xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปค.ไต่สวนคดีร้องบาทหลวง หยุดต่อเติมโบสถ์ฟรังซิสเซเวียร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (29ต.ค.) ที่ศาลปกครองกลาง แจ้งวัฒนะ ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ปกครองกลางนัดไต่สวนในคดีหมายเลขดำที่ 2164/ 2556 ระหว่าง นายน้ำเพ็ชร โพธิหิรัญ ตัวแทนชุมชนวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน กับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้อง นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี เป็นผู้ถูกฟ้องที่1-2 โดยคดีนี้ ผู้ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟัองขึ้นทะเบียนวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน เป็นโบราณสถานภายใน 60 วัน พร้อมทั้งขอให้ศาลสั่งระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน มาตรา 7 ทวิ 8 เนื่องจากเห็นว่า ขณะนี้บาทหลวงของวัดกำลังดำเนินการปรับปรุงต่อเติมโครงสร้างวัด จึงเกรงว่าการปรับปรุงดังกล่าว จะทำให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อสถาปัตยกรรมของวัดได้ โดยมีนายน้ำเพ็ชร พร้อมด้วย นายจำรูญ เวียงผาสุก ตัวแทนชาวบ้านชุมชนนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ เข้าชี้แจงต่อศาล ส่วนนายธราพงษ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี มาชี้แจงต่อศาลด้วยตัวเอง ขณะที่อธิบดีกรมศิลปากร มอบหมายให้ นายอนันต์ ชูโชติ พร้อมด้วย น.ส.มาลีภรณ์ คุ้มเกษม เป็นตัวแทนในการชี้แจง
ทั้งนี้ นายน้ำเพ็ชร เปิดเผยภายหลังการไต่สวนนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ว่า ตนได้ชี้แจงต่อศาลว่า ผู้ถูกฟ้องมีหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยดำเนินการให้มีการขึ้นทะเบียนวัดนักบุญฟรังซีสเซเวียร์ สามเสน เป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียน ประกอบกับมีหน้าที่ต้องสั่งห้ามมิให้บาทหลวงสุเทพ พงษ์วิรัชไชย บาทหลวงผู้ดูแลวัดดังกล่าว มิให้ทำการก่อสร้างดัดแปลง ต่อเติมตัวอาคารและส่วนประกอบของวัด ซึ่งกำลังดำเนินการติดตั้งท่อแอร์ขนาดใหญ่ กระจกตามผนังต่างๆ ซึ่งตนเห็นว่า หากยังคงมีดำเนินการก่อสร้างต่อเติมอยู่เรื่อยๆ จะทำให้คุณค่าของโบราณสถานซึ่งมีอายุยืนยาวนับ180 ปี สูญสิ้นไป ทั้งด้านศิลปวัตถุ และเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่งดงามอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนชาวศาสนาคริสต์
นายน้ำเพ็ชร กล่าวว่า ตนจึงขอให้ศาลได้มีคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษาโดยมีคำสั่งให้บาทหลวงสุเทพ ระงับการก่อสร้าง ต่อเติมวัดดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพาษาหรือคำสั่ง แม้ว่าทางผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี จะได้มีหนังสือ ลงวันที่ 30 ส.ค.56 ถึงบาทหลวงสุเทพ แจ้งให้ทราบถึงข้อกฎหมายว่า วัดดังกล่าวเป็นโบราณสถานห้ามทำการก่อสร้าง แต่บาทหลวงสุเทพ ก็ยังคงดำเนินการก่อสร้างอยู่โดยต่อเนื่อง อีกทั้งตนยังเห็นว่า ภายหลังที่ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 27 ก.ย. 56 ถึงผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี เพื่อแจ้งให้ทราบว่าบาทหลวงสุเทพ ยังคงดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงวัดดังกล่าวอันเป็นการกระทำผิดกฎหมายซ้ำ และกระทำต่อไปแล้ว แต่ทางอธิบดีกรมศิลปากรและผู้อำนวยการสำนักโบราณคดีก็มิได้มีคำสั่งหรือมาตรการทางกฎหมายหรือทางปกครองบังคับให้บาทหลวงสุเทพ ยุติการดำเนินการก่อสร้าง ด้วยเหตุนี้จึงต้องการขอความเป็นธรรมจากศาลปกครอง ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องรอดูว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งออกเป็นอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น