xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปกครองไต่สวนคดี “โบสถ์ฟรังซิสเซเวียร์” ชาวบ้านหวั่นต่อเติมโบราณสถานเสียหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โบสถ์ฟรังซิสเซเวียร์
ศาลปกครองไต่สวนคดีชาวบ้านชุมชนวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ขอขึ้นทะเบียนวัดเป็นโบราณสถาน ตัวแทนชุมชนชี้อธิบดีกรมศิลปากรมีอำนาจสั่งบาทหลวงยุติก่อสร้าง-ต่อเติมวัด หวั่นหากปล่อยให้ปรับปรุงดัดแปลง อาจทำโบราณสถานอายุกว่า 180 ปีเสียหายได้

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนในคดีหมายเลขดำ ที่ 2164/2556 ระหว่างนายน้ำเพ็ชร โพธิหิรัญ ตัวแทนชุมชนวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน กับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้องนายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 โดยคดีนี้ผู้ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องขึ้นทะเบียนวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน เป็นโบราณสถานภายใน 60 วัน พร้อมทั้งขอให้ศาลสั่งระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน มาตรา 7 ทวิ 8 เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้บาทหลวงของวัดกำลังดำเนินการปรับปรุงต่อเติมโครงสร้างวัด จึงเกรงว่าการปรับปรุงดังกล่าวจะทำให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อสถาปัตยกรรมของวัดได้ โดยมีนายน้ำเพ็ชรพร้อมด้วยนายจำรูญ เวียงผาสุก ตัวแทนชาวบ้านชุมชนนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ เข้าชี้แจงต่อศาล ส่วนนายธราพงษ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี มาชี้แจงต่อศาลด้วยตัวเอง ขณะที่อธิบดีกรมศิลปากร มอบหมายให้นายอนันต์ ชูโชติ พร้อมด้วย น.ส.มาลีภรณ์ คุ้มเกษม เป็นตัวแทนในการชี้แจง

นายน้ำเพ็ชรเปิดเผยภายหลังการไต่สวนนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งว่า ตนได้ชี้แจงต่อศาลว่าผู้ถูกฟ้องมีหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยดำเนินการให้มีการขึ้นทะเบียนวัดนักบุญฟรังซีสเซเวียร์ สามเสน เป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียน ประกอบกับมีหน้าที่ต้องสั่งห้ามมิให้บาทหลวงสุเทพ พงษ์วิรัชไชย บาทหลวงผู้ดูแลวัดดังกล่าวทำการก่อสร้างดัดแปลง ต่อเติมตัวอาคารและส่วนประกอบของวัด ซึ่งกำลังดำเนินการติดตั้งท่อแอร์ขนาดใหญ่ กระจกตามผนังต่างๆ ซึ่งตนเห็นว่าหากยังคงมีดำเนินการก่อสร้างต่อเติมอยู่เรื่อยๆ จะทำให้คุณค่าของโบราณสถานซึ่งมีอายุยืนยาวนับ180 ปี สูญสิ้นไปทั้งด้านศิลปวัตถุและเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่งดงามอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนชาวศาสนาคริสต์

ตนจึงขอให้ศาลได้มีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยมีคำสั่งให้บาทหลวงสุเทพระงับการก่อสร้าง ต่อเติมวัดดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าศาลจะได้มีคำพิพาษาหรือคำสั่ง แม้ว่าทางผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี จะได้มีหนังสือลงวันที่ 30 ส.ค. 56 ถึงบาทหลวงสุเทพ แจ้งให้ทราบถึงข้อกฎหมายว่าวัดดังกล่าวเป็นโบราณสถานห้ามทำการก่อสร้าง แต่บาทหลวงสุเทพ ก็ยังคงดำเนินการก่อสร้างอยู่โดยต่อเนื่อง อีกทั้งตนยังเห็นว่าภายหลังที่ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 27 ก.ย. 56 ถึงผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี เพื่อแจ้งให้ทราบว่าบาทหลวงสุเทพยังคงดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงวัดดังกล่าวอันเป็นการกระทำผิดกฎหมายซ้ำและกระทำต่อไปแล้ว แต่ทางอธิบดีกรมศิลปากรและผู้อำนวยการสำนักโบราณคดีก็มิได้มีคำสั่งหรือมาตรการทางกฎหมายหรือทางปกครองบังคับให้บาทหลวงสุเทพยุติการดำเนินการก่อสร้าง ด้วยเหตุนี้จึงต้องการขอความเป็นธรรมจากศาลปกครอง ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องรอดูว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งออกมาเป็นอย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น