ASTVผู้จัดการรายวัน-กลุ่มกรีนผนึก คปท. ยื่นอัยการสูงสุด ทบทวนคำสั่ง "จุลสิงห์" สั่งไม่ฟ้อง “ทักษิณ” คดีก่อการร้าย ขู่อย่าให้รู้เซ็นทิ้งทวน แลกนั่งบอร์ดรัฐวิสาหกิจหรือตำแหน่งทางการเมือง ลั่นตามเช็กบิลต่อแน่ ตำรวจหมดมุข หาเหตุจัดการม็อบ ทำโพลอ้างชาวบ้านเดือดร้อน ด้านม็อบอุรุพงษ์ยืนยันชุมนุมต่อเนื่อง "ยะใส"อัด สนนท. เปลี่ยนไป 2 ปี เคยสอบโกงรัฐบาลไหม
วานนี้ (16 ต.ค.) นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และนายอุทัย ยอดมณี ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) เข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดผ่านนายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ทบทวนคำสั่งของนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้องคดีก่อการร้ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในการชุมนุมเมื่อปี 2553
นายจาตุรันต์ กล่าวว่า การมีคำสั่งดังกล่าวของนายจุลสิงห์ ถือเป็นการช่วยเหลือ และเอื้อประโยชน์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นนักโทษหลบหนีคดี เป็นคำสั่งอัปยศ ที่นายจุลสิงห์เซ็นต์ทิ้งท้ายไว้ก่อนเกษียณอายุราชการ ทางเครือข่ายภาคประชาชนจึงอยากให้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุดคนใหม่ได้ทบทวนการมีคำสั่งดังกล่าว หรือถ้าเป็นไปได้ ขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่
ทั้งนี้ การอ้างว่าการกระทำความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นการกระทำนอกราชอาณาจักร แต่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (1/1) บัญญัติให้การกระทำความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามมาตรา 135/1 มาตรา 135/2 มาตรา135/3และ มาตรา 135/4 แม้กระทำนอกราชอาณาจักร ก็จะต้องรับโทษในราชอาณาจักรด้วย อีกทั้งมาตรา 6 ก็บัญญัติว่า ความผิดใดที่ได้กระทำในราชอาณาจักรหรือที่ประมวลกฎหมายอาญานี้ถือว่าได้กระทำในราชอาณาจักร แม้การกระทำของผู้เป็นตัวการด้วยกัน ของผู้สนับสนุน หรือของผู้ใช้ให้กระทำความผิดนั้น จะได้กระทำนอกราชอาณาจักร ก็ให้ถือว่าตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำได้กระทำในราชอาณาจักรด้วย จึงไม่ทราบว่าการใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องของนายจุลสิงห์ ได้มีการพิจารณาในประเด็นนี้อย่างรอบคอบหรือไม่
“เวลานี้เกิดคำถามในสังคมว่าพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอลิงก์ การโฟนอิน ปรากฏชัดทั้งภาพและเสียง อีกทั้งการกระทำของแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อการร้ายทั้ง 24 คน อยู่ที่ศาลแล้ว แต่ทำไมนายจุลสิงห์ จึงใช้ดุลยพินิจไม่สั่งฟ้องโดยให้เหตุผลว่า เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร จึงไม่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด ทางเครือข่ายภาคประชาชน จึงอยากให้นายอรรถพล ในฐานะอัยการสูงสุดคนใหม่ ซึ่งท่านน่าจะมีจิตสำนึก มีคุณธรรมมากกว่า อัยการสูงสุดคนก่อน ได้ทบทวนคำสั่งไม่ฟ้องคดีก่อการร้ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุนการกระทำผิดว่าเข้าข่ายเป็นการใช้ดุลยพินิจออกำคสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย งดเว้นการนำความในมาตรา 6 มาตรา 7 ของประมวลกฎหมายอาญามาพิจารณาอย่างรอบคอบหรือไม่ เพื่อกู้ภาพลักษณ์การเป็นทนายแผ่นดินของสำนักงานอัยการสูงสุดให้กลับคืนมา”
ด้านนายอุทัยกล่าวว่า สิ่งที่นายจุลสิงห์ดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอย่าให้รู้ว่าการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวก็เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเอื้อประโยชน์ให้นายจุลสิงห์ได้เข้าไปมีตำแหน่งเป็นกรรมการในองค์กรรัฐวิสาหกิจต่างๆ หรือได้รับตำแหน่งทางการเมือง รับรองว่าทางเครือข่ายจะไม่ละเว้นในการเอาผิดกับนายจุลสิงห์อย่างแน่นอน กรณีดังกล่าวเป็นอำนาจพิจารณาของอัยการสูงสุดซึ่งขณะนี้ติดภารกิจอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ และจะเดินทางกลับมาถึงในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ซึ่งทางสำนักงานควรจะได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอให้พิจารณาทันที
** จ่อตั้งกระทู้สดถามกฎหมายมั่นคง
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (17 ต.ค.) ฝ่ายค้านได้เตรียมประเด็นกระทู้ถามสด เรื่องการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง รัฐบาลใช้งบประมาณไปแล้วเท่าไร แล้วจะยกเลิกการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงเมื่อใด จากเดิมที่ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 9-18 ต.ค. จะยกเลิกจริงหรือไม่ เพราะเรื่องนี้กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน รัฐบาลควรมีคำตอบในเรื่องนี้ด้วย
**"3เกลอ อปท.รอดเงื่อนไขประกันตัว
อีกด้าน นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) นายพิเชฐ พัฒนโชติ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้ายและปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อฟังคำสั่งคดีที่อัยการขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว หลังเห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์กระทำผิดเงื่อนไขการประกัน กรณีจัดชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลที่บริเวณลานพระบรมรูป รัชกาลที่ 6 และสวนลุมพินี เมื่อวันที่ 4-5 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลพิเคราะห์เห็นว่า จำเลยทำตามสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่พบการยั่วยุ ปลุกระดม ประกอบกับรัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ความมั่นคง ก่อนกำหนด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น จึงสั่งยกคำร้องดังกล่าว
** "ไทกร"ปัดแตกคอแกนนำกปท.
นายไทกร กล่าวถึงกระแสเกิดความขัดแย้งภายในกลุ่มแกนนำว่า เป็นการเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ยืนยันไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น และเป็นข่าวลือ ดังนั้น บุคคลออกมาแถลงข่าวของกลุ่ม กปท. นั้น ก็ขึ้นอยู่กับแกนนำที่จะมอบหมายให้ใครเป็นผู้แถลงข่าว แต่หากมีการเปลี่ยนผู้แถลงข่าวก็ไม่เป็นไร เพราะตนมีคดีที่ถูกฟ้องร้อง 13 คดีแล้ว ที่เกิดจากการแถลงข่าว
**"แรมโบ้"เย้ยม็อบกปท.เสียงแตก
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าต้องพิจารณาอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่การคาดเดา และจากการประเมินล่าสุด จำนวนผู้ชุมนุมอยู่ที่ 200 คน ส่วนช่วงเย็นจะเพิ่มมากขึ้นประมาณ 500-600 คน เนื่องจากมีนักการเมืองท้องถิ่นนำมวลชนเข้าร่วม และยังเป็นกลุ่มหน้าเดิมๆ ที่ขณะนี้เริ่มเสียงแตกระหว่าง แกนนำกลุ่ม กปท. กับนายไทกร พลสุวรรณ ทำให้เห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความเป็นเอกภาพ
ส่วนกรณีผู้บริหาร กทม. ออกมายืนยันว่าไม่ได้สองมาตรฐานในการปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายสุภรณ์ กล่าวว่า กทม.ยังไงก็สองมาตรฐาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ.2535 โดยพรรคเพื่อไทยได้ยื่นจดหมายไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อสอบผู้ว่ากทม.ในกรณีนี้แล้ว
**สมช.พบยอดผู้เข้าร่วมสูงผิดปกติ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การชุมนุมยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะจำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ เพราะช่วงก่อนการชุมนุมในวันธรรมดาจะมีประมาณแค่หลักร้อย แต่เมื่อวันที่ 15ต.ค.ที่ ผ่านมา เริ่มเพิ่มขึ้นเกือบหลักพันคน ซึ่งปัจจัยที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นอาจมาจากการบ่มเพาะชักจูง และการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่
ส่วนที่มีการประกาศจะมาเคลื่อนมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เราก็ยังรับฟังและสืบสภาพว่า เขามีขีดความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างไร แม้ว่าบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาลจะเปิดการจราจรแล้ว แต่เรายังมีเครื่องกีดขวางการชุมนุม และมีกำลังเจ้าหน้าที่ที่พร้อมออกปฏิบัติการ
** ตร.หมดมุก อ้างชาวบ้านเดือดร้อน
พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กำกับดูแลพื้นที่สน.พญาไท และจุดที่มีการชุมนุม กล่าวว่า ประชาชนที่พักอาศัยในย่านใกล้เคียงและจุดที่มีการชุมนุมที่ได้รับความเดือดร้อน ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.พญาไท แล้ว 6 ราย ส่วนใหญ่ให้การว่า ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทั้งเสียงดังรบกวนชีวิตความเป็นอยู่และการทำมาหากิน ไม่สามารถสัญจรไปมาและเข้าออกที่พักอาศัยได้ตามปกติ การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก และเตรียมยื่นหนังสือชี้แจงความเดือดร้อนและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนใกล้เคียงโดยเร็ว
เวลา 15.00 น.พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. และในฐานะหัวหน้าชุดเจรจาต่อรองพร้อมคณะทำงานจะเข้าพบแกนนำผู้ชุมนุมครั้งครั้งที่ 2 เพื่อเจรจาขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากแยกอุรุพงษ์ไปชุมนุมที่สนามกีฬาใต้ทางด่วน
เวลา 16.00 น. ภายหลังเจรจา ทางกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ปฏิเสธคืนผิวถนนและยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม
มีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมออกมาสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ เพื่อหาฉันทามติ ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการชุมนุมของ คปท. ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์
**ม๊อบอุรุพงษ์ยันชุมนุมต่อเนื่อง
สำหรับบรรยากาศการชุมนุม หลังจากฝนตกตลอดทั้งวันท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยรอบรวมถึงบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาและพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง
นายนัสเซอร์ ยีหมะ คณะทำงาน คปท. กล่าวยืนยันว่า จะชุมนุมโดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญอย่างเปิดเผยและปราศจากอาวุธ ซึ่งทาง คปท. ได้มีการเรียกร้องว่า รัฐจะต้องไม่ลิดรอนสิทธิ์ประชาชนโดยการใช้อำนาจ ส่วนเรื่องจะกลับไปหน้าทำเนียบ ยังไม่ได้มีการหารือกัน
"คปท. ยังยืนยันที่จะอยู่แยกอุรุพงษ์ เพราะเป็นพื้นที่นอกเขต พ.ร.บ.มั่นคง โดยมองว่า การที่รัฐประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงนั้น เป็นการใช้อำนาจเพื่อปิดกั้นการชุมนุมของประชาชนมากเกินไป ส่วนเรื่องของการเข้าร่วมจากกลุ่มต่างๆ ไม่มีการปิดกั้น หากมีเป้าหมายเดียวกัน ส่วนกรณีที่มีสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ออกมาต่อต้านนั้น ให้นักศึกษาเป็นคนให้ความคิดเห็นเอง ซึ่งการเข้าร่วมเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล"
**"ยะใส"ซัด สนนท. บทบาทเปลี่ยน
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน โพสต์เฟซบุ๊ค แสดงความคิดเห็นกรณีที่ สนนท. ออกมาเคลื่อนไหว พร้อมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ซึ่งตนมองว่า การทำหน้าที่ของ สนนท. แตกต่างจากอดีตมาก โดยเฉพาะการตรวจสอบอำนาจรัฐบาล ที่ระยะหลังมานี้ส่วนใหญ่ทาง สนนท. มักจะออกมาวิพากวิจารณ์
“สิ่งหนึ่งที่ สนนท. ทุกยุคสมัยในอดีตถือเป็นหน้าที่ คือ การวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบอำนาจรัฐ แต่ 2 ปีกว่าของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผมไม่เห็นบทบาทนี้ของ สนนท. เลย เห็นแต่การออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ ฝ่ายประชาชนที่เห็นต่างจาก สนนท.เท่านั้น”
**"ตู่-นปช." ขู่รุ่นพี่รามเบื้องหลังม๊อบ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ ไม่มาก แต่มีคนมาเติมให้มากขึ้น ม็อบนี้จะยังทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ แต่จะคอยเปิดประตูให้เหมือนกับในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ถ้าโค่นล้มรัฐบาลได้ คราวนี้ตนเชื่อว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง คนเสื้อแดงต้องเตรียมพร้อมเพื่อความไม่ประมาท ส่วนกรณีการชูภาพนักศึกษา ม.รามคำแหง เป็นการจัดขบวนทัพให้มีภาพนักศึกษา ตนรู้ว่ารุ่นพี่ที่อยู่เบื้องหลังนั่งอยู่ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร จึงทำให้มีเครื่องปั่นไฟ มีรถสุขามาทันที ม็อบนี้ รถสุขามาก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับปาฐกถาของนายธีรยุทธ บุญมี ส่วนมวลสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไปแอบอิงว่าม็อบใดจะล้มรัฐบาลได้ คนที่เติมม็อบไม่ใช่นักศึกษา แต่เป็นกลไกที่พรรคประชาธิปัตย์รู้ดีที่สุด ถ้ารัฐบาลจะใช้วิธีอายัดทรัพย์เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ตนก็ชี้ตัวได้ทั้งหมด
"ลานประหารจริงไม่ได้อยู่ที่แยกอุรุพงษ์ แต่ยังอยู่ที่องค์กรอิสระเหมือนเดิม เราจะไม่พูดถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะรู้ว่าโรงงานผลิตอยู่ที่ไหน พี่รู้ว่าน้องเป็นใคร แต่เราจะไม่ยุ่งกับเขา คนเสื้อแดงต้องเตรียมพร้อมในหมู่ประชาชน อยู่ในที่มั่นอย่างสงบแต่ไม่กระพริบตา ถ้ามีการนัดหมายวันเดียวเราก็พร้อมทันที"
***"นิชา"โพสต์บทสัมภาษณ์ ศ.สตีเฟ่น ยัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม นายทหารที่เข้าช่วยระงับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือน เม.ย.2553 ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก โดยนำบทสัมภาษณ์พิเศษที่นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือ เนชั่น กับศาสตราจารย์สตีเฟ่น ยัง (Prof.Stephen Young) ผู้ค้นพบแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงในปี 2509 มาเผยแพร่
โดยบทสัมภาษณ์พิเศษของ ศ.สตีเฟ่น ยัง ระบุถึงความแตกแยกในประเทศไทยว่า เป็นเรื่องเศร้าใจ เนื่องจากเป็นผลพวงมาจากความมักใหญ่ใฝ่สูงแบบระบบจักรพรรดิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลเอื้อระบบผูกขาดให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลที่เป็นตัวแทนประชาชน ยกความเป็นบุคคลอภิสิทธิ์ให้กับคุณทักษิณ นี่คือ การปกครองโดยชนชั้นสูง เป็นการปกครองโดยคนรวยที่มีอภิสิทธิ์ ไม่ใช่คนๆ หนึ่งที่เริ่มต้นจากความยากจน และทำมาหากินจนได้ลืมตาอ้าปาก
วานนี้ (16 ต.ค.) นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และนายอุทัย ยอดมณี ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) เข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดผ่านนายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ทบทวนคำสั่งของนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้องคดีก่อการร้ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในการชุมนุมเมื่อปี 2553
นายจาตุรันต์ กล่าวว่า การมีคำสั่งดังกล่าวของนายจุลสิงห์ ถือเป็นการช่วยเหลือ และเอื้อประโยชน์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นนักโทษหลบหนีคดี เป็นคำสั่งอัปยศ ที่นายจุลสิงห์เซ็นต์ทิ้งท้ายไว้ก่อนเกษียณอายุราชการ ทางเครือข่ายภาคประชาชนจึงอยากให้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุดคนใหม่ได้ทบทวนการมีคำสั่งดังกล่าว หรือถ้าเป็นไปได้ ขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่
ทั้งนี้ การอ้างว่าการกระทำความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นการกระทำนอกราชอาณาจักร แต่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (1/1) บัญญัติให้การกระทำความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามมาตรา 135/1 มาตรา 135/2 มาตรา135/3และ มาตรา 135/4 แม้กระทำนอกราชอาณาจักร ก็จะต้องรับโทษในราชอาณาจักรด้วย อีกทั้งมาตรา 6 ก็บัญญัติว่า ความผิดใดที่ได้กระทำในราชอาณาจักรหรือที่ประมวลกฎหมายอาญานี้ถือว่าได้กระทำในราชอาณาจักร แม้การกระทำของผู้เป็นตัวการด้วยกัน ของผู้สนับสนุน หรือของผู้ใช้ให้กระทำความผิดนั้น จะได้กระทำนอกราชอาณาจักร ก็ให้ถือว่าตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำได้กระทำในราชอาณาจักรด้วย จึงไม่ทราบว่าการใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องของนายจุลสิงห์ ได้มีการพิจารณาในประเด็นนี้อย่างรอบคอบหรือไม่
“เวลานี้เกิดคำถามในสังคมว่าพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอลิงก์ การโฟนอิน ปรากฏชัดทั้งภาพและเสียง อีกทั้งการกระทำของแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อการร้ายทั้ง 24 คน อยู่ที่ศาลแล้ว แต่ทำไมนายจุลสิงห์ จึงใช้ดุลยพินิจไม่สั่งฟ้องโดยให้เหตุผลว่า เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร จึงไม่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด ทางเครือข่ายภาคประชาชน จึงอยากให้นายอรรถพล ในฐานะอัยการสูงสุดคนใหม่ ซึ่งท่านน่าจะมีจิตสำนึก มีคุณธรรมมากกว่า อัยการสูงสุดคนก่อน ได้ทบทวนคำสั่งไม่ฟ้องคดีก่อการร้ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุนการกระทำผิดว่าเข้าข่ายเป็นการใช้ดุลยพินิจออกำคสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย งดเว้นการนำความในมาตรา 6 มาตรา 7 ของประมวลกฎหมายอาญามาพิจารณาอย่างรอบคอบหรือไม่ เพื่อกู้ภาพลักษณ์การเป็นทนายแผ่นดินของสำนักงานอัยการสูงสุดให้กลับคืนมา”
ด้านนายอุทัยกล่าวว่า สิ่งที่นายจุลสิงห์ดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอย่าให้รู้ว่าการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวก็เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเอื้อประโยชน์ให้นายจุลสิงห์ได้เข้าไปมีตำแหน่งเป็นกรรมการในองค์กรรัฐวิสาหกิจต่างๆ หรือได้รับตำแหน่งทางการเมือง รับรองว่าทางเครือข่ายจะไม่ละเว้นในการเอาผิดกับนายจุลสิงห์อย่างแน่นอน กรณีดังกล่าวเป็นอำนาจพิจารณาของอัยการสูงสุดซึ่งขณะนี้ติดภารกิจอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ และจะเดินทางกลับมาถึงในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ซึ่งทางสำนักงานควรจะได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอให้พิจารณาทันที
** จ่อตั้งกระทู้สดถามกฎหมายมั่นคง
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (17 ต.ค.) ฝ่ายค้านได้เตรียมประเด็นกระทู้ถามสด เรื่องการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง รัฐบาลใช้งบประมาณไปแล้วเท่าไร แล้วจะยกเลิกการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงเมื่อใด จากเดิมที่ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 9-18 ต.ค. จะยกเลิกจริงหรือไม่ เพราะเรื่องนี้กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน รัฐบาลควรมีคำตอบในเรื่องนี้ด้วย
**"3เกลอ อปท.รอดเงื่อนไขประกันตัว
อีกด้าน นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) นายพิเชฐ พัฒนโชติ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้ายและปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อฟังคำสั่งคดีที่อัยการขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว หลังเห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์กระทำผิดเงื่อนไขการประกัน กรณีจัดชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลที่บริเวณลานพระบรมรูป รัชกาลที่ 6 และสวนลุมพินี เมื่อวันที่ 4-5 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลพิเคราะห์เห็นว่า จำเลยทำตามสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่พบการยั่วยุ ปลุกระดม ประกอบกับรัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ความมั่นคง ก่อนกำหนด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น จึงสั่งยกคำร้องดังกล่าว
** "ไทกร"ปัดแตกคอแกนนำกปท.
นายไทกร กล่าวถึงกระแสเกิดความขัดแย้งภายในกลุ่มแกนนำว่า เป็นการเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ยืนยันไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น และเป็นข่าวลือ ดังนั้น บุคคลออกมาแถลงข่าวของกลุ่ม กปท. นั้น ก็ขึ้นอยู่กับแกนนำที่จะมอบหมายให้ใครเป็นผู้แถลงข่าว แต่หากมีการเปลี่ยนผู้แถลงข่าวก็ไม่เป็นไร เพราะตนมีคดีที่ถูกฟ้องร้อง 13 คดีแล้ว ที่เกิดจากการแถลงข่าว
**"แรมโบ้"เย้ยม็อบกปท.เสียงแตก
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าต้องพิจารณาอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่การคาดเดา และจากการประเมินล่าสุด จำนวนผู้ชุมนุมอยู่ที่ 200 คน ส่วนช่วงเย็นจะเพิ่มมากขึ้นประมาณ 500-600 คน เนื่องจากมีนักการเมืองท้องถิ่นนำมวลชนเข้าร่วม และยังเป็นกลุ่มหน้าเดิมๆ ที่ขณะนี้เริ่มเสียงแตกระหว่าง แกนนำกลุ่ม กปท. กับนายไทกร พลสุวรรณ ทำให้เห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความเป็นเอกภาพ
ส่วนกรณีผู้บริหาร กทม. ออกมายืนยันว่าไม่ได้สองมาตรฐานในการปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายสุภรณ์ กล่าวว่า กทม.ยังไงก็สองมาตรฐาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ.2535 โดยพรรคเพื่อไทยได้ยื่นจดหมายไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อสอบผู้ว่ากทม.ในกรณีนี้แล้ว
**สมช.พบยอดผู้เข้าร่วมสูงผิดปกติ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การชุมนุมยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะจำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ เพราะช่วงก่อนการชุมนุมในวันธรรมดาจะมีประมาณแค่หลักร้อย แต่เมื่อวันที่ 15ต.ค.ที่ ผ่านมา เริ่มเพิ่มขึ้นเกือบหลักพันคน ซึ่งปัจจัยที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นอาจมาจากการบ่มเพาะชักจูง และการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่
ส่วนที่มีการประกาศจะมาเคลื่อนมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เราก็ยังรับฟังและสืบสภาพว่า เขามีขีดความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างไร แม้ว่าบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาลจะเปิดการจราจรแล้ว แต่เรายังมีเครื่องกีดขวางการชุมนุม และมีกำลังเจ้าหน้าที่ที่พร้อมออกปฏิบัติการ
** ตร.หมดมุก อ้างชาวบ้านเดือดร้อน
พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กำกับดูแลพื้นที่สน.พญาไท และจุดที่มีการชุมนุม กล่าวว่า ประชาชนที่พักอาศัยในย่านใกล้เคียงและจุดที่มีการชุมนุมที่ได้รับความเดือดร้อน ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.พญาไท แล้ว 6 ราย ส่วนใหญ่ให้การว่า ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทั้งเสียงดังรบกวนชีวิตความเป็นอยู่และการทำมาหากิน ไม่สามารถสัญจรไปมาและเข้าออกที่พักอาศัยได้ตามปกติ การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก และเตรียมยื่นหนังสือชี้แจงความเดือดร้อนและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนใกล้เคียงโดยเร็ว
เวลา 15.00 น.พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. และในฐานะหัวหน้าชุดเจรจาต่อรองพร้อมคณะทำงานจะเข้าพบแกนนำผู้ชุมนุมครั้งครั้งที่ 2 เพื่อเจรจาขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากแยกอุรุพงษ์ไปชุมนุมที่สนามกีฬาใต้ทางด่วน
เวลา 16.00 น. ภายหลังเจรจา ทางกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ปฏิเสธคืนผิวถนนและยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม
มีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมออกมาสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ เพื่อหาฉันทามติ ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการชุมนุมของ คปท. ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์
**ม๊อบอุรุพงษ์ยันชุมนุมต่อเนื่อง
สำหรับบรรยากาศการชุมนุม หลังจากฝนตกตลอดทั้งวันท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยรอบรวมถึงบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาและพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง
นายนัสเซอร์ ยีหมะ คณะทำงาน คปท. กล่าวยืนยันว่า จะชุมนุมโดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญอย่างเปิดเผยและปราศจากอาวุธ ซึ่งทาง คปท. ได้มีการเรียกร้องว่า รัฐจะต้องไม่ลิดรอนสิทธิ์ประชาชนโดยการใช้อำนาจ ส่วนเรื่องจะกลับไปหน้าทำเนียบ ยังไม่ได้มีการหารือกัน
"คปท. ยังยืนยันที่จะอยู่แยกอุรุพงษ์ เพราะเป็นพื้นที่นอกเขต พ.ร.บ.มั่นคง โดยมองว่า การที่รัฐประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงนั้น เป็นการใช้อำนาจเพื่อปิดกั้นการชุมนุมของประชาชนมากเกินไป ส่วนเรื่องของการเข้าร่วมจากกลุ่มต่างๆ ไม่มีการปิดกั้น หากมีเป้าหมายเดียวกัน ส่วนกรณีที่มีสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ออกมาต่อต้านนั้น ให้นักศึกษาเป็นคนให้ความคิดเห็นเอง ซึ่งการเข้าร่วมเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล"
**"ยะใส"ซัด สนนท. บทบาทเปลี่ยน
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน โพสต์เฟซบุ๊ค แสดงความคิดเห็นกรณีที่ สนนท. ออกมาเคลื่อนไหว พร้อมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ซึ่งตนมองว่า การทำหน้าที่ของ สนนท. แตกต่างจากอดีตมาก โดยเฉพาะการตรวจสอบอำนาจรัฐบาล ที่ระยะหลังมานี้ส่วนใหญ่ทาง สนนท. มักจะออกมาวิพากวิจารณ์
“สิ่งหนึ่งที่ สนนท. ทุกยุคสมัยในอดีตถือเป็นหน้าที่ คือ การวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบอำนาจรัฐ แต่ 2 ปีกว่าของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผมไม่เห็นบทบาทนี้ของ สนนท. เลย เห็นแต่การออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ ฝ่ายประชาชนที่เห็นต่างจาก สนนท.เท่านั้น”
**"ตู่-นปช." ขู่รุ่นพี่รามเบื้องหลังม๊อบ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ ไม่มาก แต่มีคนมาเติมให้มากขึ้น ม็อบนี้จะยังทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ แต่จะคอยเปิดประตูให้เหมือนกับในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ถ้าโค่นล้มรัฐบาลได้ คราวนี้ตนเชื่อว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง คนเสื้อแดงต้องเตรียมพร้อมเพื่อความไม่ประมาท ส่วนกรณีการชูภาพนักศึกษา ม.รามคำแหง เป็นการจัดขบวนทัพให้มีภาพนักศึกษา ตนรู้ว่ารุ่นพี่ที่อยู่เบื้องหลังนั่งอยู่ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร จึงทำให้มีเครื่องปั่นไฟ มีรถสุขามาทันที ม็อบนี้ รถสุขามาก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับปาฐกถาของนายธีรยุทธ บุญมี ส่วนมวลสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไปแอบอิงว่าม็อบใดจะล้มรัฐบาลได้ คนที่เติมม็อบไม่ใช่นักศึกษา แต่เป็นกลไกที่พรรคประชาธิปัตย์รู้ดีที่สุด ถ้ารัฐบาลจะใช้วิธีอายัดทรัพย์เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ตนก็ชี้ตัวได้ทั้งหมด
"ลานประหารจริงไม่ได้อยู่ที่แยกอุรุพงษ์ แต่ยังอยู่ที่องค์กรอิสระเหมือนเดิม เราจะไม่พูดถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะรู้ว่าโรงงานผลิตอยู่ที่ไหน พี่รู้ว่าน้องเป็นใคร แต่เราจะไม่ยุ่งกับเขา คนเสื้อแดงต้องเตรียมพร้อมในหมู่ประชาชน อยู่ในที่มั่นอย่างสงบแต่ไม่กระพริบตา ถ้ามีการนัดหมายวันเดียวเราก็พร้อมทันที"
***"นิชา"โพสต์บทสัมภาษณ์ ศ.สตีเฟ่น ยัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม นายทหารที่เข้าช่วยระงับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือน เม.ย.2553 ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก โดยนำบทสัมภาษณ์พิเศษที่นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือ เนชั่น กับศาสตราจารย์สตีเฟ่น ยัง (Prof.Stephen Young) ผู้ค้นพบแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงในปี 2509 มาเผยแพร่
โดยบทสัมภาษณ์พิเศษของ ศ.สตีเฟ่น ยัง ระบุถึงความแตกแยกในประเทศไทยว่า เป็นเรื่องเศร้าใจ เนื่องจากเป็นผลพวงมาจากความมักใหญ่ใฝ่สูงแบบระบบจักรพรรดิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลเอื้อระบบผูกขาดให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลที่เป็นตัวแทนประชาชน ยกความเป็นบุคคลอภิสิทธิ์ให้กับคุณทักษิณ นี่คือ การปกครองโดยชนชั้นสูง เป็นการปกครองโดยคนรวยที่มีอภิสิทธิ์ ไม่ใช่คนๆ หนึ่งที่เริ่มต้นจากความยากจน และทำมาหากินจนได้ลืมตาอ้าปาก