หอการค้าไทยขอม็อบยุติชุมนุมแล้วหันมาคุยกัน ชี้ไม่เห็นด้วยหยุดงาน-เลิกจ่ายภาษี เหตุผิดกฎหมาย

หอการค้าไทยแถลงจุดยืนขอให้ม็อบทุกเวทียุติการชุมนุมเพื่อลดการเผชิญหน้า และให้ยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ยันไม่เห็นด้วยกับอารยะขัดขืนที่ให้หยุดงานและชะลอการจ่ายภาษี ชี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย “ธนวรรธน์” ประเมินหากภาคขนส่งหยุดงาน ทำเศรษฐกิจเสียหายเดือนละ 1 แสนล้าน แต่ถ้าหยุดเฉพาะเอกชนเสียหาย 2-3 หมื่นล้าน ระบุม็อบหากลากยาวจะฉุดจีดีพีปีนี้ 0.2-0.3% เหลือทั้งปีโตแค่ 3.3-3.5%

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การชุมนุมในปัจจุบันที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศว่า หอการค้าไทยมีความเป็นห่วงและกังวลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งอาจมีความยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เศรษฐกิจโดยรวม การค้า ความเชื่อมั่นการลงทุน โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขณะนี้ และปัจจุบันประเทศกำลังประสบภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมามีการขยายตัวเพียง 0.5% เท่านั้น ขณะที่คาดว่าการส่งออกทั้งปีนี้จะโตอยู่ที่ 1%

ทั้งนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่มีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการคอร์รัปชัน รวมทั้งคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งขณะนี้การคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว จึงเห็นว่าทุกเวที ทุกฝ่ายควรจะยุติการชุมนุมได้แล้ว แต่หากยังมีความเห็นบางเรื่องที่ไม่ตรงกันก็ควรหาเวทีอื่นคุยกัน

ขณะเดียวกันขอให้ทุกฝ่ายลดการเผชิญหน้าและการท้าทายซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้นำไปสู่ความเสียหายต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและความเชื่อมั่น ตลอดจนภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งจะกระทบต่อทุกคนในชาติในระยะยาวและยากแก่การเยียวยา รวมทั้งขอให้ทุกฝ่ายยึดประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง พิจารณาการดำเนินการอย่างมีสติ เพื่อให้เกิดความสันติสุขโดยเร็วที่สุด

นายอิสระกล่าวว่า กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศใช้มาตรการอารยะขัดขืน ที่เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจหยุดงานตั้งแต่ 13-15 พ.ย. และให้ทุกคนชะลอการจ่ายภาษีนั้น ขณะนี้บริษัทเอกชนยังไม่มีการประกาศให้พนักงานหยุดงานเพื่อไปร่วมชุมนุมแต่อย่างใด และการไม่ชำระภาษีก็ไม่เห็นด้วยเพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งจุดยืนของหอการค้าไทยชัดเจนอยู่แล้วว่าจะไม่สนับสนุนให้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากการชุมนุมยืดเยื้อจนถึงขั้นรัฐบาลต้องเลือกยุบสภาจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเสียหาย เพราะต้องเสียเวลา เสียงบประมาณในการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกิดการชะงักได้

นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการประเมินผลกระทบจากการดำเนินการตามมาตรการอารยะขัดขืนเนื่องจากยังไม่มีผลชัดเจน แต่ยอมรับว่า หากมีการนัดหยุดงานจริงก็ต้องดูว่ามากน้อยแค่ไหน เพราะหากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการให้บริการขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ หยุดทำงานทั้งหมด ก็จะทำให้เกิดความเสียหายสูงถึงเดือนละ 5 หมื่นล้านบาทถึง 1 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ หากการนัดหยุดงานเกิดเฉพาะบริษัทเอกชนที่อยู่ในภาคบริการ และการหยุดงานเป็นเพียงระยะสั้นๆ รวมทั้งไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น คาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 2-3 หมื่นล้านบาท หรือฉุดตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ลดลงประมาณ 0.1-0.2%

ส่วนสถานการณ์การชุมนุม หากยืดเยื้อถึงสิ้นปีนี้ แต่เป็นไปด้วยความสงบ ทางศูนย์ฯ ประเมินว่าจะสร้างความเสียหายตั้งแต่ 1-2 หมื่นล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อจีดีพีของประเทศให้ลดลงประมาณ 0.2-0.3% หรือจีดีพีโดยรวมปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 3.3-3.5%

สำหรับกรณีที่เรียกร้องให้ชะลอการจ่ายภาษี เบื้องต้นยังประเมินความเสียหายไม่ได้ เพราะกว่าจะถึงรอบการชำระภาษีนิติบุคคลธรรมดาก็จะเป็นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 2557 แต่ถ้าถึงตอนนั้นจะทำให้รัฐบาลขาดรายได้บางส่วนในการดำเนินกิจการโครงการต่างๆ ได้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นผลประโยชน์เฉพาะบุคคล จึงต้องพิจารณาให้ดี