ก่อนวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 คือก่อนการเลือกตั้งทั่วไป นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ และบรรดาพรรคเพื่อไทยทั้งหลายต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่ระแวงสงสัยกันว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลแล้วจะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการพูดกันไปเอง นายยงยุทธซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคบอกว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายในเรื่องดังกล่าว นางสาวยิ่งลักษณ์ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นนายกรัฐมนตรีบอกว่า มาเพื่อประเทศชาติและประชาชน มาเพื่อกระชากค่าครองชีพ จะไม่ทำเพื่อคนคนเดียวเด็ดขาด
ผมไม่เคยเชื่อคำพูดของทั้งสองและผองพรรคเพื่อไทยเลยสักนิด มันจะลงทุนเพื่ออะไร ถ้าหากมิใช่เพื่อตัวมันที่กำลังหนีคุก กำลังหนีคดี
เอาละ เมื่อเสียงส่วนใหญ่เลือกพรรคเพื่อไทย ก็เป็นรัฐบาลไปตามกติกา ไอ้ปึ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เริ่มงานเจรจากับญี่ปุ่นเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าญี่ปุ่นได้ แม้กระทั่งคืนหนังสือเดินทางและคาบไปให้มันก็ทำ
ปลายปี 2554 ผู้คนกำลังเดือดร้อนประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ พวกมันกลับจะอาศัยวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ให้ พ.ต.ท.ทักษิณรอด แต่เมื่อดูกระแสแล้วไปไม่รอดแน่ พวกมันก็หยุด พอต้นปี 2555 พวกมันก็เริ่มใหม่ได้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะที่ยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนเสนอร่างกฎหมายเพื่อที่จะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วก็ติดตามด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกหลายคนเสนอร่างกฎหมาย แต่เมื่อประชาชนออกมาคัดค้านอย่างขันแข็ง ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญเบรกการลงมติวาระ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาไว้ พวกมันก็ต้องชะงัก
มาวันนี้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ ผ่านวาระแรกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว กำลังพิจารณาอยู่ในขั้นกรรมาธิการก่อนจะพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป
ร่างของนายวรชัยเป็นร่างที่อ้างว่า เพื่อช่วยเหลือคนเสื้อแดงตัวเล็กที่ออกมาเคลื่อนไหวเมื่อปี พ.ศ. 2552 และปี 2553 พวกที่โดนคดีบ้าง ติดคุกบ้างไม่เกี่ยวกับแกนนำของคนเสื้อแดง ไม่เกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณที่เสื้อแดงยังปักใจว่า เป็นคนสั่งฆ่าประชาชนคนเสื้อแดงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553
มิไยจะมีคนค้านว่า เชื่อเถอะ พิจารณาในขั้นกรรมาธิการมันก็แก้ไขได้ เชื่อเถอะเดี๋ยวมันก็ต้องช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพวกมันก็ออกมาพูดคล้ายๆ กันว่า คิดมาก คิดไปเอง ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณเด็ดขาด เพราะถ้าหากคิดจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องเอาร่างของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหลัก
แล้วในที่สุดเมื่อพิจารณาในขั้นกรรมาธิการ หางก็โผล่ออกมาจนได้
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย ประธานกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน กล่าวว่า การแก้ไขเนื้อหาในมาตรา 3 ไม่ขัดหลักการของต้นฉบับที่สภาฯ รับหลักการแต่อย่างใด การแก้ไขให้การนิรโทษกรรมครอบคลุมแกนนำ ผู้สั่งการ เนื่องจากในหลักการไม่ได้ระบุเรื่องตัวบุคคลหรือเหตุการณ์ เพียงแต่เห็นสมควรให้นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง
“ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่ากรรมาธิการไม่สามารถเขียนกฎหมายยกเว้นโทษใครคนใดคนหนึ่ง เพราะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 30 ที่บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย จึงต้องเขียนให้ครอบคลุมทุกฝ่าย ยกเว้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ท้ายสุดแล้วเนื้อหาจะปรับแก้ตามกรรมาธิการหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเห็นของสภาฯ” นายสามารถ แก้วมีชัย ซึ่งเป็นประธานกรรมาธิการกล่าว
มันพูดของมันถูกหมดแหละครับ เพราะตอนที่จะนำเข้าสภาฯ ก็มีผู้คนเขาท้วงติงเอาไว้แล้วว่า มันจะยกเว้นแกนนำ แกนนำหรือผู้สั่งการได้อย่างไร เพราะมันขัดรัฐธรรมนูญ แต่พวกมันบอกว่าได้ ทำได้
มาวันนี้มันก็พูดเหตุผลเดียวกันกับที่มีผู้ท้วงติงไว้นั่นแหละครับว่า จะยกเว้นคนนั้นคนนี้ไม่ได้ เหตุการณ์เดียวกัน ถ้าหากได้รับนิรโทษกรรมก็ต้องได้รับทุกคน
นางสาวยิ่งลักษณ์ก็บอก เธอไม่เกี่ยว ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเรื่องของสภาฯ
เห็นการรุกทีละคืบของพวกมันไหมละครับ?
การชุมนุมที่บอกว่าเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นสงครามไพร่กับอำมาตย์ เมื่อปี 2552 และปี 2553 นั้น ก็เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกเลือกตั้งใหม่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณมันแน่ใจว่าเลือกตั้งมันก็ชนะ เพราะมันเทคโอเวอร์พรรคการเมืองไว้หลายพรรคแล้ว นักการเมืองที่มีทีท่าว่าเสียงดี มีเครือข่าย มีหัวคะแนนพร้อมมันกวาดต้อนเข้าพรรคมันแล้ว มันเชื่อว่าเป็นรัฐบาลเมื่อไร มันก็จะให้บรรดาขี้ข้าม้าใช้ทั้งหลายออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้มัน
เป็นการเอาคืนที่ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และมันเอาคืนหนักกว่าเสียด้วย มันสามารถเอาคนที่ยึดอำนาจมันให้กลืนเสลดอย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มาเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมให้มัน ให้ ครม.ผ่านมติเยียวยาให้กับคนที่ขายชีวิตให้มันในเหตุการณ์ปี 2552 และปี 2553 คนละ 4 ล้านไปจนถึง 7 ล้าน โดยที่ไม่มีกฎหมายรองรับ
ทหาร ตำรวจที่เสี่ยงภัยอยู่ชายแดนยังไม่ได้เท่ากับคนที่ขายชีวิตให้มัน
มันกล้าทำทั้งที่มีประชาชนส่วนหนึ่งชุมนุมคัดค้านรัฐบาล และคัดค้านระบอบทักษิณอยู่เวลานี้ทั้งที่สวนลุมพินีและอุรุพงษ์ เพราะแน่ใจว่านี่เป็นเพียงประชาชนกลุ่มเล็ก พวกมันเย้ยหยันว่า ยังไงก็จุดไม่ติด ยังไงก็เลิกราไปเอง ประชาชนส่วนใหญ่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และสื่อมวลชนส่วนใหญ่สนับสนุนพวกเขาอยู่
หรือว่าบ้านนี้ เมืองนี้ ประเทศนี้จะต้องเป็นของมันจริงๆ
ผมไม่เคยเชื่อคำพูดของทั้งสองและผองพรรคเพื่อไทยเลยสักนิด มันจะลงทุนเพื่ออะไร ถ้าหากมิใช่เพื่อตัวมันที่กำลังหนีคุก กำลังหนีคดี
เอาละ เมื่อเสียงส่วนใหญ่เลือกพรรคเพื่อไทย ก็เป็นรัฐบาลไปตามกติกา ไอ้ปึ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เริ่มงานเจรจากับญี่ปุ่นเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าญี่ปุ่นได้ แม้กระทั่งคืนหนังสือเดินทางและคาบไปให้มันก็ทำ
ปลายปี 2554 ผู้คนกำลังเดือดร้อนประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ พวกมันกลับจะอาศัยวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ให้ พ.ต.ท.ทักษิณรอด แต่เมื่อดูกระแสแล้วไปไม่รอดแน่ พวกมันก็หยุด พอต้นปี 2555 พวกมันก็เริ่มใหม่ได้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะที่ยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนเสนอร่างกฎหมายเพื่อที่จะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วก็ติดตามด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกหลายคนเสนอร่างกฎหมาย แต่เมื่อประชาชนออกมาคัดค้านอย่างขันแข็ง ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญเบรกการลงมติวาระ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาไว้ พวกมันก็ต้องชะงัก
มาวันนี้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ ผ่านวาระแรกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว กำลังพิจารณาอยู่ในขั้นกรรมาธิการก่อนจะพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป
ร่างของนายวรชัยเป็นร่างที่อ้างว่า เพื่อช่วยเหลือคนเสื้อแดงตัวเล็กที่ออกมาเคลื่อนไหวเมื่อปี พ.ศ. 2552 และปี 2553 พวกที่โดนคดีบ้าง ติดคุกบ้างไม่เกี่ยวกับแกนนำของคนเสื้อแดง ไม่เกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณที่เสื้อแดงยังปักใจว่า เป็นคนสั่งฆ่าประชาชนคนเสื้อแดงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553
มิไยจะมีคนค้านว่า เชื่อเถอะ พิจารณาในขั้นกรรมาธิการมันก็แก้ไขได้ เชื่อเถอะเดี๋ยวมันก็ต้องช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพวกมันก็ออกมาพูดคล้ายๆ กันว่า คิดมาก คิดไปเอง ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณเด็ดขาด เพราะถ้าหากคิดจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องเอาร่างของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหลัก
แล้วในที่สุดเมื่อพิจารณาในขั้นกรรมาธิการ หางก็โผล่ออกมาจนได้
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย ประธานกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน กล่าวว่า การแก้ไขเนื้อหาในมาตรา 3 ไม่ขัดหลักการของต้นฉบับที่สภาฯ รับหลักการแต่อย่างใด การแก้ไขให้การนิรโทษกรรมครอบคลุมแกนนำ ผู้สั่งการ เนื่องจากในหลักการไม่ได้ระบุเรื่องตัวบุคคลหรือเหตุการณ์ เพียงแต่เห็นสมควรให้นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง
“ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่ากรรมาธิการไม่สามารถเขียนกฎหมายยกเว้นโทษใครคนใดคนหนึ่ง เพราะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 30 ที่บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย จึงต้องเขียนให้ครอบคลุมทุกฝ่าย ยกเว้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ท้ายสุดแล้วเนื้อหาจะปรับแก้ตามกรรมาธิการหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเห็นของสภาฯ” นายสามารถ แก้วมีชัย ซึ่งเป็นประธานกรรมาธิการกล่าว
มันพูดของมันถูกหมดแหละครับ เพราะตอนที่จะนำเข้าสภาฯ ก็มีผู้คนเขาท้วงติงเอาไว้แล้วว่า มันจะยกเว้นแกนนำ แกนนำหรือผู้สั่งการได้อย่างไร เพราะมันขัดรัฐธรรมนูญ แต่พวกมันบอกว่าได้ ทำได้
มาวันนี้มันก็พูดเหตุผลเดียวกันกับที่มีผู้ท้วงติงไว้นั่นแหละครับว่า จะยกเว้นคนนั้นคนนี้ไม่ได้ เหตุการณ์เดียวกัน ถ้าหากได้รับนิรโทษกรรมก็ต้องได้รับทุกคน
นางสาวยิ่งลักษณ์ก็บอก เธอไม่เกี่ยว ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเรื่องของสภาฯ
เห็นการรุกทีละคืบของพวกมันไหมละครับ?
การชุมนุมที่บอกว่าเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นสงครามไพร่กับอำมาตย์ เมื่อปี 2552 และปี 2553 นั้น ก็เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกเลือกตั้งใหม่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณมันแน่ใจว่าเลือกตั้งมันก็ชนะ เพราะมันเทคโอเวอร์พรรคการเมืองไว้หลายพรรคแล้ว นักการเมืองที่มีทีท่าว่าเสียงดี มีเครือข่าย มีหัวคะแนนพร้อมมันกวาดต้อนเข้าพรรคมันแล้ว มันเชื่อว่าเป็นรัฐบาลเมื่อไร มันก็จะให้บรรดาขี้ข้าม้าใช้ทั้งหลายออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้มัน
เป็นการเอาคืนที่ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และมันเอาคืนหนักกว่าเสียด้วย มันสามารถเอาคนที่ยึดอำนาจมันให้กลืนเสลดอย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มาเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมให้มัน ให้ ครม.ผ่านมติเยียวยาให้กับคนที่ขายชีวิตให้มันในเหตุการณ์ปี 2552 และปี 2553 คนละ 4 ล้านไปจนถึง 7 ล้าน โดยที่ไม่มีกฎหมายรองรับ
ทหาร ตำรวจที่เสี่ยงภัยอยู่ชายแดนยังไม่ได้เท่ากับคนที่ขายชีวิตให้มัน
มันกล้าทำทั้งที่มีประชาชนส่วนหนึ่งชุมนุมคัดค้านรัฐบาล และคัดค้านระบอบทักษิณอยู่เวลานี้ทั้งที่สวนลุมพินีและอุรุพงษ์ เพราะแน่ใจว่านี่เป็นเพียงประชาชนกลุ่มเล็ก พวกมันเย้ยหยันว่า ยังไงก็จุดไม่ติด ยังไงก็เลิกราไปเอง ประชาชนส่วนใหญ่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และสื่อมวลชนส่วนใหญ่สนับสนุนพวกเขาอยู่
หรือว่าบ้านนี้ เมืองนี้ ประเทศนี้จะต้องเป็นของมันจริงๆ