นครศรีธรรมราช-"สุรชัย แซ่ด่าน"เพ้อหลังพ้นคุก ระบุเมืองไทยกำลังเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลง เสื้อแดงจะเป็นใหญ่ ทหารไม่แตกแถว ศาลรัฐธรรมนูญไม่กล้าหือ แถมโม้แหลก ตอนอยู่ในคุกยังใหญ่คับคุก ผู้คุมหงอไม่กล้าหือ นายใหญ่ดูไบดูแลอย่างดี ใครติดคุก ส่งเงินให้ใช้ 3,000 บาททุกเดือน
วานนี้ (16 ต.ค.) นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) อดีตนักโทษในคดีหมิ่นเบื้องสูง ได้กลับบ้านเกิดที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งมีการเลี้ยงต้อนรับกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงของ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่นายสุรชัย
นายสุรชัยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังถูกตัดสินจำคุก 12 ปี 6 เดือน และได้รับปล่อยตัวก่อนกำหนด โดยได้รับพระราชทานอภัยโทษ ถือเป็นพระหากรุณาธิคุณอย่างล้นเหลือที่ตนและครอบครัวต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตลอดไป แต่สิ่งที่อยากจะบอกที่สุด คือ อยู่ในคุก 2 ปี 7 เดือน มีคนเสื้อแดงไปเยี่ยมทุกวันไม่เคยเว้น นอกจากวันหยุด และได้รับการสนับสนุนเงินจากคนเสื้อแดงจนมีเงินเหลือประมาณกว่า 1.4 แสนบาทด้วย
ส่วนบทบาทของบ้านเมืองในขณะนี้ ในความคิดส่วนตัว คิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง เหมือนประเทศที่เจริญแล้ว เราต้องดูต้นแบบประเทศที่เจริญแล้ว เช่น สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ เขามีราชอาณาจักรเป็นประมุข แต่เขาไม่มีปัญหาเหมือนเรา เพราะเขาเป็นประเทศที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ไม่ใช่แบบสังคมนิยม
"หลังจากไทยผ่านการต่อสู้มาเกือบ 10 ปี คนไทยตาสว่างขึ้น หมายถึงเข้าใจปัญหารู้ปัญหา รู้แจ้งแล้วว่าปัญหาเกิดจากอะไร แล้วการต่อสู้ที่ผ่านมาต่อสู้อย่างไร ไปสู่จุดหมายปลายทาง การเปลี่ยนแปลง คือ การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ ส่วนเงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ซึ่งถ้าไม่มีความขัดแย้งใหญ่ ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ โดยความขัดแย้ง คือ ต้นตอของการเปลี่ยนแปลง เกิดความขัดแย้งกันมาเกือบ 10 ปี คิดว่าอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่แบบพลิกฟ้าเปลี่ยนดิน แต่จะค่อยๆ เปลี่ยน และขณะนี้ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว"
นายสุรชัยกล่าวว่า ถ้ามองในภาพรวมทั่วประเทศในวันนี้ มี 2 ฝ่ายระหว่างแดงกับเหลือง ซึ่งเหลืองวันนี้พ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์เกือบทุกแนวรบ ในสภาก็แพ้ นอกสภาก็แพ้ จะเห็นได้ว่าฝ่ายเก่า หรือฝ่ายอนุรักษนิยมจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลแทบจะไม่มี ต้องใช้คำว่า “แทบ” แล้วจะให้ทหารมาอุ้มให้เป็นรัฐบาลก็ไม่มี ไม่มีทหารไหนมาอุ้ม เพราะมีบทเรียนมาแล้ว ส่วนการสู้นอกสภาก็สู้ไม่ได้ ฝ่ายเสื้อเหลืองก็ยุบองค์กรไปแล้ว และกระจายเป็นองค์กรต่างๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่สามารถระดมคนได้แล้ว ได้ก็ไม่เกิน 2-3 พันคนแค่นั้น มันไม่มีความหมายหรอก
"สังคมในปัจจุบันต้องเดินไปข้างหน้า สังคมหยุดและถอยหลังไม่มี แต่ต้องไปข้างหน้า เมื่อไปข้างหน้าเราต้องดูต้นแบบประเทศไหนที่เราต้องไป ที่เราจะรับได้ เราต้องยอมรับความจริง คือ ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน เราต้องใจเย็นในการรอคอย ให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเขาได้รับทัศนความคิด อย่าไปบังคับว่า มึงต้องมาเสื้อแดง มึงต้องเปลี่ยนแปลงมา มึงต้องตามกู อย่างนี้ไม่ได้ ต้องให้เวลาเขา และวันนี้เราเห็นแล้วว่าเริ่มปรับ เมื่อก่อนเสื้อเหลืองใหญ่ แต่วันนี้เสื้อแดงคึกคัก และเสื้อเหลืองเหี่ยวไป อันนี้คือสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านแบบสันติ และไม่กลัวว่าไทยจะเหมือนเขมรในอดีต เหมือนซีเรียในปัจจุบัน เพราะกองทัพชัดเจนแล้วไม่เข้าข้างฝ่ายใด หรือศาลรัฐธรรมนูญจะเก่งแค่ไหน นที่สุดศาล ก็รู้ตัวแล้ว เริ่มตาสว่างแล้ว ทำให้กฎหมายต่างๆ ผ่านไปได้"
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันที่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายสุรชัยกล่าวว่า เป็นห่วงแกนนำที่ถูกออกหมายจับ ตนถือหลักการอย่างหนึ่งในการชุมนุมประท้วง คือ “เราต้องเป็นพระเอก” เมื่อเราเรียกร้องให้รัฐมาแก้ปัญหาให้เรา แต่ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่นเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนนั้นมันผิด ทำให้เรากลายเป็นผู้ร้ายของสังคม เราชุมนุมต้องเป็นพระเอก อย่าเป็นผู้ร้าย เพื่อให้สังคมเข้าใจและเห็นใจ เพราะตนเคยมีประสบการณ์เมื่อปี 2518 ปิดสะพานสารสิน จ.ภูเก็ต ถึง 5 วัน เพื่อความจำเป็น จนตนยังรู้สึกผิดจนถึงวันนี้ หลังจากนั้นจะไม่มีการปิดถนนอย่างเด็ดขาด
นายสุรชัยกล่าวอีกว่า ตอนนี้เสื้อแดงใหญ่ ขนาดติดคุกผู้คุมยังไม่กล้า เดี๋ยวนี้เสื้อแดงเข้าคุกไม่ใช่ถูกผู้คุมขู่ แต่เสื้อแดงกลับขู่ผู้คุม ตนอยู่ในคุกเป็นพี่ใหญ่ เสื้อแดงเข้ามาต้องดูแล ขนาดเสื้อเหลืองเข้ามา ตนก็ต้องดูแล ที่น่าสงสาร คือ คนเสื้อเหลืองที่เริ่มเข้าคุกกันแล้ว ที่น่าสงสาร เพราะเขาไม่มีสถานภาพอะไรเลย ฝ่ายประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยมาดูแล พันธมิตรก็ไม่มาดูแล ไม่เหมือนเสื้อแดงมีนักโทษเก่า ผู้คุม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ดูแล แม่แต่นายใหญ่ดูไบก็ดูแล ส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 3,000 ทุกเดือน
"คนเสื้อเหลืองตอนนี้เริ่มเข้าคุก ต้องไปดูแลเขาบ้าง เพราะเขาก็มีสถานภาพเหมือนกับคนเสื้อแดง เขาเข้ามา เพราะการเมือง เขาไม่ได้ติดคุก เพราะเรื่องส่วนตัว เราเสื้อแดงอย่าไปสมน้ำหน้าเขา อย่าคิดอย่างนั้น เพราะเขาก็เป็นเหยื่อที่น่าสงสาร เหมือนกับกลุ่มสวนยางปิดถนนประท้วง ซึ่งตอนนี้ไม่กล้าออกไปกรีดยางกันแล้ว เพราะฉะนั้น เราอย่าไปเกลียดเสื้อเหลืองเขา ซึ่งเขาก็เหมือนกับเรา เพียงแต่อยู่คนละขั้วเท่านั้น"นายสุรชัยกล่าว
วานนี้ (16 ต.ค.) นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) อดีตนักโทษในคดีหมิ่นเบื้องสูง ได้กลับบ้านเกิดที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งมีการเลี้ยงต้อนรับกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงของ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่นายสุรชัย
นายสุรชัยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังถูกตัดสินจำคุก 12 ปี 6 เดือน และได้รับปล่อยตัวก่อนกำหนด โดยได้รับพระราชทานอภัยโทษ ถือเป็นพระหากรุณาธิคุณอย่างล้นเหลือที่ตนและครอบครัวต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตลอดไป แต่สิ่งที่อยากจะบอกที่สุด คือ อยู่ในคุก 2 ปี 7 เดือน มีคนเสื้อแดงไปเยี่ยมทุกวันไม่เคยเว้น นอกจากวันหยุด และได้รับการสนับสนุนเงินจากคนเสื้อแดงจนมีเงินเหลือประมาณกว่า 1.4 แสนบาทด้วย
ส่วนบทบาทของบ้านเมืองในขณะนี้ ในความคิดส่วนตัว คิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง เหมือนประเทศที่เจริญแล้ว เราต้องดูต้นแบบประเทศที่เจริญแล้ว เช่น สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ เขามีราชอาณาจักรเป็นประมุข แต่เขาไม่มีปัญหาเหมือนเรา เพราะเขาเป็นประเทศที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ไม่ใช่แบบสังคมนิยม
"หลังจากไทยผ่านการต่อสู้มาเกือบ 10 ปี คนไทยตาสว่างขึ้น หมายถึงเข้าใจปัญหารู้ปัญหา รู้แจ้งแล้วว่าปัญหาเกิดจากอะไร แล้วการต่อสู้ที่ผ่านมาต่อสู้อย่างไร ไปสู่จุดหมายปลายทาง การเปลี่ยนแปลง คือ การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ ส่วนเงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ซึ่งถ้าไม่มีความขัดแย้งใหญ่ ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ โดยความขัดแย้ง คือ ต้นตอของการเปลี่ยนแปลง เกิดความขัดแย้งกันมาเกือบ 10 ปี คิดว่าอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่แบบพลิกฟ้าเปลี่ยนดิน แต่จะค่อยๆ เปลี่ยน และขณะนี้ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว"
นายสุรชัยกล่าวว่า ถ้ามองในภาพรวมทั่วประเทศในวันนี้ มี 2 ฝ่ายระหว่างแดงกับเหลือง ซึ่งเหลืองวันนี้พ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์เกือบทุกแนวรบ ในสภาก็แพ้ นอกสภาก็แพ้ จะเห็นได้ว่าฝ่ายเก่า หรือฝ่ายอนุรักษนิยมจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลแทบจะไม่มี ต้องใช้คำว่า “แทบ” แล้วจะให้ทหารมาอุ้มให้เป็นรัฐบาลก็ไม่มี ไม่มีทหารไหนมาอุ้ม เพราะมีบทเรียนมาแล้ว ส่วนการสู้นอกสภาก็สู้ไม่ได้ ฝ่ายเสื้อเหลืองก็ยุบองค์กรไปแล้ว และกระจายเป็นองค์กรต่างๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่สามารถระดมคนได้แล้ว ได้ก็ไม่เกิน 2-3 พันคนแค่นั้น มันไม่มีความหมายหรอก
"สังคมในปัจจุบันต้องเดินไปข้างหน้า สังคมหยุดและถอยหลังไม่มี แต่ต้องไปข้างหน้า เมื่อไปข้างหน้าเราต้องดูต้นแบบประเทศไหนที่เราต้องไป ที่เราจะรับได้ เราต้องยอมรับความจริง คือ ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน เราต้องใจเย็นในการรอคอย ให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเขาได้รับทัศนความคิด อย่าไปบังคับว่า มึงต้องมาเสื้อแดง มึงต้องเปลี่ยนแปลงมา มึงต้องตามกู อย่างนี้ไม่ได้ ต้องให้เวลาเขา และวันนี้เราเห็นแล้วว่าเริ่มปรับ เมื่อก่อนเสื้อเหลืองใหญ่ แต่วันนี้เสื้อแดงคึกคัก และเสื้อเหลืองเหี่ยวไป อันนี้คือสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านแบบสันติ และไม่กลัวว่าไทยจะเหมือนเขมรในอดีต เหมือนซีเรียในปัจจุบัน เพราะกองทัพชัดเจนแล้วไม่เข้าข้างฝ่ายใด หรือศาลรัฐธรรมนูญจะเก่งแค่ไหน นที่สุดศาล ก็รู้ตัวแล้ว เริ่มตาสว่างแล้ว ทำให้กฎหมายต่างๆ ผ่านไปได้"
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันที่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายสุรชัยกล่าวว่า เป็นห่วงแกนนำที่ถูกออกหมายจับ ตนถือหลักการอย่างหนึ่งในการชุมนุมประท้วง คือ “เราต้องเป็นพระเอก” เมื่อเราเรียกร้องให้รัฐมาแก้ปัญหาให้เรา แต่ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่นเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนนั้นมันผิด ทำให้เรากลายเป็นผู้ร้ายของสังคม เราชุมนุมต้องเป็นพระเอก อย่าเป็นผู้ร้าย เพื่อให้สังคมเข้าใจและเห็นใจ เพราะตนเคยมีประสบการณ์เมื่อปี 2518 ปิดสะพานสารสิน จ.ภูเก็ต ถึง 5 วัน เพื่อความจำเป็น จนตนยังรู้สึกผิดจนถึงวันนี้ หลังจากนั้นจะไม่มีการปิดถนนอย่างเด็ดขาด
นายสุรชัยกล่าวอีกว่า ตอนนี้เสื้อแดงใหญ่ ขนาดติดคุกผู้คุมยังไม่กล้า เดี๋ยวนี้เสื้อแดงเข้าคุกไม่ใช่ถูกผู้คุมขู่ แต่เสื้อแดงกลับขู่ผู้คุม ตนอยู่ในคุกเป็นพี่ใหญ่ เสื้อแดงเข้ามาต้องดูแล ขนาดเสื้อเหลืองเข้ามา ตนก็ต้องดูแล ที่น่าสงสาร คือ คนเสื้อเหลืองที่เริ่มเข้าคุกกันแล้ว ที่น่าสงสาร เพราะเขาไม่มีสถานภาพอะไรเลย ฝ่ายประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยมาดูแล พันธมิตรก็ไม่มาดูแล ไม่เหมือนเสื้อแดงมีนักโทษเก่า ผู้คุม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ดูแล แม่แต่นายใหญ่ดูไบก็ดูแล ส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 3,000 ทุกเดือน
"คนเสื้อเหลืองตอนนี้เริ่มเข้าคุก ต้องไปดูแลเขาบ้าง เพราะเขาก็มีสถานภาพเหมือนกับคนเสื้อแดง เขาเข้ามา เพราะการเมือง เขาไม่ได้ติดคุก เพราะเรื่องส่วนตัว เราเสื้อแดงอย่าไปสมน้ำหน้าเขา อย่าคิดอย่างนั้น เพราะเขาก็เป็นเหยื่อที่น่าสงสาร เหมือนกับกลุ่มสวนยางปิดถนนประท้วง ซึ่งตอนนี้ไม่กล้าออกไปกรีดยางกันแล้ว เพราะฉะนั้น เราอย่าไปเกลียดเสื้อเหลืองเขา ซึ่งเขาก็เหมือนกับเรา เพียงแต่อยู่คนละขั้วเท่านั้น"นายสุรชัยกล่าว