ศูนย์ข่าวศรีราชา - พ่อเมืองชลบุรี สั่งเมืองพัทยา พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบก่อสร้าง “โรงแรมบูติก” ย่านพัทยาใต้ หลังได้รับร้องเรียนก่อสร้างผิดแบบ ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ชาวบ้าน
วันนี้(1 ส.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีผู้ร้องเรียนผ่าน “สายตรงผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี” เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระบุว่าพักอาศัยอยู่ภายในซอย 17 พัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และต้องประสบกับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างอาคาร “โรงแรมบูติก” ที่พบว่ามีการก่อสร้างผิดแบบ ซึ่งแม้ที่ผ่านมาเมืองพัทยา จะเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ และพบว่ามีการก่อสร้างที่ผิดไปจากแบบที่ขออนุญาตจริง ทั้งยังผิดใบอนุญาตการก่อสร้างหลายรายการ และได้ติดประกาศให้ระงับการก่อสร้าง ในหลายฉบับ อาทิ ค.5 , ค.6 และ ค.12
ล่าสุดยังได้ติดประกาศตาม ค.15 เพื่อให้รื้อถอนอาคารภายใน 7 วัน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เนื่องจากเสี่ยงต่อความปลอดภัยของตัวอาคาร และประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แต่ปัจจุบันยังพบว่าผู้ประกอบการไม่ดำเนินการตาม และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ในเฉพาะส่วนที่ต่อเติมเพิ่มและถูกคำสั่งให้ทำการรื้อถอนนั้น
วันนี้นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ด้สั่งการให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วย สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด นิติกร ประสานงานร่วมเมืองพัทยา ที่มีนายวีรวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยาน หลักฐาน เพื่อให้ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริงแห่งกรณี รายงานผลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีด้วย
ขณะที่ นายอนันต์ ประเสริฐผล นายช่างโยธาอาวุโส สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด กล่าวว่า จากการลงตรวจสอบอาคารโรงแรม ได้พบปัญหาตามข้อร้องเรียนจริง รวมถึงการก่อสร้างอาคารที่ผิดไปจากใบอนุญาต และการก่อสร้างต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต การก่อสร้างผิดแบบแปลนตามที่ร้องขอ และข้อห้ามเกี่ยวกับการเว้นระยะจากแนวถนนสาธารณะ รวมทั้งยังขัดคำสั่งและฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ซึ่งติเมืองพัทยา ได้ดำเนินการตามข้อกฎหมายแล้วบางส่วน คงต้องรอไปตามระยะเวลาของข้อกฎหมายกำหนด ส่วนกรณีคำสั่งรื้อถอนภายใน 7 วัน จะครบกำหนดในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ และหากผู้ประกอบการไม่รื้อถอนหรือแก้ไขแบบแปลนตามคำสั่ง เมืองพัทยา ก็มีหน้าที่เข้ามาดำเนินการเองมิ ฉะนั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติ และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อเข้ามาทำการรื้อถอนแล้ว โดยจะเรียกค่าดำเนินการจำนวนกว่า 7 แสนบาท ตามพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทาง การปกครอง พ.ศ.2539 มาตร 58(1) และมาตรา 59
แต่หากไม่ยินยอมจะทำเรื่องถึงนายกเมืองพัทยา เพื่อให้แจ้งความดำเนินคดี และส่งฟ้องศาลเพื่อบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว จะต้องดูรายละเอียดให้ครอบ คลุม รวมทั้งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ที่มีส่วนในการอนุญาตและตรวจสอบอาคารด้วย ว่ามีการปล่อยปละละเลยให้มีการก่อสร้างในลักษณะนี้ด้วยหรือไม่
วันนี้(1 ส.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีผู้ร้องเรียนผ่าน “สายตรงผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี” เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระบุว่าพักอาศัยอยู่ภายในซอย 17 พัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และต้องประสบกับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างอาคาร “โรงแรมบูติก” ที่พบว่ามีการก่อสร้างผิดแบบ ซึ่งแม้ที่ผ่านมาเมืองพัทยา จะเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ และพบว่ามีการก่อสร้างที่ผิดไปจากแบบที่ขออนุญาตจริง ทั้งยังผิดใบอนุญาตการก่อสร้างหลายรายการ และได้ติดประกาศให้ระงับการก่อสร้าง ในหลายฉบับ อาทิ ค.5 , ค.6 และ ค.12
ล่าสุดยังได้ติดประกาศตาม ค.15 เพื่อให้รื้อถอนอาคารภายใน 7 วัน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เนื่องจากเสี่ยงต่อความปลอดภัยของตัวอาคาร และประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แต่ปัจจุบันยังพบว่าผู้ประกอบการไม่ดำเนินการตาม และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ในเฉพาะส่วนที่ต่อเติมเพิ่มและถูกคำสั่งให้ทำการรื้อถอนนั้น
วันนี้นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ด้สั่งการให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วย สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด นิติกร ประสานงานร่วมเมืองพัทยา ที่มีนายวีรวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยาน หลักฐาน เพื่อให้ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริงแห่งกรณี รายงานผลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีด้วย
ขณะที่ นายอนันต์ ประเสริฐผล นายช่างโยธาอาวุโส สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด กล่าวว่า จากการลงตรวจสอบอาคารโรงแรม ได้พบปัญหาตามข้อร้องเรียนจริง รวมถึงการก่อสร้างอาคารที่ผิดไปจากใบอนุญาต และการก่อสร้างต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต การก่อสร้างผิดแบบแปลนตามที่ร้องขอ และข้อห้ามเกี่ยวกับการเว้นระยะจากแนวถนนสาธารณะ รวมทั้งยังขัดคำสั่งและฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ซึ่งติเมืองพัทยา ได้ดำเนินการตามข้อกฎหมายแล้วบางส่วน คงต้องรอไปตามระยะเวลาของข้อกฎหมายกำหนด ส่วนกรณีคำสั่งรื้อถอนภายใน 7 วัน จะครบกำหนดในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ และหากผู้ประกอบการไม่รื้อถอนหรือแก้ไขแบบแปลนตามคำสั่ง เมืองพัทยา ก็มีหน้าที่เข้ามาดำเนินการเองมิ ฉะนั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติ และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อเข้ามาทำการรื้อถอนแล้ว โดยจะเรียกค่าดำเนินการจำนวนกว่า 7 แสนบาท ตามพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทาง การปกครอง พ.ศ.2539 มาตร 58(1) และมาตรา 59
แต่หากไม่ยินยอมจะทำเรื่องถึงนายกเมืองพัทยา เพื่อให้แจ้งความดำเนินคดี และส่งฟ้องศาลเพื่อบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว จะต้องดูรายละเอียดให้ครอบ คลุม รวมทั้งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ที่มีส่วนในการอนุญาตและตรวจสอบอาคารด้วย ว่ามีการปล่อยปละละเลยให้มีการก่อสร้างในลักษณะนี้ด้วยหรือไม่