xs
xsm
sm
md
lg

“เด็จพี่” เลือดขี้ข้าพุ่ง ซัด “ธีรยุทธ” วิจารณ์นายใหญ่ แถจับผิด กทม.ให้ใช้เครื่องปั่นไฟ คปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (ภาพจากแฟ้ม)
โฆษกเพื่อไทย เผยสั่ง ส.ส.งดภารกิจยาว แจกคู่มือ ส.ส.แจงผลงาน “ปู” เยือนต่างประเทศ ปัดลุแก่อำนาจออก พ.ร.บ.มั่นคงฯ แถไม่ได้โวยเรื่องรถส้วมให้ม็อบใช้ แต่อ้างเครื่องปั่นไฟ กทม.ให้ม็อบใช้ จี้ “สุขุมพันธุ์” สอบ จวก ปชป.-กลุ่มกรีน ยื่นฟ้อง “จุลสิงห์” เลือดขี้ข้าทนไม่ได้ซัด “ธีรยุทธ” อคติวิจารณ์ “ขี้ขำ”



วันนี้ (14 ต.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุม ว่า พ.อ.อภิวัน วิริยะชัย ได้แจ้งให้ ส.ส.พรรคทราบว่า จะมีการประชุมในวันอังคารที่ 16 ต.ค. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 โดยจะเริ่ม 09.30 น.โดยกำชับให้ ส.ส.เดินทางไปถึงล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เนื่องจากมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และให้งดภารกิจไปจนถึงวันศุกร์ เนื่องจากมีผู้แปรญัตติจำนวนมากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลโดยมีประเด็นหลักในการพิจารณาด้วยกัน 4 มาตรา พร้อมย้ำให้ ส.ส. งดการพาดพิงและประท้วงให้น้อยที่สุด

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองโดยเฉพาะการชุมนุมทั้ง 2 จุด คือบริเวณแยกอุรุพงษ์ และสวนลุมพินี โดยอยากให้ ส.ส.ไปทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการออก พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อป้องกันการบิดเบือน เนื่องจากทราบมาว่าผู้ชุมนุมมีเป้าหมายในการล้มรัฐบาลโดยการบุกเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาลและเพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดยขอปฏิเสธกระแสข่าวทางโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลุแก่อำนาจในการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในการปิดกั้นเสรีภาพกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นไม่เป็นความจริง

นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวว่า ส.ส.ได้สะท้อนปัญหามายังที่ประชุมว่าประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมยังต้องการเครื่องอุปโภคบริโภคและความช่วยเหลือต่างๆ โดยมีรัฐมนตรีเข้ามาชี้แจงว่ากำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ และดูแลเรื่องเงินชดเชย ซึ่งได้สั่งให้จังหวัดเร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วและส.ส.ยังฝากให้รัฐบาลช่วยผู้ประสบภัยให้มีรายได้เสริม เนื่องจากหลังจากประสบภัยน้ำท่วมมีคนตกงานจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน พรรคยังได้มีการแจกคู่มือให้ ส.ส.นำไปชี้แจงกับประชาชนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งแต่กลับไม่มีผลงาน ซึ่งทางพรรคได้จัดทำคู่มือผลงานของนายกรัฐมนตรีที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เช่น เรื่องการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นต่างจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีการให้สัมภาษณ์ของ นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะโฆษกประจำตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่ารัฐบาลให้ร้ายม็อบ และ กทม.เรื่องการนำรถสุขาและรถน้ำเคลื่อนที่เข้าไปอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ชุมนุม ตนมองว่าเป็นการออกมาแก้ข่าวที่เป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

ทั้งนี้ ตนไม่ได้ติดใจในรถน้ำหรือรถสุขาเคลื่อนที่ แต่ติดใจเรื่องเครื่องปั้นไฟที่มีการอำนวยความสะดวกให้ถึง 4 เครื่องใหญ่ และอีก 3 เครื่องเล็ก ซึ่งน้ำมันที่ใช้มาจากเงินภาษีของพี่น้องประชาชน ตนมองว่าประชาชนเรื่อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ขึ้นมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.เพราะต้องการให้มาแก้ปัญหาของ กทม.และการจราจร แต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กลับเล่นการเมืองแบบตีสองหน้า ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร จึงต้องฟ้องคน กทม.ว่า ผู้ว่าฯแทนที่จะแก้ปัญหาการจราจรโดยร่วมมือกับรัฐบาลและกองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่กลับเอาเครื่องปั่นไฟไปช่วยผู้ชุมนุมซึ่งปิดถนนอยู่ ตนจึงขอเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ กทม.ไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว หากพบว่าผิดจริงต้องดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ จะดื้อตาใสไม่ได้ และตนก็พร้อมยื่นเอาผิดในเรื่องของน้ำมันรถว่าเป็นของ กทม.และได้ทำหนังสือยืมอย่างถูกต้องหรือไม่

ส่วนการที่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิ์ไปเยี่ยมผู้ชุมนุมได้นั้น ตนเห็นว่าคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายธีมะ กาญจนไพริน โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไปเยี่ยมผู้ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ ตนขอถามว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะวันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนนประชาชน พ่อค้า แม่ค้าก็ร้องเรียนมาแต่ กทม. กลับนิ่งเฉย ตนจึงขอเรียกร้องให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตอบคำถามในเรื่องนี้ และเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยไปตรวจสอบในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่บังคับบัญชา ซึ่งหากไม่ตรวจสอบตนก็พร้อมจะดำเนินการเอาผิดกับกระทรวงมหาดไทย แม้จะเป็นพรรคเดียวกันก็ตามเพราะเป็นการทำตามหน้าที่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด ไม่สั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาก่อการร้าย โดยขู่จะยื่นฟ้องนายจุลสิงห์ ตามมาตรา 157 และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จะมีการยื่นตรวจสอบอัยการสูงสุด รวมถึงกลุ่มกรีนที่นำโดยนายสุริยะใส กตะศิลา ที่จะทำหนังสือ 2 ฉบับยื่นต่ออดีตอัยการสูงสุดและอัยการสูงสุดในปัจจุบัน ตนมองว่านายอภิสิทธิ์และนายสุริยะใส กำลังกดดันการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

ทั้งนี้ วันนี้เมื่อกระบวนการยุติธรรมตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ผิด นายอภิสิทธิ์ ก็โวยวายตีโพยตีพาย เป็นการเล่นเกมทางการเมือง และทำลายกระบวนการยุติธรรมเสียเอง นอกจากนี้การขู่ว่าจะฟ้องนายจุลสิงห์และยื่นหนังสือกดดันอัยการสูงสุดและอดีตอัยการสูงสุดเป็นการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์ใจ โดยตนมองว่าบุคคลคลดังกล่าวว่าตัวเป็นกลางและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ตนจึงอยากเรียกร้องให้อัยการทั่วประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อย่าหวั่นไหวต่อการข่มขู่ เพราะท่านได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องแล้ว

ส่วนกรณีที่ นายธีรยุทธ บุญมี อดีตแกนนำนักศึกษาสมัย 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 หลังจากที่ห่างหายวงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไปนานหลายปีโดยครั้งนี้ออกมาวิจารณ์และกล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นตัวแทนกลุ่มทุนขนาดใหญ่ จากกาฝากเกาะกินรัฐมาเป็นใช้อำนาจควบคุมรัฐโดยตรง จนเป็นเหตุแห่งความขัดแย้งของกลุ่มทุนใหม่และกลุ่มอนุรักษ์นิยมในปัจจุบันพร้อมกับให้ฉายา พ.ต.ท.ทักษิณว่า “ขี้ขำ” ตนมองว่านี่คือการออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีอคติ โดยโยนบาปไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เต็มไปด้วยมายาคติและไม่เหมาะสม

ขณะเดียวกัน มีการวิจารณ์รวมถึงให้ฉายา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในลักษณะเปรียบว่า “ไม่มีผลงาน ดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ" ตนอยากให้นายธีรยุทธ มอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยใจเป็นธรรมว่าวันนี้การค้าการลงทุนกับต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นและนานาชาติให้การยอมรับ ตนไม่อยากให้นายธีรยุทธ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเอามันด้วยอคติเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และคราบของนักวิชาการหายไปไหนหมด หรือภาษาชาวบ้านเรียกธีรยุทธ เปลี่ยนไป๋

อีกด้านหนึ่ง ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธีรยุทธ ออกมาตั้งฉายาให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนำเสนอบทวิเคราะห์ทางการเมืองในช่วงครบรอบเหตุการณ์ 14 ต.ค.นั้น ถือเป็นบทวิเคราะห์ที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง และไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกวิจารณ์ เนื่องจากมุ่งเน้นโจมตีเฉพาะรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฝ่ายเดียว โดยไม่ได้แตะต้องฝ่ายอื่นๆ ที่เป็นตัวละครสำคัญของความขัดแย้งทางการเมือง ในเมื่อพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว จึงเป็นบทวิเคราะห์ที่ขาดความสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยอคติ และสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติแง่ลบของนายธีรยุทธ ที่มีต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

ส่วนการที่ นายธีรยุทธ จะตั้งฉายาให้คนโน้นคนนี้ ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ถือเป็นสิทธิ์ และเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของนายธีรยุทธเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงแต่อย่างใด โดยเฉพาะประเด็นที่นายธีรยุทธ วิจารณ์ว่านายกฯ เอาแต่แต่งตัว ไม่ได้เอาจริงเอาจังในการทำงานนั้น ก็เป็นคำวิจารณ์ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะใครๆ ก็น่าจะเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความทุ่มเทในการบริหารประเทศมากเพียงใด และทำงานจนแทบไม่มีวันหยุด ซึ่งเป็นภาพที่คนเห็นกันทั้งประเทศ ต่างจากนายธีรยุทธ ที่ไม่มีใครเคยเห็นว่า นายธีรยุทธจะมีบทบาทออกมาต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และไม่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คมช.ซึ่งมีที่มาจากรัฐประหาร ทั้งๆ ที่สังคมคาดหวังว่า นายธีรยุทธ น่าจะเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหาร


กำลังโหลดความคิดเห็น