ASTVผู้จัดการรายวัน-รฟม.ยังไม่สรุปร่วมเพิ่มทุน BMCL เบื้องต้นคาดต้องใช้เงินกว่า 2,000 ล.เพื่อรักษาสีดส่วนหุ้น 25% เท่าเดิม บอร์ดประชุมวาระพิเศษสั่งผู้บริหารรฟม. ศึกษาความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจ คาดใช้เวลาอีก 3-4 เดือน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมบอร์ด รฟม.ที่มีนางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธานได้ประชุมวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาว่ารฟม.จะร่วมเพิ่มทุนในบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL หรือไม่ โดยปัจจุบันรฟม.ถือหุ้นใน BMCL ในสัดส่วน 25% โดยบอร์ดรับทราบรายงานของคณะทำงานที่มีนายวินัย ดำรงมงคลกุล รองอัยการสูงสุดและกรรมการ รฟม.เป็นประธาน ถึงผลการเจรจาและสอบถามรายละเอียดการเพิ่มทุนกับ BMCL แล้ว โดยบอร์ดได้มอบหมายให้ผู้บริหาร รฟม. นำรายละเอียดที่ได้ทั้งหมดไปศึกษาในด้านความคุ้มค่าให้รอบคอบ เพื่อตัดสินใจว่า รฟม.ควรร่วมเพิ่มทุนด้วยหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณอีก 3-4 เดือน
ทั้งนี้ ที่ประชุม บอร์ดรฟม. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2556 ได้เห็นชอบการเพิ่มทุนของ BMCL แล้ว โดยหากรฟม.ไม่ร่วมเพิ่มทุนจะทำให้สัดส่วนหุ้นลดลงเหลือ14% แต่หากต้องการให้สัดส่วนหุ้นเท่าเดิมที่ 25% รฟม.ต้องเสนอจะต้องร่วมเพิ่มทุนกับ BMCL โดยจะต้องใช้เงินกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด รฟม.ได้นำส่งมติบอร์ดที่เห็นชอบการเพิ่มทุนของ BMCL ไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อเสนอที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) และหากรฟม.ได้ข้อสรุปในส่วนที่จะร่วมเพิ่มทุนหรือไม่แล้ต้องนำเสนอครม. พิจารณาอีกครั้ง
"ส่วนขั้นตอนการเพิ่มทุนของ BMCL นั้นสามารถดำเนินการไปตามกำหนดก่อนได้ ซึ่ง BMCL กำหนดประชุมผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับเพื่อพิจารณาเรื่องเพิ่มทุนในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ยอมรับว่า รฟม.อาจต้องใช้เวลาพิจารณาว่าจะร่วมเพิ่มทุนหรือไม่นานพอสมควร เพื่อความรอบคอบและคุ้มค่ามากที่สุด เพราะต้องใช้เงินค่อนข้างมาก"แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับการเพิ่มทุนของ BMCL นั้น ก่อนหน้านี้นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ BMCL กล่างว่า หาก รฟม.ตัดสินใจไม่ร่วมเพิ่มทุนก็จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับ BMCL เพราะมีการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินจำนวนสิทธิที่ได้รับ อีกทั้งบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ซึ่งถือหุ้นสัดส่วน 24.6% ได้แสดงความจำนงค์จะเข้ารับซื้อหุ้นที่เหลือจากการขาย
รวมถึงในส่วนของ รฟม.ด้วย ซึ่งจะทำให้ CK กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนถึง 34% ขณะที่ รฟม.จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นที่ 14-15%
โดยบอร์ด BMCL ได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จาก 11,950 ล้านบาทเป็น 20,500 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 8,550 ล้านหุ้น ในมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งจะทำให้ทุนของ BMCL เพิ่มขึ้นเกือบ 9,000 ล้านหุ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 500 ล้านหุ้น และทำให้หนี้สินต่อทุน (DE) ลดลงเหลือ 1:1 จากเดิมสูงเกิน 10 เท่า
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมบอร์ด รฟม.ที่มีนางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธานได้ประชุมวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาว่ารฟม.จะร่วมเพิ่มทุนในบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL หรือไม่ โดยปัจจุบันรฟม.ถือหุ้นใน BMCL ในสัดส่วน 25% โดยบอร์ดรับทราบรายงานของคณะทำงานที่มีนายวินัย ดำรงมงคลกุล รองอัยการสูงสุดและกรรมการ รฟม.เป็นประธาน ถึงผลการเจรจาและสอบถามรายละเอียดการเพิ่มทุนกับ BMCL แล้ว โดยบอร์ดได้มอบหมายให้ผู้บริหาร รฟม. นำรายละเอียดที่ได้ทั้งหมดไปศึกษาในด้านความคุ้มค่าให้รอบคอบ เพื่อตัดสินใจว่า รฟม.ควรร่วมเพิ่มทุนด้วยหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณอีก 3-4 เดือน
ทั้งนี้ ที่ประชุม บอร์ดรฟม. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2556 ได้เห็นชอบการเพิ่มทุนของ BMCL แล้ว โดยหากรฟม.ไม่ร่วมเพิ่มทุนจะทำให้สัดส่วนหุ้นลดลงเหลือ14% แต่หากต้องการให้สัดส่วนหุ้นเท่าเดิมที่ 25% รฟม.ต้องเสนอจะต้องร่วมเพิ่มทุนกับ BMCL โดยจะต้องใช้เงินกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด รฟม.ได้นำส่งมติบอร์ดที่เห็นชอบการเพิ่มทุนของ BMCL ไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อเสนอที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) และหากรฟม.ได้ข้อสรุปในส่วนที่จะร่วมเพิ่มทุนหรือไม่แล้ต้องนำเสนอครม. พิจารณาอีกครั้ง
"ส่วนขั้นตอนการเพิ่มทุนของ BMCL นั้นสามารถดำเนินการไปตามกำหนดก่อนได้ ซึ่ง BMCL กำหนดประชุมผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับเพื่อพิจารณาเรื่องเพิ่มทุนในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ยอมรับว่า รฟม.อาจต้องใช้เวลาพิจารณาว่าจะร่วมเพิ่มทุนหรือไม่นานพอสมควร เพื่อความรอบคอบและคุ้มค่ามากที่สุด เพราะต้องใช้เงินค่อนข้างมาก"แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับการเพิ่มทุนของ BMCL นั้น ก่อนหน้านี้นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ BMCL กล่างว่า หาก รฟม.ตัดสินใจไม่ร่วมเพิ่มทุนก็จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับ BMCL เพราะมีการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินจำนวนสิทธิที่ได้รับ อีกทั้งบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ซึ่งถือหุ้นสัดส่วน 24.6% ได้แสดงความจำนงค์จะเข้ารับซื้อหุ้นที่เหลือจากการขาย
รวมถึงในส่วนของ รฟม.ด้วย ซึ่งจะทำให้ CK กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนถึง 34% ขณะที่ รฟม.จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นที่ 14-15%
โดยบอร์ด BMCL ได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จาก 11,950 ล้านบาทเป็น 20,500 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 8,550 ล้านหุ้น ในมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งจะทำให้ทุนของ BMCL เพิ่มขึ้นเกือบ 9,000 ล้านหุ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 500 ล้านหุ้น และทำให้หนี้สินต่อทุน (DE) ลดลงเหลือ 1:1 จากเดิมสูงเกิน 10 เท่า
