xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ปืน-พระ-บิ๊กไบค์” ชีวิตคนพันธุ์ “X” จักรกฤษณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มุ่งมั่นเสมอยามรับใช้ชาติ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-“ผมยังคงสนุกกับการยิงปืน ยังมีไฟที่จะออกไปลงแข่งเสมอ จึงไม่รู้สึกเลยว่าน่าเบื่อหรือเป็นเรื่องที่ต้องหลีกทางให้น้องๆ ก้าวขึ้นมา หากใครเอาชนะผมได้ คือวันที่จะเลิกเล่นและอีกสิ่งที่อยากบอกให้รู้คือตราบใดที่กระสุนนัดสุดท้ายยังไม่ถูกลั่นไกออกไป ผมก็จะไม่มีวันเลิกยิงปืนเด็ดขาด”

ย่อหน้าข้างต้นคือคำให้สัมภาษณ์ของ “เอ็กซ์” จักรกฤษณ์ พณชิย์ผาติกรรม ที่เคยพูดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าแสดงถึงบุคลิกลักษณะของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี คิดอย่างไร พูดอย่างนั้น ไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม จนอาจจะฟังไม่เข้าหูใครต่อใครหลายคนหรือจนกระทั่งถึงขั้นเหยียบเท้าผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการกีฬาไทย

ช่วงหลัง “เอ็กซ์” เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ในเชิงลบเสียมากกว่า เพราะคลุกคลีอยู่ในวงการกีฬาจนเห็นความไม่โปร่งใสของ สมาคมยิงปืนฯ จึงออกมาแฉเป็นฉากๆ ทำให้อนาคตในทีมชาติเจอขวากหนาม แต่ตนเองก็สู้ไม่ถอยควักเงินส่วนตัวนับล้านเพื่อซื้อกระสุนมาซ้อม รวมถึงต้องส่งตนเองเดินทางไปแข่งต่างประเทศในการลุ้นคว้าโควตาทัวร์นาเมนต์ต่างๆ แต่ถ้ามองในแง่ของฝีไม้ลายมือไม่มีใครในประเทศที่จะขึ้นมาทดแทนได้เลย โดยเฉพาะปืนสั้นในรุ่นต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นมือ 1 ของไทยก็ว่าได้

วงการกีฬายิงปืนของไทย ชื่อของ จักรกฤษณ์ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะบุตรชายของ นายมานพ กับ นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม ซึ่ง “เอ็กซ์” เริ่มจับปืนครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปี โดยมีคุณพ่อที่เป็นนักแม่นปืนเหมือนกันเคยสร้างชื่อให้แก่ประเทศจากผลงานเหรียญทอง ซีเกมส์ และ เอเชียน เกมส์ เป็นติวเตอร์ฝึกสอน จากการที่ได้ติดตามไปยังสนามซ้อมตลอดเวลาจนซึบซับฝึกปรือฝีมือเรื่อยมา กระทั่งถูกสมาคมฯ เรียกตัวติดธงเมื่ออายุครบ 18 ปี

หลังการเสียชีวิต สังคมได้รับรู้ผ่านคำให้สัมภาษณ์ของ “นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม” แม่ของเอ็กซ์ว่า เหตุที่เอ็กซ์มีชื่อจริงว่าจักรกฤษณ์ก็เพราะมีลูกยากจึงได้ขอลูกกับพระพรหมเอราวัณ ดังนั้น จึงตั้งชื่อว่า จักรกฤษณ์

“ตอนเอ็กซ์เกิด พ่อไปจุดธูปขอจากพระพรหมเอราวัณ แล้วพระพรหมให้มา ต้องชื่อจักรกฤษณ์นะ และจะเลี้ยงยาก ก็เลี้ยงยากจริงๆ ตอนเด็กใครป่วยเป็นอะไร ก็เป็นไปกับเขาหมด”นางบุญคิดเล่า

“เอ็กซ์” ลงรับใช้ทีมชาติไทยในการแข่งขันรายการใหญ่ครั้งแรกคือ เอเชียน เกมส์ ปี 1998 ที่ประเทศไทยรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ แม้จะไม่มีเหรียญติดมือให้กองเชียร์เจ้าบ้านได้เฮ แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นในทัวร์นาเมนต์ระดับโลกที่ทำให้เจ้าตัวกลับไปฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเวทีทั้งในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง ก่อนมาผลิดอกออกผลที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อสามารถคว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง ในทัวร์นาเมนต์ระดับ อาเซียน ซีเกมส์ ปี 2005 ประเภทปืนสั้นอัดลมยิงช้าทั้งหมด

ความสำเร็จที่แดนตากาล็อก ทำให้ชื่อของ “เอ็กซ์” โด่งดังไปทั่วประเทศ เรียกได้ว่าเป็นเวทีแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการก็ว่าได้ นักกีฬายิงปืนรุ่นใหม่หลายคนยกให้เป็นไอดอล ขณะที่เจ้าตัวต่อยอดความสำเร็จหยิบ 1 เหรียญทองประเภททีมและ 3 เหรียญเงินประเภทเดี่ยวใน ซีเกมส์ 2007 ที่นครราชสีมา ตามด้วยศึก โอลิมปิก 2008 ที่เมืองจีน สร้างชื่อเป็นชาวไทยคนแรกที่เข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ประเภทปืนสั้นยิงช้า 10 เมตร ทว่าเสียดายไม่มีเหรียญคล้องคอเพราะยิงได้แต้มน้อยกว่าแชมป์ของเจ้าถิ่นเพียง 5 แต้ม แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เจ้าตัวได้รับการยกย่องเป็นความหวังเบอร์ 1 ของประเทศในทุกรายการที่ลงแข่งขัน

แต่ด้วยความที่ “เอ็กซ์” เป็นคนตรงโผงผางเห็นความไม่ถูกต้องใน สมาคมฯ ที่ต้องยอมรับว่าประเทศไทยถือเป็นเรื่องที่ยังแก้ไม่หาย อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญในชีวิตก็คือควงคู่ โอภาส เรืองปัญญาวุฒิ นักกีฬารุ่นพี่ที่สนิทกัน ออกมาแฉในยุคของ นาย ปองพล อดิเรกสาร เป็นนายกฯ ถึงกรณีที่ไม่อนุมัติกระสุนและปืนให้ฝึกซ้อมตามที่ร้องขอ จนเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อถูกตำรวจคุมตัวและส่งตัวกลับประเทศขณะลงแข่ง ซีเกมส์ ปี 2009 ที่ สปป.ลาว หลังพยายามตั้งโต๊ะแถลงข่าวขอความเป็นธรรมจากการถูก พ.ต.อ. บูรพา ฤกษ์สังเกตุ ผู้จัดการทีม ที่มีปากเสียงกัน ยึดไอดีการ์ดนักกีฬาจนลงแข่งไม่ได้

ชีวิตของ จักรกฤษณ์ เรียกว่ามีสีสันพอสมควร นอกเหนือจากบทบาทกีฬายิงปืนที่เจ้าตัวรัก ยังมีโอกาสกระโดดเข้าวงการบันเทิงรับบทนักแสดงภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น หมากเตะ รีเทิร์นส จากค่าย จีทีเอช ที่เล่นเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติอาวี (หรือ ลาว ในเวอร์ชั่นเก่า) รวมถึง ปืนใหญ่จอมสลัด และ ขุนรองปลัดชู แถมยังอุทิศตัวช่วยเหลืองานการกุศลกับสังคมบ้างเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะเหตุมหาอุทกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ออกไปตากแดดช่วยทหารวางกระสอบทรายกั้นน้ำด้วยตัวเองตามพื้นที่ต่างๆ แต่ไม่ประกาศผ่านสื่อให้รับรู้เหมือนดารานักแสดงคนดังจากช่องต่างๆ ที่เฮกันไปช่วยผู้ประสบภัย

ซึ่งแน่นอนความสำเร็จในฐานะนักกีฬาและนักแสดงทำให้ชื่อเสียงเงินทองไหลมาเทมา “เอ็กซ์” จึงใช้ชีวิตแบบหรูหรามีข่าวเรื่องของความเป็นเพลย์บอย ประกอบกับระยะหลังสิ่งต่างๆ ที่ออกมาจึงเป็นไปในแง่ลบเสียเป็นส่วนใหญ่ ด้วยลีลาการให้สัมภาษณ์ที่เหมือนเป็นการกดดันตัวเอง โดยเฉพาะยามไปแข่งทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่ต้องมีเหรียญติดมือไม่เช่นนั้นก็จะถูกคนที่จ้องจะซ้ำเติม

ช่วงหลัง “เอ็กซ์” ผันตัวเองมาให้ความสนใจสะสมพระเครื่องแบบเต็มตัวจนนำไปสู่การเช่าและแลกเปลี่ยน ชนิดที่สามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็น “นักเลงพระ” อย่างแท้จริง อันนำไปสู่การรู้จักกับ “ป๋ายัพ” พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมพระเครื่องของไทย ก็ยิ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้มีวัตถุบูชาเก็บไว้ที่บ้านเป็นจำนวนมาก

เอ๊กซ์เคยให้สัมภาษณ์ ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์เอาไว้ว่าว่า จุดเริ่มต้นในการสะสมพระเครื่องและเครื่องรางของขลังเกิดมาจากประสบการณ์ที่เคยเจอด้วยตัวเอง โดยประสบการณ์แรกคือ อุบัติเหตุจากการที่ถูกกระสุนปืนลั่นโดนที่หัวเข่า

“ตอนนั้นผมยังเป็นเด็ก ก็ไปซ้อมยิงปืนที่สนาม เพื่อนพ่อทำกระสุนปืนลั่นใส่หัวเข่า พอโดน รู้สึกตัวเองเจ็บ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก ตอนนั้นผมห้อยชิ้นเดียวเลยคือเหรียญ 2499 วัดปากน้ำ ยันต์ดวง จากนั้นก็เริ่มใส่ใจ สนใจมากขึ้น และก็มีความเชื่อมั่น ตอนหลังก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดท่านนายกสมาคมพระเครื่องพระบูชา ท่านพยัพ คำพันธุ์ ซึ่งถือเป็นบุคคลอันเป็นที่รักของคนในวงการและเป็นแบบอย่างสำหรับคนที่จะสะสมพระในอนาคต ต้องมีแนวทางที่ชัดเจนอย่างท่านนายกฯ ก็ได้พบท่านอยู่เรื่อยๆ จนรักใคร่ชอบพอกันเสมือนเป็นพ่อบุญธรรมที่ผมนับถือมาก เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตของผมเลย คือต้องเป็นลูกผู้ชายชัดเจน ตัวจริง ทำอะไรทำจริง ทุกวงการที่เดินเข้าไปท่านทำได้สุดขีด ทำได้อย่างสุดยอด เป็นอีกคนที่ผมเรียกว่าพ่อ ผมเรียกพ่อยัพ ทุกคำที่ผมเรียก เรียกมาจากหัวใจ”

“จากคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน วันหนึ่ง มีรายการอะไรไม่รู้มาสัมภาษณ์ผมแล้วนำไปเปิดให้ท่านดู ท่านก็บอกเฮ้ยไอ้เด็กคนนี้มันใครวะ ท่านก็เขียนหนังสือมาเล่มหนึ่ง เหมือนกับเราสื่อสารกันทางจดหมาย แล้วก็มอบหนังสือหลวงพ่อทวดมาให้เล่มหนึ่ง ผมก็เริ่มอ่านและเก็บเท่าที่เราเก็บเป็นก่อน”

สรุปก็คือ จักรกฤษณ์กระโดดเข้าสู่วงการพระเครื่องอย่างเต็มตัวจากหนังสือที่พยัพ คำพันธุ์ส่งมาให้

นอกจากนี้ยังรู้อีกว่า เพลงที่เอ็กซ์โปรดปรานก็คือ “เพลงแสงสุดท้าย” ของตูน บอดี้แสลม

“เอ็กซ์ชอบพูดกับแม่ว่า ถ้าเอ็กซ์ตายไป ขอให้เปิดเพลงแสงสุดท้ายของตูน บอดี้แสลมให้ด้วย เป็นเพลงที่เอ็กซ์ชอบมาก เปิดฟังทุกวัน”นางบุญคิดเล่า

เช่นเดียวกับที่สังคมรับรู้ว่า เอ็กซ์ชื่นชอบขับขี่มอเตอร์ไซต์ขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า “บิ๊กไบค์” โดยเป็นสมาชิกของกลุ่มที่มีชื่อว่า “ไอ้มดแดง” ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 50 คน ซึ่งเอ็กซ์เข้ามาร่วมกับกลุ่มนี้เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว และมีบิ๊กไบค์ในครอบครอง 2 คันด้วยกัน

เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556 ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน “เอ็กซ์” จักรกฤษณ์ ถูกคนร้ายลอบยิงถึง 6 นัดเข้าที่อวัยวะสำคัญหัวใจและปอดระหว่างขับรถส่วนตัวคันหรูยี่ห้อ พอร์ช ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเสรีรักษ์ ปิดตำนานจอมแม่นปืนผู้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศและสีสันของวงการกีฬาด้วยวัยเพียง 40 ปี

การจากไปของ “เอ็กซ์” นับได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการกีฬาไทยผู้เป็นกำลังสำคัญของวงการกีฬายิงปืนก็ว่าได้ เพราะหากสอดส่ายสายตาหานักแม่นปืนรุ่นใหม่ยังไม่เห็นใครขึ้นมาเป็นทายาทได้เลย

ชีวิตคนเรานั้นไม่มีใครที่เป็นสีขาวหรือดำสนิทอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะติดภาพลักษณ์แบดบอยของชายผู้นี้ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือผลงานที่ “เอ็กซ์” สร้างชื่อให้แก่ประเทศ รวมถึงมีความสามารถที่หลากหลาย แม้จะจากไปแต่ภาพความสำเร็จในอดีตรวมถึงภาพสุดท้ายที่สิ้นลมไปพร้อมกับเสื้อทีมชาติไทยที่สวมใส่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตจะอยู่ในความทรงจำและประวัติศาสตร์วงการกีฬาไทยตลอดไป

“เอ็กซ์” เคยบอกว่าชอบเพลง “แสงสุดท้าย” ของวง บอดี้ สแลม บรรดาเพื่อนๆ ก็ได้ร่วมกันร้องให้ฟังในงานศพที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน พร้อมทั้งพิธีพระราชทานเพลิงศพไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้จะไม่มีแสงที่ออกจากปากกระบอกปืนของชายผู้นี้อีกต่อไปแล้ว คนที่มีนิสัยตรงเหมือนกับกระสุนจึงมีทั้งคนรักและคนเกลียด สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือไม่น่าจะมาจากไป เพราะถูกยิงอย่างอุกอาจในเมืองยุคที่มือปืนรับจ้างนั้นหาง่ายกว่าร้านสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม


เหรียญทอง ซีเกมส์ ที่โคราช
กำลังโหลดความคิดเห็น