้ต้องไปให้พ้นเท่านั้น
00 ที่เห็นอาการ"ถอยกรูด"กันหัวซุกหัวซุนอยู่ในตอนนี้ สาเหตุมาจากความย่ามใจ ลุแก่อำนาจ คิดว่าตัวเองเหนือกว่า จะบังคับทำอะไรก็ได้ ไม่แคร์ใคร แต่เมื่อเจ้าทรัพย์ทนไม่ไหว ฮึดสู้ขึ้นมาก็จ๋อยหนีหัวซุกหัวซุน ก้มตาหรุบต่ำ ผิดกับก่อนหน้านี้เป็นคนละคน และอาการที่เห็นในตอนนี้ไม่ใช่สำนึกผิด แต่เป็นเพราะความจำเป็นที่ต้องหยุดและถอยออกมาชั่วคราวก่อน รอจังหวะทีเผลอค่อยบุกเข้ามาปล้นใหม่ เพราะองค์ประกอบเดิมๆ ขี้ข้าเดิมๆ ทั้งในและนอกสภายังอยู่กันครบ
00 ถามเมื่อเขาถอยแล้ว ร่างกม.อุบาทว์ ก็ถูกคว่ำในวุฒิสภาแล้ว ให้เลิกชุมนุมได้แล้ว เพราะหมดเงื่อนไข ได้ทุกอย่างแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะ "โจรยังอยู่" ยังรอจังหวะปล้นอยู่ตลอดเวลา และแม้ว่าในตามขั้นตอนต้องรอ 6 เดือน หรือ 180 วัน ถึงสามารถยื่นเสนอเข้ามาใหม่ได้ แม้ว่าจะมีการลงสัตยาบันยืนยันว่าไม่ทำแบบนี้อีก แต่ก็เชื่อไม่ได้ คนพวกนี้จะมีข้ออ้างลื่นไหลได้ตลอดเวลา เหมือนกับตอนที่เสนอ ร่าง นิรโทษฯสุดซอย นี้เข้ามานั่นแหละ ขณะเดียวกันมีการพูดถึงเรื่องการฉวยโอกาสออกเป็น พ.ร.ก.โดยมติครม.เท่านั้น จากนั้นก็ยุบสภาอ้างให้ประชาชนตัดสินตามประชาธิปไตย มันก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี เหนืออื่นใดสาเหตุที่ต้อง"ไล่ยกแก๊ง" ก็เพราะหมดความชอบธรรม หมดความน่าเชื่อถือ อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ทำให้เกิดความระแวง ทำให้ชาวบ้านอยู่ไม่เป็นสุข ต้องมาหวาดผวาตลอดเวลา ล่าสุดมีเรื่องเสียดินแดนให้กัมพูชา ว่าจะนำไปแลกกับผลประโยชน์ด้านธุรกิจพลังงานของ พี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร เสียอีก นอกเหนือจากนี้ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เป็นรัฐบาลที่ "ไร้ฝีมือ" ในการบริหารบ้านเมืองมากที่สุดเท่าที่เคยมีรัฐบาลมาในประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่นายกฯ ถูกชาวบ้านเหยียดหยามว่าเป็น "อีโง่" รมต.แต่ละคนเป็นได้แค่รมต.ใน"สภาโจ๊ก" เท่านั้น
00 จะเห็นได้ว่าเวลานี้เครือข่ายระบอบทักษิณ ต่างผวาอารยะขัดขืน กันจนตัวสั่นงันงก ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ได้สั่งการให้บรรดาสมุนทั้งหลายที่พอพูดจารู้เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมช.คลัง เบญจา หลุยเจริญ ที่ดาหน้าออกมาขู่ว่า หากไม่จ่ายภาษีก็ต้องเจอดี งานนี้แสดงให้เห็นว่ากลัวหายนะอยู่ตรงหน้าจึงต้องรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม แต่เอาเป็นว่าให้รอดูก็แล้วกันว่าเป็นไปได้แค่ไหน แต่เรื่องนัดหยุดงาน และ"เป่านกหวีดไล่ปู" และขี้ข้าทั้งหลายเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย เจอแน่ !!
00 จะเรียกว่าเป็นอาการของความพยายามดิ้นรนกำจัดฝ่ายตรงข้ามตามสันดานของ "รัฐตำรวจ" เต็มขั้น ล่าสุดถึงขั้นอนุมัติงบลับจำนวนรวมแล้วเกือบสามร้อยล้านบาท ให้สำนักงานตำรวจไปจัดซื้ออุปกรณ์ตัดสัญญาณ ดักฟังโทรศัพท์ เป้าหมายเพื่อจัดการกับม็อบต่อต้านในเวลานี้ ตอนแรกก็ไม่แถลง แต่พอถูกจับได้ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงตำรวจเก่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เลขาฯ สมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ก็อ้อมแอ้มว่า มีการเสนอไว้นานแล้ว และใช้ในภารกิจทั่วไป ไม่เกี่ยวกับม็อบโดยตรง ทุด !!
00 ปรับขบวนกันทุกนาทีเพื่อรักษาตัวรอด ล่าสุดมีการส่งสัญญาณมาอีกแล้วจากปากของ "ทะแนะ" ประจำตัว นพดล ปัทมะ ที่รับงานมาแย้มให้มีความหวังว่าอาจจะปรับครม.ยิ่งลักษณ์ ในราวเดือนธ.ค. ความหมายก็เพื่อลดกระแส และทำให้ภายในมีความกระตือรือล้นช่วยกัน ถ้าใครทำได้ "เข้าตา" ก็อาจมีลุ้นเก้าอี้รมต.ตัวใหม่ หรือรักษาเก้าอี้ตัวเดิมต่อไป แต่สำหรับชาวบ้านก็คงไม่ตื่นเต้น เพราะมันไม่เกี่ยว
00 ที่เห็นอาการ"ถอยกรูด"กันหัวซุกหัวซุนอยู่ในตอนนี้ สาเหตุมาจากความย่ามใจ ลุแก่อำนาจ คิดว่าตัวเองเหนือกว่า จะบังคับทำอะไรก็ได้ ไม่แคร์ใคร แต่เมื่อเจ้าทรัพย์ทนไม่ไหว ฮึดสู้ขึ้นมาก็จ๋อยหนีหัวซุกหัวซุน ก้มตาหรุบต่ำ ผิดกับก่อนหน้านี้เป็นคนละคน และอาการที่เห็นในตอนนี้ไม่ใช่สำนึกผิด แต่เป็นเพราะความจำเป็นที่ต้องหยุดและถอยออกมาชั่วคราวก่อน รอจังหวะทีเผลอค่อยบุกเข้ามาปล้นใหม่ เพราะองค์ประกอบเดิมๆ ขี้ข้าเดิมๆ ทั้งในและนอกสภายังอยู่กันครบ
00 ถามเมื่อเขาถอยแล้ว ร่างกม.อุบาทว์ ก็ถูกคว่ำในวุฒิสภาแล้ว ให้เลิกชุมนุมได้แล้ว เพราะหมดเงื่อนไข ได้ทุกอย่างแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะ "โจรยังอยู่" ยังรอจังหวะปล้นอยู่ตลอดเวลา และแม้ว่าในตามขั้นตอนต้องรอ 6 เดือน หรือ 180 วัน ถึงสามารถยื่นเสนอเข้ามาใหม่ได้ แม้ว่าจะมีการลงสัตยาบันยืนยันว่าไม่ทำแบบนี้อีก แต่ก็เชื่อไม่ได้ คนพวกนี้จะมีข้ออ้างลื่นไหลได้ตลอดเวลา เหมือนกับตอนที่เสนอ ร่าง นิรโทษฯสุดซอย นี้เข้ามานั่นแหละ ขณะเดียวกันมีการพูดถึงเรื่องการฉวยโอกาสออกเป็น พ.ร.ก.โดยมติครม.เท่านั้น จากนั้นก็ยุบสภาอ้างให้ประชาชนตัดสินตามประชาธิปไตย มันก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี เหนืออื่นใดสาเหตุที่ต้อง"ไล่ยกแก๊ง" ก็เพราะหมดความชอบธรรม หมดความน่าเชื่อถือ อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ทำให้เกิดความระแวง ทำให้ชาวบ้านอยู่ไม่เป็นสุข ต้องมาหวาดผวาตลอดเวลา ล่าสุดมีเรื่องเสียดินแดนให้กัมพูชา ว่าจะนำไปแลกกับผลประโยชน์ด้านธุรกิจพลังงานของ พี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร เสียอีก นอกเหนือจากนี้ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เป็นรัฐบาลที่ "ไร้ฝีมือ" ในการบริหารบ้านเมืองมากที่สุดเท่าที่เคยมีรัฐบาลมาในประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่นายกฯ ถูกชาวบ้านเหยียดหยามว่าเป็น "อีโง่" รมต.แต่ละคนเป็นได้แค่รมต.ใน"สภาโจ๊ก" เท่านั้น
00 จะเห็นได้ว่าเวลานี้เครือข่ายระบอบทักษิณ ต่างผวาอารยะขัดขืน กันจนตัวสั่นงันงก ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ได้สั่งการให้บรรดาสมุนทั้งหลายที่พอพูดจารู้เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมช.คลัง เบญจา หลุยเจริญ ที่ดาหน้าออกมาขู่ว่า หากไม่จ่ายภาษีก็ต้องเจอดี งานนี้แสดงให้เห็นว่ากลัวหายนะอยู่ตรงหน้าจึงต้องรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม แต่เอาเป็นว่าให้รอดูก็แล้วกันว่าเป็นไปได้แค่ไหน แต่เรื่องนัดหยุดงาน และ"เป่านกหวีดไล่ปู" และขี้ข้าทั้งหลายเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย เจอแน่ !!
00 จะเรียกว่าเป็นอาการของความพยายามดิ้นรนกำจัดฝ่ายตรงข้ามตามสันดานของ "รัฐตำรวจ" เต็มขั้น ล่าสุดถึงขั้นอนุมัติงบลับจำนวนรวมแล้วเกือบสามร้อยล้านบาท ให้สำนักงานตำรวจไปจัดซื้ออุปกรณ์ตัดสัญญาณ ดักฟังโทรศัพท์ เป้าหมายเพื่อจัดการกับม็อบต่อต้านในเวลานี้ ตอนแรกก็ไม่แถลง แต่พอถูกจับได้ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงตำรวจเก่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เลขาฯ สมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ก็อ้อมแอ้มว่า มีการเสนอไว้นานแล้ว และใช้ในภารกิจทั่วไป ไม่เกี่ยวกับม็อบโดยตรง ทุด !!
00 ปรับขบวนกันทุกนาทีเพื่อรักษาตัวรอด ล่าสุดมีการส่งสัญญาณมาอีกแล้วจากปากของ "ทะแนะ" ประจำตัว นพดล ปัทมะ ที่รับงานมาแย้มให้มีความหวังว่าอาจจะปรับครม.ยิ่งลักษณ์ ในราวเดือนธ.ค. ความหมายก็เพื่อลดกระแส และทำให้ภายในมีความกระตือรือล้นช่วยกัน ถ้าใครทำได้ "เข้าตา" ก็อาจมีลุ้นเก้าอี้รมต.ตัวใหม่ หรือรักษาเก้าอี้ตัวเดิมต่อไป แต่สำหรับชาวบ้านก็คงไม่ตื่นเต้น เพราะมันไม่เกี่ยว
