xs
xsm
sm
md
lg

สายไปแล้ว! เปิดอภิปรายไม่ลงมติ มุกเก่าหวัง “ดับร้อนนอกรัฐสภา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานการเมือง

มติเอกฉันฑ์ของที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. 2556 ที่มีมติ 141 เสียงไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ เป็นไปตามความหมายของทุกฝ่าย ตลอดช่วงการประชุมที่ใช้เวลาไปร่วม 12 ชั่วโมงก็เป็นไปอย่างดุเดือด-ร้อนแรง

มติวุฒิสภาดังกล่าวไม่ทันกับเส้นตายที่ สุเทพ เทือกสุบรรณได้ประกาศไว้ว่าต้องทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯต้องถูกฝังก่อน 18.00 น.เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เพราะด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 148 หลังวุฒิสภาลงมติไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็จะทำให้วุฒิสภาต้องส่งร่างกฎหมายนี้กลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแช่แข็งไว้ 180 วัน แม้ตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล จะได้ลงสัตยาบันว่าจะไม่นำร่าง พ.ร.บ.อัปยศนี้มาพิจารณาอีก

แต่ก็ไม่ได้ทำให้เงื่อนไขการชุมนุมของเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยยุติลงเนื่องจากพฤติการณ์การเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล ใครๆ ก็เห็นกันอยู่ว่า “วางใจไม่ได้”

อาจ “ลักไก่” ขึ้นมาอีก หรืออาจมุบมิบเสนอเป็นพระราชกำหนดก็ได้

ทำให้เวทีถนนราชดำเนินนอกจากไม่ยุติการชุมนุมหลังวุฒิสภาลงมติไม่รับหลักการแล้วกลับมีแต่จะมีการยกระดับการชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆตอนนี้ก็เหลือแค่การยกระดับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้น ที่สุเทพและพวกยังสงวนท่าทีตรงนี้อยู่ แม้จะเห็นได้ว่ากระแสของประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมกันเต็มถนนราชดำเนินเมื่อเย็นวันที่ 11 พ.ย. อารมณ์มวลชนไปถึงขั้นให้ไล่รัฐบาลแล้วก็ตาม

สิ่งที่ต้องเฝ้ามองต่อไปต่อจากนี้ก็คือ ข้อเรียกร้องของสุเทพและคณะกรรมการเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ประกอบด้วยอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์อีก 8 คน ที่ลาออกจาก ส.ส.ตามสุเทพรวมเป็น 9 คนคือสุเทพ-ถาวร เสนเนียม-สาทิตย์ วงศ์หนองเตย-อิสสระ สมชัย -วิทยา แก้วภราดัย-ชุมพลจุลใส -เอกณัฐ พร้อมพันธุ์-พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์-ณัฐพล ทีปสุวรรณ ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนทั้งนักธุรกิจ-ข้าราชการ-พนักงานรัฐวิสาหกิจ-นิสิตนักศึกษา-ประชาชนกระทำการอารยะขัดขืนต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อันมีด้วยกัน 4 วิธีการดังนี้

1. ให้ทุกภาคส่วนทั้งราชการและเอกชนนัดหยุดงานส่วนสถาบันการศึกษาก็ให้หยุดการเรียนการสอนในช่วง 13-15 พ.ย. 2. ชะลอการชำระภาษีกลางปี เพื่อไม่ให้รัฐบาลมีเงินนำไปโกง

3. ให้ต่อสู้ด้วยสัญลักษณ์ คือขอให้ประชาชนทุกบ้านและทุกสถานที่ทำงานติดสัญลักษณ์ธงชาติ และขอให้ประชาชนแขวนคอด้วยนกหวีดเวลาออกจากบ้าน 4. หากประชาชนพบเจอคนในรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าอยู่ในฝ่ายบริหารหรือในฝ่ายนิติบัญญัติก็ให้เป่านกหวีด เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจของประชาชน

แน่นอนว่าการที่สุเทพนำ ส.ส.ปชป.รวม 9 คนทิ้งเก้าอี้ ส.ส. รวมถึงประกาศเดินหน้าต่อในการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯโดยยังไม่ยอมยุติการชุมนุมรวมถึงเสนอมาตรการอารยะขัดขืนต่อรัฐบาล ทำให้มวลชนที่ถนนราชดำเนินยังพอรับได้

ไม่ถึงกับผิดหวังที่ไม่มีการเปิดศาลประชาชนชำระความผิดทักษิณและยิ่งลักษณ์ และยังไม่มีการยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่ยิ่งลักษณ์

ทั้งที่อารมณ์ของประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมกันหลายหมื่นคนที่ถนนราชดำเนินเมื่อ 11 พ.ย.ต่างตระโกนเสียงเดียวกันว่า “ยิ่งลักษณ์ ออกไป” บ้างก็ “เนรเทศตระกูลชินฯ” เพราะสิ่งที่แกนนำการชุมนุมแสดงออก ทำให้ประชาชนยังพอเห็นได้บ้างว่า เอาจริงและวางเดิมพันสูงก็อย่างเช่นการที่ยอมให้ตัวเองและพรรคประชาธิปัตย์ต้องโดนฝ่ายรัฐบาลดิสเครดิตได้ว่าการลาออกจากส.ส.ดังกล่าวของสุเทพและพวกที่เป็น ส.ส.เขตทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินมาจัดการเลือกตั้งซ่อมจำนวนมาก

แต่เข้าใจได้ว่าสุเทพและพวกแกนนำ ปชป.คงเพราะประเมินแล้วว่ากระแสประชาชนน่าจะพอรับกับเรื่องนี้ได้อีกทั้งพื้นที่ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมส่วนใหญ่ก็เป็นฐานเสียงหลักของประชาธิปัตย์อย่างสงขลา-ชุมพร-นครศรีธรรมราช และกรุงเทพมหานครอีกหลายเขต พรรค ปชป.ก็น่าจะชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจได้และน่าจะชนะการเลือกตั้งได้หากว่าไม่มีการยุบสภาเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม การที่สุเทพและพวกยังไม่ยกระดับเป็นการไล่รัฐบาลและถึงต่อให้ยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลจริง ก็คาดได้ว่าการต่อสู้คงยืดเยื้อยาวนาน เพราะไม่มีทางที่ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยอมยกธงขาวง่ายๆ กับการที่ยิ่งลักษณ์จะลาออกหรือยุบสภา ยังไงก็ต้องสู้ถึงที่สุด

ถึงตอนนี้มันก็อยู่ที่ “ความอึด” ของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายสุเทพกับพวก รวมถึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่สุดทนรัฐบาลชุดนี้แล้วว่า จะยืนระยะได้ยาวแค่ไหนหากยืนระยะได้ยาว ผนวกกับฝ่ายสุเทพมีมาตรการในการยกระดับการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมและเห็นผลได้เร็วภายใต้กรอบกติกาของกฎหมาย ก็จะทำให้ชัยชนะเป็นของประชาชนเร็วขึ้น

ขณะที่ฝ่ายยิ่งลักษณ์และเพื่อไทยล่าสุดเท่าที่ดูจากวิธีการที่ฝ่ายเพื่อไทยพยายามใช้เพื่อหางทางให้ม็อบถนนราชดำเนินยุติลงไปแล้วหลายหมัดที่ออกมา ยังไม่ค่อยเข้าเป้าเท่าไหร่เนื่องจากไม่ได้แก้ปัญหาใหญ่ของยิ่งลักษณ์และสภาทาสคือเรื่องความไม่เชื่อถือ-การหมดศรัทธาต่อตัวนายกรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฏรของประชาชนทั้งประเทศที่ต้องการเห็นการออกมายอมรับผิดชอบทางการเมืองของยิ่งลักษณ์และสภาทาส จากการ “ลักหลับ” เสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม

ส่วนวิธีการที่เพื่อไทยใช้ เห็นได้ชัดว่ามุ่งแต่จะหวังให้ม็อบสลายตัวไปและดับกระแสการขับไล่รัฐบาลเท่านั้นอย่างล่าสุดที่รัฐบาลใช้วิธี หวังจะเอาสภามาดับร้อนการเมือง คือ

การเสนอให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภาเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 179 ในวันพุธที่ 13 พ.ย.นี้ ตั้งแต่ช่วง 11.00 น.เป็นต้นไป

โดยจะเปิดเวทีห้องประชุมรัฐสภาให้ทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้าน-ส.ว.ทั้งหลายที่ออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯใช้เวทีอภิปรายกันได้เต็มที่อยากพูดเรื่องอะไรก็พูดจะทั้งนิรโทษกรรม-เรื่องผลคดีเขาพระวิหารของศาลโลก ข้องใจเรื่องไหนอยากอัดรัฐบาลเรื่องอะไร ก็ซัดกันมาเลย เสร็จแล้วก็เลิกรากันไป

วิธีการดังกล่าวของเพื่อไทยนอกจากหวังดับร้อนการเมืองนอกรัฐสภาแล้วก็ยังจะเป็นการเปิดเวทีให้ ส.ส.รัฐบาลและพวกรัฐมนตรีได้มีโอกาสชี้แจงประเด็นร้อนต่างๆ ด้วยอันเป็นวิธีซึ่งเพื่อไทยคิดว่าอย่างน้อยน่าจะทำให้ความร้อนแรงทางการเมืองนอกรัฐสภาคลายลงได้

แล้วก็จะใช้มุกเดิมมาอ้างคือมีอะไรก็มาพูดกันในรัฐสภา อย่าไปก่อม็อบข้างถนนรัฐบาลเปิดกว้างรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายแล้ว

ดูแล้วความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่เวลานี้ ต่างก็เห็นตรงกันว่า รัฐสภาไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้แล้วเพราะใช้ระบบเสียงข้างมากลากไป กระทำระยำการเมืองไว้หลายครั้งหลายหน การที่รัฐบาลใช้วิธีการเปิดประชุมรัฐสภาดังกล่าวจริงอยู่ว่ามันก็เป็นเรื่องดีเพราะทำให้สภาฯได้เป็นเวทีพูดถึงปัญหาของบ้านเมืองแต่ใครๆ ก็มองออกว่า หากยิ่งลักษณ์ไม่จวนตัว เพื่อไทยไม่พลาดท่าขนาดนี้ มีหรือเพื่อไทยจะกุลีกุจอขนาดนี้

ที่ทำก็เพื่อหวังกลบกระแสไล่รัฐบาล-ประณามสภาเท่านั้น

ฝ่ายเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็รุกคืบทุกขณะ เพื่อไทยและยิ่งลักษณ์ก็ถอยร่นและออกหมัดสู้ ทุกจังหวะ รูปมวยทั้งหมดที่เห็นบอกได้คำเดียว สู้กันอีกหลายยก กว่าจะรู้ผล
กำลังโหลดความคิดเห็น