หุ้นส่งท้ายสัปดาห์ปิดลบ 13.88 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนเกิดจากปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก หลังสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ แล้วครบทั้ง 3 วาระ ทำกลุ่มประชาชนที่คัดค้านมีท่าทีที่จะออกมาชุมนุมมากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่วนภาคธุรกิจก็มองถึงทิศทางเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวได้ รับผลกระทบสถานการณ์การเมือง
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,429.08 จุด ลดลง 13.80 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.96% มูลค่าการซื้อขาย 29,421.69 ล้านบาท โดยภาพรวมดัชนีทรงตัวในแดนลบ และมีแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีในบางช่วง
ด้านสัดส่วนการลงทุน สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 763.06 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 92.24 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,771.22 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,100.40 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า การปรับลงของตลาดหุ้นวันนี้เกิดจากปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก หลังสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ แล้วครบทั้ง 3 วาระ ทำกลุ่มประชาชนที่คัดค้านมีท่าทีที่จะออกมาชุมนุมมากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่วนภาคธุรกิจก็มองถึงทิศทางเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวได้ รับผลกระทบสถานการณ์การเมือง
ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่มีทั้งลบและบวก หลังดาวโจนส์ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีบางฝ่ายได้กังวลว่า สหรัฐฯ อาจจะมีการลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) เร็วกว่าที่คาด ซึ่งคาดไว้ในช่วงเดือน มี.ค.ปีหน้า
ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่า ปัญหาการเมืองจะกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะจีดีพี ไตรมาส 4 และส่อเค้ายาวไปถึงไตรมาส 1 ของปีหน้า หลังรัฐให้ความสำคัญผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมากกว่าโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต แนะนำรอดูสถานการณ์ความรุนแรงก่อนกลับเข้าไปซื้อใหม่
ด้านนายชัย จินเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า หลังจากสภาผู้แทนราษฎร ลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวาระ 2 และ 3 ทำให้บรรยากาศการลงทุนติดลบตั้งแต่เปิดตลาด แต่สามารถทรงตัวอยู่ได้ในการซื้อขายภาคเช้า
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายชัย ประเมินว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงวันหยุดนี้ไม่มีความรุนแรง ตลาดจะกลับไปให้น้ำหนักกับประเด็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยกรอบการเคลื่อนไหวจะอยู่ในกรอบจำกัด แนวต้าน 1,440/1,445 จุด และแนวรับ 1,408/1,400 จุด นอกจากนี้ ยังเตือนว่าในปลายสัปดาห์หน้าอาจจะมีแรงเทขายออกจากคงามกังวลต่อคำตัดสินคดีเขาพระวิหารในวันที่ 11 พ.ย.นี้
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
JAS ปิดที่ 8.00 บาท -0.45 บาท หรือ -5.33% มูลค่า 4,402.36 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 185.50 บาท -4.50 บาท หรือ -2.37% มูลค่า 1,668.39 ล้านบาท
TRUE ปิดที่ 8.60 บาท -0.25 บาท หรือ -2.82% มูลค่า 1,450.91 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 161.00 บาท -3.50 บาท หรือ -2.13% มูลค่า 1,330.21 ล้านบาท
ADVANC ปิดที่ 250.00 บาท -5.00 บาท หรือ -1.96% มูลค่า 1,120.41 ล้านบาท