xs
xsm
sm
md
lg

“ยะใส” เตรียมยื่นค้านคดี “แม้ว” พ้นก่อการร้าย - ส่ง ป.ป.ช. ฟัน “จุลสิงห์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (ภาพจากแฟ้ม)
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนซัดตำรวจตลบหลังเบี้ยว กปท.ปิดถนน 14 สาย หลังเคยสัญญา “หลี่เค่อเฉียง” กลับจะให้หวนมาชุมนุมทำเนียบฯ เตรียมยื่น อสส.คนใหม่ทบทวนคำสั่งไม่ฟ้อง “ทักษิณ” ในคดีก่อการร้ายของ “จุลสิงห์” พร้อมร้อง ป.ป.ช. เชือดตาม ม.157

วันนี้ (13 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) สั่งปิดถนน 14 เส้นทางโดยรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อป้องกันผู้ชุมนุมจากสี่แยกอุรุพงษ์ และสวนลุมพินีกลับไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งว่า ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงตื่นตูมเกินเหตุ เพราะหากเป็นการชุมนุมโดยสงบก็ไม่น่าจะต้องวิตกกังวลขนาดนั้น ตนเชื่อว่าการที่ตำรวจนำข่าวมาประติดประต่อและวิเคราะห์ให้น่ากลัวเพื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ค้ำเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีผลงาน และการบริหารล้มเหลว นอกจากนี้ รัฐบาลเองก็บอกว่าม็อบมีแค่หยิบมือเดียว ไม่น่ากลัว แต่กลับมีการใช้กฎหมายพิเศษและกำลังตำรวจเรือนหมื่นมาสกัดกั้น ดังนั้นตนคิดว่าการที่ตำรวจปิดถนนหลายจุดไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล เพราะเป็นการเรียกแขก และทำให้ประชาชนรับไม่ได้ ที่เอะอะก็ประกาศกฎหมายพิเศษ ทำให้รถติดเนื่องจากตำรวจปิดถนน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตำรวจห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมกลับทำเนียบรัฐบาลเท่ากับผิดสัญญาหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ในการเจรจาระหว่างกองทัพประชานโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กับตำรวจ ระบุว่าหากนายกฯ จีนเดินทางกลับสามารถกลับมาชุมนุมหน้าทำเนียบได้อีก นายสุริยะใส กล่าวว่า แสดงว่า กปท.ถูกเบี้ยว ดังนั้นก็มีความชอบธรรมที่จะเคลื่อนไหวทวงสัญญา

นายสุริยะใสยังกล่าวด้วยว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น ตนคิดว่าจังหวะที่เหมาะสมที่สุดคือ ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. เพราะตนเชื่อว่าคนเสื้อแดงจะสร้างกระแส หรือเคลื่อนไหวมวลชนกดดันศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้หวาดกลัว และตกอยู่ในแรงกดดัน แต่จังหวะนี้กลับยิ่งจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลมีความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวใหญ่ด้วยเช่นกัน เพื่อปกป้องศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็จะเป็นจุดแตกหัก

นายสุริยะใสยังกล่าวถึงกรณีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีก่อการร้ายว่า ตนจะทำคำร้อง 2 ฉบับ โดยฉบับหนึ่งจะยื่นต่อนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุดคนใหม่ภายในสัปดาห์นี้ ให้ทบทวนคำสั่งเดิมของนายจุลสิงห์ว่ามีปัญหาหรือไม่ เพราะคิดว่าอัยการสูงสุดคนใหม่มีอำนาจที่จะทบทวนหากพบว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ เพราะคำสั่งไม่ฟ้องชัดเจนว่าผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 6 ที่เขียนไว้ชัดเจนว่าแม้การกระทำนั้นจะเป็นการกระทำนอกราชอาณาจักร แต่ทำให้เกิดความเสียหายจากพฤติกรรมที่เข้าข่ายลักษณะความผิดก่อการร้ายในมาตรา 7 แม้จะเป็นการกระทำนอกราชอาณาจักรแต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักร

ทั้งนี้ การที่นายจุลสิงห์ระบุว่าไปไม่ถึงจึงน่าแปลกใจ ตนคิดว่าดุลยพินิจของนายจุลสิงห์เป็นดุลพินิจที่มีมลทินชัดเจนมาก ฉะนั้น อัยการสูงสุดคนใหม่ต้องรื้อและนำกลับมาทบทวน แล้วใช้ดุลพินิจใหม่ ตนเชื่อว่าสามารถทำได้ แต่ถ้านายอรรถพลไม่ทบทวนจะต้องมีคำตอบให้กับประชาชนว่ามีเหตุผลอะไร นอกจากนี้ ภายในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยื่นกล่าวโทษนายจุลสิงห์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 แม้นายจุลสิงห์จะเกษียณไปแล้วก็ตาม แต่ในระหว่างกระทำความผิดยังดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดอยู่ ฉะนั้นไม่ได้หมายความว่าจะพ้นผิดไปด้วย เพราะการกระทำนั้นๆ เข้าข่ายขัดต่อกฎหมาย

นายสุริยะใสกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ตรรกะง่ายๆ ตนขอถามกลับไปยังนายอรรถพลว่า ตนถูก พ.ต.ท.ทักษิณฟ้องทั้งหมด 8 คดี ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ศาลยังรับคำฟ้องเหล่านั้นแล้วไต่สวน หรือกรณีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็โดน พ.ต.ท.ทักษิณฟ้องระหว่างอยู่ต่างประเทศ แล้วศาลชั้นต้นก็สั่งจำคุก พวกตนก็ต้องไปขึ้นศาลหลายจังหวัด พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศตั้งนานไม่เคยมาปรากฏตัวในศาล แต่ศาลยังรับคำร้อง ฉะนั้น คิดว่านายจุลสิงห์ใช้ดุลพินิจที่เกินเขตอำนาจ ทั้งที่ควรจะเป็นอำนาจของผู้พิพากษา ไม่ใช่ของอัยการ ความผิดของนายจุลสิงห์ตนถือว่าผิดชัดเจนแล้ว ต้องไปแก้ต่างเอาเองไว้ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังต้องถามกลับไปยังนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอด้วย เพราะเป็นคนสั่งฟ้องว่าจะเอาอย่างไร ถ้านายธาริตไม่ยืนยันกลับไป ก็ต้องพิจารณาเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ตนกำลังจะไปดูด้วยว่าจะกล่าวโทษนายธาริตด้วยหรือไม่

“การที่นายจุลสิงห์อ้างว่ากฎหมายให้อำนาจอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณานั้น เรื่องดุลพินิจเป็นของนายจุลสิงห์ก็จริงว่าจะสั่งหรือไม่สั่งฟ้องใคร แต่ต้องไม่ใช่ดุลพินิจที่ปราศจากความรับผิดชอบ กรณีนึ้จึงขอยืนยันว่าเข้าข่ายมาตรา 6 และ 7 ของประมวลกฎหมายอาญา จะบอกว่าไปไม่ถึงตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะอยู่ต่างประเทศนั้นเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น” ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น