xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

นับหนึ่ง 7 อรหันต์ คตง. อำนาจล้นฟันดะถึงนายกรัฐมนตรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ผ่านมา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยใช้เวลาอภิปรายประมาณ 4 ชั่วโมง ก็มีการลงมติเป็นเอกฉันท์ 382 เสียงเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินในวาระ2 และ 3 ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ก่อนจะส่งร่างพ.ร.บ.ให้วุฒิสภาพิจารณากลั่นกรอง

สำคัญตรงคณะกรรมการคตง.ไทย จะเป็นองค์กรตรวจเงินแผ่นดินแห่งเดียวในโลกที่มีอำนาจในการปราบปรามการทุจริตและดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐได้เองตั้งแต่ระดับ ลูกจ้างชั้นล่างสุด! ข้าราชการล่างสุดถึงสูงสุดไปจนถึงนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีมาตรการที่เสนอแก้ไข จำนวน 7 มาตรา อาทิ มาตรา 6 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ต้องทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระและเป็นกลาง

มาตรา 8 กระบวนการสรรหา กำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหา ยังกำหนดให้มีผู้ว่าการตรวจแผ่นดินโดยผ่านกระบวนการสรรหาเช่นเดียวกับคตง. มีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้มีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)จำนวน 7 คน ประกอบไปด้วย ประธานกรรมการ 1 คน และกรรมการ 6 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบุคคล มีสัญชาติไทยโดยการเกิด อายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีคุณสมบัติเหมาะสมในการปฏิบัติงานการตรวจเงินแผ่นดินในแต่ละประเภท

“ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน” นอกจากกำหนดให้มีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) จำนวน 7 คน แบ่งเป็น 1.ผู้ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ด้านการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน 2 คน 2.ผู้ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ด้านบัญชี การตรวจสอบภายในและการเงินคลัง ด้านละ 1 คน รวม 3 คน 3.ผู้ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ด้านนิติศาสตร์จำนวน 1 คน และ 4.เป็นผู้ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์แก่งานการตรวจเงินแผ่นดิน 1 คน

ขณะเดียวกัน บัญญัติให้ผู้ที่เข้ารับการเป็นคณะกรรมการจะต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างหนึ่งอย่างใดใน 5 ข้อ ได้แก่ 1.เคยเป็นข้าราชการไม่ต่ำกว่าระดับ 10 หรือเทียบเท่า 2.เคยเป็นข้าราชการดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง หรือ ประเภทวิชาการ ระดับผู้ทรงคุณวุฒิ หรือเทียบเท่า 3.เคยเป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาและดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองศาสตราจารย์มาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี 4.เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีหรือวิชาชีพบัญชี และ 5.เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการผู้จัดการ หรือตำแหน่งเทียบเท่าที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ โดยต้องดำรงตำแหน่งรวมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มี “ผู้ว่าการตรวจแผ่นดิน” โดยผ่านกระบวนการสรรหาเช่นเดียวกับคณะกรรมการฯ กล่าวคือ ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งคณะกรรมการฯจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาจำนวน 7คน ได้แก่ ประธานศาลฎีกา, ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, ประธานศาลปกครอง, ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ผู้นำฝ่ายค้านฯ, บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือกจำนวน 1คน และบุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกจำนวน 1 คน ซึ่งจะต้องทำหน้าที่สรรหาให้เสร็จภายใน 30วันและส่งให้วุฒิสภามีมติให้ความเห็นชอบต่อไป

พบว่าในการอภิปรายวาระ 2 และ 3 มีสมาชิกฝ่ายค้านได้อภิปรายท้วงติง ในบางประเด็น โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกเป็นคณะกรรมการฯ ที่มีการแก้ไขจนอาจนำไปสู่ความเสียหายได้ในอนาคต เช่นเคยเป็นข้าราชการ ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำว่าระดับ10 หรือเทียบเท่า ซึ่งการใช้จ่ายเงินของรัฐในปัจจุบันมีวิธีการที่แปลกไปมากขึ้นทุกที ดังนั้นสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ต้องเข้าไปมีบทบาท กำหนดมาตรฐานการบริหารงบประมาณ ชี้ขาดสูงสุดในกระบวนการวินัยการเงินการคลัง คัดเลือกผู้ว่าการฯ แต่งตั้งคณะกรรมการด้านวินัย พิจารณาคำร้องขอจากส.ส. สว. และครม.ที่ขอให้ตรวจสอบบางเรื่อง แก้ระเบียบข้อบังคับตามอำนาจหน้าที่ เสนอข้อสังเกต ต่างๆ ฉะนั้นคนที่จะมาเป็นคณะกรรมการฯ ทั้ง7 คน จึงมีความสำคัญ

แต่กลับ มีการแก้ไขคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นกรรมการใหม่ โดยกำหนด เปิดช่องให้ข้าราชการลาออกมาเพื่อมาเป็นคณะกรรมการฯได้ ขณะที่เจตนาเดิมต้องการเอาคนในหน่วยงานมาทำ เพราะรู้เห็นปัญหาต่างๆมากที่สุด รวมถึงไม่ควรเปิดช่องให้ผู้ที่ พ้นโทษ5 ปีมาเป็นคณะกรรมการได้

ด้านตัวแทนกรรมาธิการวิสามัญฯชี้แจงว่า การกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวเพื่อให้เปิดกว้าง และควรเปิดโอกาสให้กับผู้ที่เคยได้รับโทษจำคุกได้กลับเข้ามาทำงานรับใช้สังคม นอกจากนี้กระบวนการคัดเลือกยังมีคณะกรรมการสรรหาที่ประกอบไปด้วยบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนั้นเชื่อว่าจะสามารถคัดสรรบุคคลที่เหมาะสมให้มาดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างมีคุณภาพที่สุด

ซึ่งจะต้องทำหน้าที่สรรหาให้เสร็จภายใน 30วัน เมื่อสรรหาเสร็จก็เสนอรายชื่อไปที่วุฒิสภา ซึ่งเสียงข้างมากเด็ดขาดรอที่จะให้ความเห็นชอบอยู่แล้ว อนึ่ง รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบัญญัติมีพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินภายใน 120 วัน หลังจากมีการประกาศใช้ โดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเสนอร่างดังกล่าวเข้าสู่สภา และได้ผ่านรับหลักการวาระ1 ไป แต่เมื่อมีการเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กลับมีการค้างเรื่องไว้ในวาระการประชุมเป็น ส่งผลให้เกิดปัญหาการไร้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หลังจากที่คุณหญิงจารุวรรณ เมทะกา ได้พ้นวาระตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ทำให้ไม่สามารถแต่งตั้งผู้ว่าการฯคนใหม่มาทำหน้าที่แทนได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายมารองรับ จนเมื่อสภามีการหยิบร่างนี้มาพิจารณาและผ่านวาระ2และ3 แล้ว จากนี้ก็จะส่งร่างพ.ร.บ.ไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณากลั่นกรองต่อไป ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบก็จะมีการประกาศใช้ และจะสามารถเดินหน้าคัดเลือกคณะกรรมการฯ และผู้ว่าการฯคนใหม่ได้

ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ฉบับแก้ไขนี้ พรรคพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เสนอผลักดันมาตั้งแต่ ปี 2552 สมัยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ซึ่งก็ต้องตามดูว่า การสรรหา คตง. และผู้ว่าสตง.ที่กำลังจะถูกนับ 1 ใหม่ จะเข้าทางใคร เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 บัญญัติให้มีการสรรหา คตง.และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ใหม่) ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่มีการแต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้านภายหลังจากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปครั้งแรกตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ (มาตรา 301).



กำลังโหลดความคิดเห็น