ASTV ผู้จัดการรายวัน – กระแสม็อบต้านพ.ร.บ.นิรโทษลุกฮือ! ตลาดหุ้นผวาดิ่งลง 40 จุด ต่างชาติ สถาบัน พอร์ตโบรกฯเทขาย เหตุเริ่มมีสัญญาณยืดเยื้อและทวีความเข้มข้น คาดวันนี้ยังปรับตัวลงต่อ
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (4พ.ย.) ดัชนีปรับตัวสู่แดนลบตั้งเปิดทำการซื้อขาย ซึ่งได้รับแรงกดดันหลักมาจากการชุมนุมของกลุ่มผู้คัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมรัฐบาล แม้ระหว่างวันจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้น แต่สุดท้ายการยกระดับการชุมนุมของผู้คัดค้านก็สร้างความกังวลต่อตลาดทุน จนปิดที่ระดับ 1,388.40 จุด ลดลง 40.68 จุด หรือ -2.85% มูลค่าการซื้อขาย 34,712.22 ล้านบาท
โดยระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,412.68 จุด และต่ำสุดที่ 1,387.79 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 799.22 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และสถาบัน ซึ่งขายสุทธิ 643.16 ล้านบาท และ 420.76 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิ 1,863.16
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ JAS มูลค่าการซื้อขาย 3,265.73 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท ลดลง 0.20 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,584.68 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท ลดลง 0.80 บาท AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,941.04 ล้านบาท ปิดที่ 189.00 บาท ลดลง 17.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,188.10 ล้านบาท ปิดที่ 180.00 บาท ลดลง 5.50 บาท และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 997.40 ล้านบาท ปิดที่ 246.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า วานนี้ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่แนวลบตลอดวันและดิ่งตั้งแต่ตลาดหุ้นเปิดทำการ เนื่องจากได้รับความกดดันจากปัจจัยทางการเมืองเป็นหลักที่ยังมีทิศทางที่ยังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ ประเมินว่า การชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ มีผู้เข้าร่วมมากขึ้น และหลากหลายกลุ่มได้ประกาศจุดยืน ดังนั้น สถานการณ์การเมืองอาจจะยืดเยื้อ และทวีความร้อนแรงขึ้นได้ จึงต้องคอยติดตามดูต่อไป ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียก็มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าประเด็นทางการเมืองจะกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วง 1 เดือนนี้ เนื่องจากมีประเด็นอีกหลายอย่างที่นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ ตั้งแต่เรื่องเขาพระวิหาร การพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยของสมาชิกวุฒิสภา การพิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
“มองทางเทคนิคการที่ดัชนีปรับลดลงกว่า 1,400 จุด ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดี แนะนำให้ลดพอร์ตหุ้นเหลือเพียง 25% และถือเงินสดมากขึ้น ซึ่งแนะนำว่าช่วงนี้นักลงทุนควรคติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (5 พ.ย.) เชื่อว่าตลาดจะผันผวน และซบเซาตามบรรยากาศทางการเมือง พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,420 จุด
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีกรายกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ได้รับปัจจัยลบทางการเมืองในประเทศ และยังมีความคลุมเครือที่ยังอธิบายไม่ได้ว่า การชุมนุมจะจบลงเมื่อไหร่ จึงยิ่งกดดันบรรยากาศการลงทุนทำให้ในวันนี้ (5พ.ย.) ดัชนียังมีโอกาสปรับตัวลงได้อีก
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (4พ.ย.) ดัชนีปรับตัวสู่แดนลบตั้งเปิดทำการซื้อขาย ซึ่งได้รับแรงกดดันหลักมาจากการชุมนุมของกลุ่มผู้คัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมรัฐบาล แม้ระหว่างวันจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้น แต่สุดท้ายการยกระดับการชุมนุมของผู้คัดค้านก็สร้างความกังวลต่อตลาดทุน จนปิดที่ระดับ 1,388.40 จุด ลดลง 40.68 จุด หรือ -2.85% มูลค่าการซื้อขาย 34,712.22 ล้านบาท
โดยระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,412.68 จุด และต่ำสุดที่ 1,387.79 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 799.22 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และสถาบัน ซึ่งขายสุทธิ 643.16 ล้านบาท และ 420.76 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิ 1,863.16
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ JAS มูลค่าการซื้อขาย 3,265.73 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท ลดลง 0.20 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,584.68 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท ลดลง 0.80 บาท AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,941.04 ล้านบาท ปิดที่ 189.00 บาท ลดลง 17.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,188.10 ล้านบาท ปิดที่ 180.00 บาท ลดลง 5.50 บาท และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 997.40 ล้านบาท ปิดที่ 246.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า วานนี้ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่แนวลบตลอดวันและดิ่งตั้งแต่ตลาดหุ้นเปิดทำการ เนื่องจากได้รับความกดดันจากปัจจัยทางการเมืองเป็นหลักที่ยังมีทิศทางที่ยังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ ประเมินว่า การชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ มีผู้เข้าร่วมมากขึ้น และหลากหลายกลุ่มได้ประกาศจุดยืน ดังนั้น สถานการณ์การเมืองอาจจะยืดเยื้อ และทวีความร้อนแรงขึ้นได้ จึงต้องคอยติดตามดูต่อไป ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียก็มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าประเด็นทางการเมืองจะกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วง 1 เดือนนี้ เนื่องจากมีประเด็นอีกหลายอย่างที่นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ ตั้งแต่เรื่องเขาพระวิหาร การพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยของสมาชิกวุฒิสภา การพิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
“มองทางเทคนิคการที่ดัชนีปรับลดลงกว่า 1,400 จุด ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดี แนะนำให้ลดพอร์ตหุ้นเหลือเพียง 25% และถือเงินสดมากขึ้น ซึ่งแนะนำว่าช่วงนี้นักลงทุนควรคติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (5 พ.ย.) เชื่อว่าตลาดจะผันผวน และซบเซาตามบรรยากาศทางการเมือง พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,420 จุด
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีกรายกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ได้รับปัจจัยลบทางการเมืองในประเทศ และยังมีความคลุมเครือที่ยังอธิบายไม่ได้ว่า การชุมนุมจะจบลงเมื่อไหร่ จึงยิ่งกดดันบรรยากาศการลงทุนทำให้ในวันนี้ (5พ.ย.) ดัชนียังมีโอกาสปรับตัวลงได้อีก
