xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ”ปูดมหาอำนาจ ขุดคดีพระวิหารฮุบพลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “พล.ต.จำลอง” ออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร พร้อมต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ปิดตาประชาชนทำสัญญากับต่างประเทศ ขอ “สนธิ” ยังไม่ต้องออก รอนำปฏิรูปใหญ่ ย้ำมีเอกสารชาติอื่นๆ ไม่รับอำนาจศาลโลก จวก "ปึ้ง" หงอเขมรเสียศักดิ์ศรี "สนธิ" ปูดพิจารณาคดีเพื่อพลังงานอ่าวไทยของพวกมหาอำนาจ คาดจีนบีบรัฐสภาผ่าน ม.190 จวก "ประยุทธ์" เอาแต่ฟังคำสั่งรัฐ หวังทุกเวทีตกผลึกร่วมปฏิรูปไม่ใช่แค่พิพากษาตระกูลชิน เอาใจช่วย ปชป.

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดแถลงข่าวเช้าวานนี้ (11 พ.ย.) ในฐานะแกนนำกองทัพธรรม โดยระบุว่าไม่ขอยอมรับอำนาจศาลโลกในการพิจารณาคดีประสาทพระวิหาร ไม่ว่าผลการตัดสินคดีจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม และขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมเคลื่อนไหวในครั้งนี้ แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ คนสำคัญอีกรายหนึ่ง จะยังไม่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวในขณะนี้ เพื่อผลประโยชน์ทางยุทธวิธี

ส่วนการเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของหลายกลุ่มนั้น ทางแกนนำพันธมิตรฯ เห็นว่าเป็นการคัดค้านเพียงด้านเดียว ไม่ได้แก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด เพราะปัญหาการเมืองจำเป็นต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่

"เราขอให้กำลังใจกลุ่มพี่น้องประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อการการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่ เพราะถือว่าทุกท่านที่ออกมานั้นแม้จะมีเป้าหมายต่างกัน ยุทธวิธีต่างกัน แต่ประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวต่างก็มีความเสียสละและรักชาติบ้านเมืองเหมือนกัน และถือว่าทุกท่านที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้น ต่างเสียสละมาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญกันทั้งสิ้น" พล.ต.จำลอง ระบุในแถลงการณ์

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ที่ตื่นและลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวยังคงจำกัดขอบเขตของการเคลื่อนไหวครั้งนี้อยู่เพียงแค่การคัดค้าน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเท่านั้น การคัดค้านปัญหารายประเด็นเรื่องนี้มีแนวร่วมของมวลประชาชนเป็นจำนวนมากมายมหาศาลที่มีความสมบูรณ์ดีอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องอาศัยการกลับมาเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีก

แต่ความจริงแล้ว ปัญหาวิกฤติของประเทศชาติไม่ได้มีเพียงแค่ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเท่านั้น เพราะยังมีวิกฤติชาติอีกหลายประเด็นภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ และเมื่อประชาชนคัดค้านการกระทำความผิดของรัฐบาลเรื่องหนึ่ง รัฐบาลก็จะไปกระทำความผิดเรื่องเลวร้ายวิกฤติของชาติในเรื่องอื่นๆต่อไปได้อีก และประเทศชาติก็ยังมีปัญหาอีกมากภายใต้ระบบการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ดังนั้นลำพังการเคลื่อนไหวเพียงแค่คัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเพียงอย่างเดียวย่อมไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติได้ และการขับไล่รัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลลาออกหรือยุบสภาภายใต้ระบบการเมืองเช่นนี้ก็ยังแก้ไขปัญหาของประเทศไม่ได้อย่างแท้จริงเช่นกัน จึงมีเพียงการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปประเทศรอบด้านครั้งใหญ่เท่านั้นที่จะยุติวิกฤติของประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน

"แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้มีพัฒนาการของการชุมนุมหลายเวทีซึ่งเริ่มมีการปราศรัยในเรื่องปฏิรูปประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าอาจมีโอกาสที่สถานการณ์ถึงพร้อมที่จะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศในวันข้างหน้าได้ หากทุกฝ่ายได้ร่วมมือร่วมใจในการกำหนดเป้าหมาย ผลักดัน และเรียกร้องการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ให้เป็นเอกภาพในเวลาอันใกล้นี้"

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า สำหรับในวันที่ 11 พ.ย.56 เป็นวันสำคัญที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะได้มีการตัดสินการตีความคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี พ.ศ. 2505 แม้จะไม่ใช่เป็นเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็เป็นปัญหาอีกประเด็นหนึ่งที่กำลังจะเป็นวิกฤติของชาติอันใหญ่หลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมากได้สมรู้ร่วมคิด รู้เห็นเป็นใจลงมติในวาระที่ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เมื่อวันที่ 4 พ.ย.56 ให้รัฐบาลสามารถทำสัญญาระหว่างประเทศและยกผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอธิปไตยให้ต่างชาติได้โดยสามารถปกปิดให้ประชาชนไม่ต้องรับรู้ ก่อนที่จะมีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ถือได้ว่าเป็นเจตนาที่ไม่โปร่งใสและมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง

"คุณสนธิ ได้แจ้งมาโดยตลอดว่าหากผมออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องใดก็จะออกมาเคลื่อนไหวร่วมด้วยอย่างถึงที่สุด รวมถึงเรื่องนี้ แม้จะเป็นพันธะสัญญาใจในฐานะกัลยาณมิตรที่มีต่อกันมานานแล้ว แต่เห็นว่ายังมีความจำเป็นทางกลยุทธ์ที่ต้องมีหนทางสำรองเอาไว้ในยามวิกฤติเพื่อบรรลุเป้าหมายการปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริง จึงได้ขอร้องให้คุณสนธิ ยังไม่ต้องออกมาเคลื่อนไหวขึ้นเวทีในเวลานี้เพื่อประโยชน์ทางยุทธวิธี คุณสนธิ จึงได้รับปากและมอบหมายให้สื่อในเครือเอเอสทีวี ดำเนินการสนับสนุนการเคลื่อนไหวให้กับผมและคณะในเรื่องนี้อย่างเต็มกำลัง"พล.ต.จำลอง กล่าว

พล.ต.จำลองและนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวภายหลังการออกแถลงการณ์ไม่รับอำนาจศาลโลก คดีปราสาทพระวิหาร โดยพล.ต.จำลอง กล่าววว่า เราประกาศก่อนศาลโลกว่าจะไม่รับอำนาจใดๆ มีเอกสารเยอะแยะที่ยืนยันว่าชาติต่างๆ ก็ไม่รับอำนาจศาลโลก ทำไมต้องไปรับอำนาจ ตนไม่ได้หมายความว่าได้หรือเสียแล้วถึงรับอำนาจ ส่วนรัฐบาลเอง ก็มีท่าทีสมยอมยกดินแดนให้กัมพูชา การที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แบกหน้าไปพบนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นการกระทำที่เสียศักดิ์ศรี

"แสนยานุภาพของทหารไทยไม่ใช่แค่อวดในงานวันเด็ก" พล.ต.จำลอง กล่าว

ขณะที่นายสนธิ กล่าวว่า เรามองศาลโลกเป็นกระบวนการที่นานาชาติเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียในผลประโยชน์ด้านพลังงาน ซึ่งบางประเทศก็เป็นขี้ข้ามหาอำนาจ ทั้งที่ศาลโลกไม่มีเหตุที่จะต้องกลับมาพิจารณาคดีดังกล่าวอีก แต่ต้องพิจารณาเพราะเป็นเรื่องของทรัพยากรในอ่าวไทย คดีนี้ไม่ใช่แค่ 4.6 ตารางกิโลเมตร แต่ถ้าแพ้เท่ากับยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งจะลากยาวถึงพื้นที่ทางทะเล รวมทั้งพลังงานในอ่าวไทยของไทยก็จะเหลือ 1 ใน 4 ส่วน อย่างไรก็ตามมีหลักฐานว่าไม่มีประเทศไหนยอมรับอำนาจศาลโลก มีแต่ไทยชาติเดียวที่สมรู้ร่วมคิดกับมหาอำนาจ ซึ่งถ้าให้ทั้ง 2 ชาติเจรจา ก็จะเข้าสู่ ม.190 ที่รัฐสภาผ่านการแก้ไขไปแล้ว โดยไม่ต้องนำการเซ็นสนธิสัญญาให้ประชาชนทราบ

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การที่นายหลี่ เค่อเฉียง นายรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวในสภาของไทย ก็เพื่อเร่งการพิจารณา ม.190 มาเจรจาในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจีนเองก็มีผลประโยชน์กับกัมพูชาโดยในเงินสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สร้างโรงกลั่นน้่ำมัน อีกทั้งกรณีการให้ฟรีวีซ่าแก่ชาวจันก็จะทำให้ประเทศฉิบหาย เป็นการขายชาติยกให้จีนอย่างสมบูรณ์แบบ รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อยกดินแดนรวมไปถึงท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่รับฟังแต่คำสั่งของรัฐบาล อย่างเช่นกรณีแม่ทัพภาค 2 เจรจากับทางแม่ทัพภาค 4 ของกัมพูชาเพื่อขออยู่ด้วยกันอย่างสันติ ซึ่งตนเห็นว่าไทยไม่ควรมีทหารแบบพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ตนเห็นว่าทหารไทยไม่ควรพูดอะไรมาก อย่างมากก็แค่บอกว่ารอฟังคำสั่งศาลก่อน

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนได้ขอร้องให้นายสนธิ ขอให้สำรองไว้เผื่อหากตนชุมนุมแล้วไม่สำเร็จค่อยออกมานำการชุมนุม ซึ่งนายสนธิ จะขึ้นเวทีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ตนไม่ยอม ขณะที่นายสนธิ ชี้แจงว่า พันธมิตรฯ ชุมนุมมา 7 ปี มีทั้งคนรัก และคนเกลียด การยุติคือการรุกฆาตให้คนได้ออกมาชุมนุม และทุกเวทีในตอนนี้ก็มีแกนนำ ตนจะออกหรือไม่ก็ไม่มีความหมาย ตนหวังว่าทุกเวทีจะมีการบูรณาการให้ตกผลึกถึงการปฏิรูป ซึ่งตนเห็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำเวทีราชดำเนิน เริ่มเข้าใจแล้วว่าบัดนี้มวลชนได้ล้ำหน้าไปกว่าการนิรโทษกรรม ตนจึงหวังให้มีการตกผลึกให้เปลี่ยนประเทศไม่ใช่แค่พิพากษาตระกูลชินวัตร

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้เป็นสงครามของความดีและชั่ว เคยเห็นหรือไม่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกมายอมรับว่ารับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเคยเป็นอัยการสูงสุดก็พูดชัดว่าการนิรโทษกรรมไม่เสียหาย เท่ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ว่าจ้าง ข้าราชการระดับสูงให้อยู่แนวหน้าแล้ว ส่วนแกนนำคนเสื้อแดงก็ได้รับเงินเลยกลับตัว ตนขอคนเสื้อแดงอย่าถูกหลอกอีกเลย แกนนำคนเสื้อแดงรวยกันถ้วนหน้าชัดเจน

นายสนธิ กล่าวอีกว่า การยุบสภาก็ไม่ใช่ทางออก จริงๆ ต้องยุตินักการเมือง 2 - 3 ปี ถวายคืนพระราชอำนาจ มานั่งคุยกันถึงการเมืองที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะเหตุใดพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงคุมได้ทั้งหมด การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงก็ไม่ใช่สู่เพื่อประชาธิปไตย แกนนำเองก็พูดโกหกกันอย่างไม่อาย แม้แต่สำนักข่าวต่างประเทศก็ยังเขียนระบุชัดว่าเป็นสาธารณรัฐทักษิณ ทั้งนี้ตนเห็นว่า ต้องให้มีคนมาบริหารงานชั่วคราวให้สังคมได้ตกผลึกระบบการเมืองแบบไทย ที่ไม่มีการลงทุนทางการเมืองแบบทุกวันนี้ที่ใช้กัน 15,000 ล้าน แล้วเอางบชาติมาคืนให้กับนักลงทุน เราจะนิ่งอยู่อีกนานแค่ไหน คงต้องรอให้ชาติล่มสลาย แต่ยังดีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาสู้ ก็หวังว่าจะไม่ถอดใจ ซึ่งตนไม่ได้พูดว่าต้องเอาใครมาเป็นคนในรัฐบาล หรือใช้กฏหมายมาตราไหนจัดการ แต่สมมุติว่าหากมีสุญญากาศทางการเมืองอย่างกรณีพิพากษาแก้รัฐธรรมนูญผิดกฏหมาย ทำให้ ส.ส.ต้องพ้นวาระก็จะมีสุญญากาศ

ส่วนที่มีการเกรงว่าจะเกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนอยากรู้ว่าใครจะมาปะทะในเรื่องพระวิหาร ถ้ามีก็พวกขายชาติ ด้านนายสนธิ กล่าวว่า รัฐบาลอยากให้มีการปะทะ แต่ตนก็เห็นว่าชาวบ้านเริ่มเหลืออดกับคนสู้เพื่อประชาธิปไตยจอมปลอม ตนเชื่อว่าถ้าฝั่งโน้นต้องการความรุนแรงก็ไม่มีใครกลัว ความดีอดทนความชั่วไม่ได้แล้วไม่ว่าจะรูปแบบไหน คนต้องการความถูกต้องไม่กลัวอะไรแล้ว ตั้งแต่เกิดจนอายุ 66 ปียังไม่เคยเห็นเหล่าผู้พิพากษาออกมาเซ็นคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม การที่ผู้พิพากษาทนไม่ได้ คนอื่นก็ยิ่งทนไม่ได้มากกว่า ใครก็ตามที่สร้างความรุนแรงอยู่ไม่ได้แน่ ตนทราบว่าว่ามีอธิบดีคนนึงไปซื้ออพาร์ทเม้นท์อยู่ที่อังกฤษแล้ว ขณะที่นักการเมืองหลายคนก็เตรียมลี้ภัยไปอังกฤษ สูบเงินไทยเข้ามากุมอำนาจเพื่อทำมาหากิน พวกนี้เป็นปุ๋ยโรยใต้ต้นไม้ก็ยังไม่ได้

ทั้งนี้ภายหลังการแถลงข่าว เครือข่ายปัญญาสยาม นำโดยคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะได้เข้ามามอบดอกไม้ให้กำลังใจพล.ต.จำลอง และนายสนธิ พร้อมยืนยันไม่ต้องการให้ไทยยอมรับอำนาจศาลโลกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น