ASTV ผู้จัดการรายวัน – กังวลรัฐบาลดันพ.ร.บ.นริโทษกรรมทะลุซอย จะเกิดความรุนแรงในประเทศ สถาบันไม่ไว้ใจเทขายหุ้น 4 พันล้านบาท กดดัชนีหุ้นไทยดิ่งลง 36 จุด สวนทางตลาดอื่นๆปรับตัวบวก โบรกฯชี้แรงขายกลุ่มแบงก์ช่วยเสริม หลังเก็งกำไรผลดำเนินงานไตรมาส3ประกาศออกมา คาดอาจเห็นการรีบาวนด์บ้างในวันนี้ (22ต.ค.)หลังปรับตัวร่วงแรง
หุ้นไทยปิดตลาดลบกว่า 36.18 จุด อยู่ที่ระดับ 1,448.54 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,456.13 ล้านบาท ปรับตัวในแดนลบตลอดทั้งวันจากข่าวการเตรียมดัน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเข้าสภา ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน ว่าอาจก่อให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้น ขณะที่ปัจจัยภายนอกประเทศ ไม่มีปัจจัยใดเข้ามากดดันบรรยากาศลงทุน ซึ่งระหว่างวันหุ้นไทยปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,485.67 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,446.40 จุด
โดย นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,063.96 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 3,652.09 ล้านบาท ขณะที่ สถาบันขายสุทธิ 4,033.19 ล้านบาท ด้านบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 682.85 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 146 หลักทรัพย์ ลดลง 687 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 81 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ TRUE ปิดที่ 9.20 บาท ลดลง -0.65 บาท หรือ -6.60% มูลค่าการซื้อขาย 4,024,422 ล้านบาท , ADVANC ปิดที่ 260.00 บาท ลดลง -7.00 บาท หรือ -2.62% มูลค่าการซื้อขาย 2,888,966 ล้านบาท , KBANK ปิดที่ 185.50 บาท ลดลง -7.00 บาท หรือ -3.64% มูลค่าการซื้อขาย 1,838,337 ล้านบาท, INTUCH ปิดที่ 84.50 บาท ลดลง -2.75 บาท หรือ -3.15% มูลค่าการซื้อขาย 1,738,750 ล้านบาท และJAS ปิดที่ 9.10 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -5.21% มูลค่าการซื้อขาย 1,610,342 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวานนี้ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายในประเทศ ในประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาจสร้างปัญหาต่อตลาดทุนได้ และเป็นเฉพาะในตลาดหุ้นไทยเท่านั้น ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่นั้นปรับตัวขึ้นกว่า 2.44% ซึ่งถือว่าลงสวนทางกับตลาดภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงกว่า 36.18 จุด ถือว่าเป็นการปรับตัวในทิศทางลงที่หนักมากแล้ว ซึ่งมองว่าไม่น่าจะหลุดต่ำกว่า 1,445 จุด และโดยรวมตลาดภูมิภาคจะยังคงดีอยู่ แต่แนวโน้มเรื่อง QE จะยังคงสร้างความตึงเครียดต่อเนื่องไปจนถึงอย่างน้อยต้นปีหน้า ในส่วนปัจจัยภายในประเทศของไทยนั้นจะต้องติดตามว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะเข้าวาระการประชุมสภาเมื่อไหร่
ทั้งนี้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (22 ต.ค.) คาดว่า อาจจะมีการรีบาวนด์ทางเทคนิคขึ้นมาได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่นักลงทุนจะเข้าซื้อสะสมได้ โดยให้แนวรับ 1,435-1,440 จุด แนวต้าน 1,460-1,465 จุด
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีปรับตัวลงอย่างแรงจากแรงขายทำกำไร โดยมีปัจจัยทางการเมืองเกี่ยวกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาดประกอบกับ มีการเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังจากหมดช่วงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/56
"ตลาดค่อนข้างเปราะบาง ถ้ามีข่าวร้ายหรือข่าวเชิงลบเข้ามาก็พร้อมขายทำกำไร เพราะในช่วงสัปดาห์ที่แล้วตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ ขานรับเรื่องการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯชั่วคราว อย่างวันนี้พอมีเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่คาดว่าน่าจะมีการยื่นเข้าสภาฯต้นพ.ย.เข้ามากดดันให้มีการขายทำกำไรออกมา และหุ้นกลุ่มแบงก์ที่งบฯออกมาดี ช่วงนี้ก็หมดการเก็งกำไรในระยะสั้น ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีจะประกาศงบฯปลายเดือนนี้-ต้นพ.ย.ทำให้สัปดาห์หนี้ไม่มีเรื่องการเก็งกำไรผลประกอบการมาช่วยประคองตลาด"นายกิจพล กล่าว
สำหรับ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้(22 ต.ค.) คาดว่าดัชนียังมีความผันผวน หรือยังมีโอกาสเจอแรงขายทำกำไรออกมาได้อีกในบางช่วง และตลาดทองคำมีการรีบาวด์ขึ้นในระยะสั้น แสดงว่านักลงทุนยังอยู่ในช่วงปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อรองรับความเสี่ยง แต่ภาพใหญ่ของตลาดหุ้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พร้อมให้แนวต้าน 1,465 จุด แนวรับ 1,440 จุด
นักวิเคราะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่นักลงทุนกังวลการเมืองในประเทศ กรณีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ปัจจัยสำคัญมาจากความกังวลว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ต่อต้านรัฐบาล หลังจากนี้คงต้องจับตาพัฒนาการของการชุมนุมว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด และน่ากังวลเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งปัจจัยนี้จะยังคงกดดันตลาดในช่วงนี้
หุ้นไทยปิดตลาดลบกว่า 36.18 จุด อยู่ที่ระดับ 1,448.54 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,456.13 ล้านบาท ปรับตัวในแดนลบตลอดทั้งวันจากข่าวการเตรียมดัน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเข้าสภา ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน ว่าอาจก่อให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้น ขณะที่ปัจจัยภายนอกประเทศ ไม่มีปัจจัยใดเข้ามากดดันบรรยากาศลงทุน ซึ่งระหว่างวันหุ้นไทยปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,485.67 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,446.40 จุด
โดย นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,063.96 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 3,652.09 ล้านบาท ขณะที่ สถาบันขายสุทธิ 4,033.19 ล้านบาท ด้านบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 682.85 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 146 หลักทรัพย์ ลดลง 687 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 81 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ TRUE ปิดที่ 9.20 บาท ลดลง -0.65 บาท หรือ -6.60% มูลค่าการซื้อขาย 4,024,422 ล้านบาท , ADVANC ปิดที่ 260.00 บาท ลดลง -7.00 บาท หรือ -2.62% มูลค่าการซื้อขาย 2,888,966 ล้านบาท , KBANK ปิดที่ 185.50 บาท ลดลง -7.00 บาท หรือ -3.64% มูลค่าการซื้อขาย 1,838,337 ล้านบาท, INTUCH ปิดที่ 84.50 บาท ลดลง -2.75 บาท หรือ -3.15% มูลค่าการซื้อขาย 1,738,750 ล้านบาท และJAS ปิดที่ 9.10 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -5.21% มูลค่าการซื้อขาย 1,610,342 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวานนี้ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายในประเทศ ในประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาจสร้างปัญหาต่อตลาดทุนได้ และเป็นเฉพาะในตลาดหุ้นไทยเท่านั้น ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่นั้นปรับตัวขึ้นกว่า 2.44% ซึ่งถือว่าลงสวนทางกับตลาดภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงกว่า 36.18 จุด ถือว่าเป็นการปรับตัวในทิศทางลงที่หนักมากแล้ว ซึ่งมองว่าไม่น่าจะหลุดต่ำกว่า 1,445 จุด และโดยรวมตลาดภูมิภาคจะยังคงดีอยู่ แต่แนวโน้มเรื่อง QE จะยังคงสร้างความตึงเครียดต่อเนื่องไปจนถึงอย่างน้อยต้นปีหน้า ในส่วนปัจจัยภายในประเทศของไทยนั้นจะต้องติดตามว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะเข้าวาระการประชุมสภาเมื่อไหร่
ทั้งนี้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (22 ต.ค.) คาดว่า อาจจะมีการรีบาวนด์ทางเทคนิคขึ้นมาได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่นักลงทุนจะเข้าซื้อสะสมได้ โดยให้แนวรับ 1,435-1,440 จุด แนวต้าน 1,460-1,465 จุด
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีปรับตัวลงอย่างแรงจากแรงขายทำกำไร โดยมีปัจจัยทางการเมืองเกี่ยวกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาดประกอบกับ มีการเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังจากหมดช่วงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/56
"ตลาดค่อนข้างเปราะบาง ถ้ามีข่าวร้ายหรือข่าวเชิงลบเข้ามาก็พร้อมขายทำกำไร เพราะในช่วงสัปดาห์ที่แล้วตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ ขานรับเรื่องการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯชั่วคราว อย่างวันนี้พอมีเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่คาดว่าน่าจะมีการยื่นเข้าสภาฯต้นพ.ย.เข้ามากดดันให้มีการขายทำกำไรออกมา และหุ้นกลุ่มแบงก์ที่งบฯออกมาดี ช่วงนี้ก็หมดการเก็งกำไรในระยะสั้น ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีจะประกาศงบฯปลายเดือนนี้-ต้นพ.ย.ทำให้สัปดาห์หนี้ไม่มีเรื่องการเก็งกำไรผลประกอบการมาช่วยประคองตลาด"นายกิจพล กล่าว
สำหรับ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้(22 ต.ค.) คาดว่าดัชนียังมีความผันผวน หรือยังมีโอกาสเจอแรงขายทำกำไรออกมาได้อีกในบางช่วง และตลาดทองคำมีการรีบาวด์ขึ้นในระยะสั้น แสดงว่านักลงทุนยังอยู่ในช่วงปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อรองรับความเสี่ยง แต่ภาพใหญ่ของตลาดหุ้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พร้อมให้แนวต้าน 1,465 จุด แนวรับ 1,440 จุด
นักวิเคราะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่นักลงทุนกังวลการเมืองในประเทศ กรณีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ปัจจัยสำคัญมาจากความกังวลว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ต่อต้านรัฐบาล หลังจากนี้คงต้องจับตาพัฒนาการของการชุมนุมว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด และน่ากังวลเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งปัจจัยนี้จะยังคงกดดันตลาดในช่วงนี้