หุ้นภาคเช้ารีบาวนด์ 19 จุด หลังร่วงหนัก 40 จุดเมื่อวานนี้ จากนักลงทุนเชื่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยโดยคว่ำที่วุฒิสภา ด้านโบรกฯ ชี้ปัจจัยภายนอกปรับตัวดีขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน ที่ออกมาดี แต่ในประเทศยังถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองโดยเฉพาะการชุมนุมคัดค้านที่จะมีไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าการประชุมวุฒิสภาจะได้ข้อสรุป ล่าสุด นายกฯ ยืนยันเดินหน้า พ.ร.บ.ปัญหาต่อ คาดมีกดดันดัชนีภาคบ่ายผันผวนเพิ่มขึ้น
หุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ (5 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,407.56 จุด เพิ่มขึ้น 19.16 จุด หรือ 1.38% มูลค่าการซื้อขาย 16,598.64 ล้านบาท ระหว่างครึ่งวันเช้าปรับตัวสูงสุด 24.55 จุด อยู่ที่ระดับ 1,412.95 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,394.33 จุด
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น หลังจากวันก่อนร่วงแรง คาดว่าจะเป็นผลจากเชื่อกันว่าที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อาจจะถูกคว่ำในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งทำให้การต่อต้านน่าจะลดความร้อนแรงได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกหลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน ออกมาดี
อย่างไรก็ดี มองว่าการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยังมีอยู่ ตราบเท่าที่วุฒิสภายังไม่มีการประชุม และจนกว่าจะได้เห็นการประชุม และรู้ผลออกมาแล้วโดยนักวิเคราะห์มองว่า การซื้อขายในช่วงนี้ดัชนีอาจเกิดความผันผวนขึ้นอีก จากความกังวลเพิ่มเติม หลังนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงยืนยันเดินหน้า พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อ โดยยกให้หน้าที่การตัดสินใจแก่วุฒิสภา ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย จนนำมาซึ่งจำนวนมวลชนที่เข้าร่วมคัดค้านต่อเรื่องดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,720.11 ล้านบาท ปิดที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,581.21 ล้านบาท ปิดที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 778.28 ล้านบาท ปิดที่ 195.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 645.17 ล้านบาท ปิดที่ 247.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 606.27 ล้านบาท ปิดที่ 311.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ว่า ปัจจัยการเมืองในประเทศยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย ซึ่งการที่ดัชนีปรับฐานลงมาต่ำกว่า 1,400 จุด ถือว่าตอบรับความเสี่ยงการเมืองระดับหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ หากการชุมนุมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยังเป็นไปโดยสงบ ก็คาดว่าดัชนีจะเริ่มฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเมืองนอกสภายังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาต่อเนื่อง เพราะกระแสต้านยังสูง และการชุมนุมอาจลากยาวถึงคำตัดสินของศาลโลก ในประเด็นเขาพระวิหาร วันที่ 11 พ.ย. ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของภาครัฐ โดยเฉพาะกรณีผลตัดสินเชิงลบต่อไทย โดยประเมินผลกระทบต่อดัชนีไว้ที่ 0.8-2.13% ส่วนการฟื้นตัวของตลาดจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนต่อเนื่องถึง ธ.ค. 2556 จากเม็ดเงินในประเทศเป็นหลัก
