เกาะกระแส
00 หลายคนคงเห็นตรงกันแล้วว่า รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึง "ระบอบทักษิณ" กำลังอยู่ในช่วง "ขาลง" ซึ่งเป็นอาการที่ลงแบบ "ฮวบฮาบ"นั่นคือลงเร็วกว่าในช่วงแรก ปีแรกที่เข้ามา คำตอบก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า "ความจริงเริ่มปรากฏ" หรือพูดกับแบบหยาบๆก็คือ "คนเริ่มเห็นสันดาน" เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนปี 48-49 ตอนนั้นที่ชาวบ้าน "รู้ทันทักษิณ ชินวัตร" ตอนนั้นถ้า "บังเละ" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่มั่วฉวยโอกาสรัฐประหาร เพียงเพราะกลัวถูกปลดพ้นเก้าอี้ ผบ.ทบ.เมื่อ 19 กย.49 เสียก่อน ระบอบ ทักษิณ คงสูญพันธุ์ไปเพราะ "พลังมหาชน" ไปเรียบร้อยแล้ว จนทำให้ ครอบครัวชินวัตร ใช้ข้ออ้างเรื่องประชาธิปไตย-เผด็จการ "มาหากิน"ต่ออายุมาได้จนถึงบัดนี้
00 ดังนั้นหากจะทำลายระบอบทักษิณ และรัฐบาลหุ่นเชิดของ ทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ก็ไม่ยาก เพียงแต่ต้อง "อดทน" รอ ให้กาลเวลาได้พิสูจน์ความจริงออกมาให้เห็นบ้าง ซึ่งนับจากนี้เป็นต้นไปก็เริ่มถึงเวลา "เช็คบิล"คนในครอบครัวนี้ได้้แล้ว กว่าสองปีที่ปล่อยให้คนในครอบครัวนี้ "เอาเปรียบ"ใช้ทรัพยากรของชาติไปฟรีๆ แต่ผลที่ชาวบ้านได้รับก็คือมีแต่ความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ทุกนโยบายล้วนแต่ล้มเหลว ขาดทุนไม่เป็นท่า มาถึงนาทีนี้ไม่อาจบ่ายเบี่ยงโทษใครได้เลย ยิ่งตอนนี้ได้เห็นฝีมือการบริหารไล่เรียงกันลงมาตั้งแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พี่ชายเชิดให้เป็นนายกฯแบบ"เหยียดหยาม"คนไทยกันถึงแก่น เพราะคงได้เห็นกันแล้วจริงๆว่าเธอ "ไม่มีสติปัญญา"จริงๆ เพราะถ้าจะดูใครสักคนว่าเป็นคนแบบไหนก็ให้สังเกตได้จาก "คำพูดและลีลาท่าทาง" ให้สังเกตกันไปเรื่อยๆ แรกๆอาจยังสรุปไม่ได้ แต่ถ้าผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ยัง "ยิ่งเละ" มันก็ชัดเจน เหมือนอย่างที่คนไทยได้เห็น ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ต่างจาก"ตัวตลกที่น่าสงสาร" ไปแล้ว
00 น่าจับตาก็คือม็อบต่อต้านรัฐบาลที่ "แยกอุรุพงษ์" ที่ปักหลักชุมนุมมานาน 4-5 วันแล้ว และมีแนวโน้มยืดเยื้อไปเรื่อยๆ เพราะเริ่มมีหลายกลุ่ม มีชาวบ้านไหลเข้ามาร่วมเรื่อยๆ สาเหตุก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่า ทนความ "ทุเรศ"ทนความห่วยแตกของ รัฐบาลและบรรดา"ขี้ข้า"ต่อไปไม่ไหว เพราะชาวบ้านเขาไม่ได้ประโยชน์ใดๆจากการมีรัฐบาลแบบนี้ไม่มีประโยชน์ใดจากการมี "ระบอบทักษิณ" เพราะคนที่ได้ประโยชน์จาก "เศษเงิน"ที่โยนมาให้มีเพียงแค่คนเพียง"หยิบมือเดียว"ในรัฐบาลเท่านั้น หรืออาจมีพวก"หัวโจก"เสื้อแดงเพิ่มเข้าไปอีกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
00 สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ก็เริ่มเดินหน้าแก้ไขรธน.ในประเด็นที่เหลือ ก็ล้วนแต่เป็นผลประโยชน์ของธุรกิจในเครือ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ที่เห็นชัดก็คือการแก้ไขมาตรา 190 นี่ก็ชัดเจน ว่าเป็นการเปิดทางให้ในอนาคตหากมีการเจรจาการค้า หรือการเจรจาเรื่องเขตแดนที่เห็นว่าไม่มีผลต่อ"อธิบไตยแบบไม่มีนัยสำคัญ"ก็ไม่ต้องขอความเห็นชอบของรัฐสภาแบบที่เป็นอยู่ สามารถ "งุบงิบ"ทำได้เลยตามสบาย แน่นอนว่าต่อไป "บรรดาธุรกิจข้ามชาติ" และ "นายหน้าข้ามชาติ"ก็จะฟาดกันพุงปลิ้น ถามว่าที่ผ่านมารธน.มาตรา 190 มีอุปสรรคต่อการเจรจาการค้าหรือไม่ ก็เปล่า หรือแม้แต่ รธน.ปัจจุบันทั้งฉบับก็ไม่ได้มีอุปสรรค หรือมีปัญหากระทบต่อ"สติปัญญา"ของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลยแม้แต่น้อย
00 ที่น่าจับตาก็คือการลุยแก้รธน.ของรัฐบาลแบบ "ม้วนเดียวจบ"นี่แหละอาจจะกลายเป็นชนวนเงื่อนไขให้ชาวบ้านออกมา "ขับไล่รัฐบาลและระบอบทักษิณ"ให้พังลงไปในเร็ววันก็เป็นได้ เพราะมีการกำหนดกันเป็นตารางเวลาออกมาแล้วว่าจะลุยแก้ไข ม.190 และตามมาด้วย ม.68 ซึ่งทุกประเด็นล้วนเป็น "ผลประโยชน์"ต่อครอบครัว ทักษิณ ล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับชาวบ้าน หรือแม้แต่มวลชนเสื้อแดงรากหญ้าเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะที่น่าจับตาก็คือการแก้ไขมาตรา 68 นี่แหละที่สำคัญเพราะถ้าแก้ไขได้สำเร็จนัานหมายถึงเป็นการ "ตัดอำนาจของประชาชน" ในการพิทักษ์ปกป้องรธน.เนื่อจากเป็นการให้ดุลพินิจกับอัยการสูงสุดในการพิจารณาคำร้องก่อนส่งศาลรธน.ห้ามชาวบ้านร้องศาลรธน.โดยตรงเป็นการปิดช่องทาง ซึ่งเรื่องนี้แหละมีแนวโน้มป่วนแน่ ขณะเดียวกันมันก็น่าหววาดเสียวว่ารัฐบาลก็จะพังเอาเหมือนกัน โดยเฉพาะจากการชี้ขาดของศาลรธน.ที่จะต้องเกิดขึ้นแน่
00 อาการหวาดผวาของรัฐบาลกำลังมากขึ้นจนสติแตกแล้ว ล่าสุดได่สั่งปิดถนน 14 สายรอบทำเนียบฯ และสภา เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้มวลชนมาขัดขวางการ"ชำเรารธน."ที่กำลังเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันก็เริ่มมีเดิมพันอนาคตของ ตำรวจบางคนที่รับใช้ระบอบทักษิณกันแบบหน้ามืด ทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ว่าจะจบอย่างไร นาทีนี้ถือว่า "ขึ้นหลังเสือ"เต็มตัวแล้ว ขอให้โชคดีอยู่รอดให้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน ทุด !!