รัฐบาลเดินหน้า แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 "เพื่อไทย" เรียก ส.ส.ติวเข้ม กำชับห้ามโดดร่มช่วง 15-17 ต.ค. "นพเหล่" โวย "มาร์ค" หยุดใส่ร้าย "แม้ว" อยู่เบื้องหลังการแก้ ม.190 เพื่อเอื้อการทำธุรกิจพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ท้าหาหลักฐานมายัน ถ้ามีจริงจะยกสัมปทานให้มูลนิธิคนปัญญาอ่อนทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือด่วนมาก ที่ สผ 0014/ร 44 นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 14 สมัยสามัญทั่วไป ในวันที่ 15 ต.ค. 56 เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณา ร่าง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา190 ) ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีสาระสำคัญ อาทิ ในมาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ปี 2550 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา190 พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยชัดแจ้ง หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีบทให้เปิดเสรีด้านการค้าหรือการลงทุน ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา รวมทั้งในกรณีที่มีปัญหาว่าหนังสือสัญญาใดเป็นหนังสือสัญญาที่จะต้องเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามวรรคสอง ให้เป็นอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยชี้ขาดโดยให้นำบทบัญญัติตาม มาตรา 154 (1) และ (2) มาใช้บังคับกับการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม ทั้งนี้ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่รับเรื่อง”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคจะเรียกประชุมส.ส.ในวันนี้ (14 ต.ค.) เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณา ร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา190 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมในวันที่ 15 ต.ค.นี้ รวมทั้งจะได้จัดเตรียมและแบ่งทีมผู้อภิปราย โดยมั่นใจว่าการประชุมจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากพรรคได้กำชับสมาชิกให้ประท้วงอยู่ในกรอบ รวมทั้งย้ำให้อยู่เป็นองค์ประชุม ขอให้สมาชิกงดภารกิจตั้งแต่วันที่ 15 -17ต.ค.เพราะจะมีการประชุมสภาฯ ต่อเนื่อง
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการพิจารณา ร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 237 ต่อเนื่องนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะต้องรอให้วิปรัฐบาลหารือกันในวันนี้ เพื่อกำหนดกรอบเวลาอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้ทันภายในสมัยประชุมสภาฯนี้ อย่างแน่นอน
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยบนเวทีผ่าความจริง โดยระบุว่า การที่รัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.190 เพราะมีนักการเมืองที่ทำธุรกิจด้านพลังงานจะได้ประโยชน์จากการทำธุรกิจพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้านว่า ไม่เป็นความจริง แม้นายอภิสิทธิ์ จะไม่ระบุชื่อ แต่ขอท้าว่า จะพูดอะไรต้องมีหลักฐาน และถ้ามีก็ขอให้นำมาแฉให้ประชาชนทราบ และยื่นเอาผิดด้วย อย่าพูดกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน พูดเอามัน เท่ากับว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่อย่างนั้นตนจะถือว่าเป็น โมฆะบุรุษ จึงไม่น่าแปลกใจที่มีคลื่นใต้น้ำภายในพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อนๆ หลายคนในพรรคบอกตนว่า อยากเปลี่ยนหัวหน้าพรรค แต่ต้องยอมรับว่านายอภิสิทธิ์มีเสียงสนับสนุนที่แข็ง แต่หลายคนกระซิบว่าก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น ซึ่งหากนายอภิสิทธิ์ ไม่ปรับปรุง ต้องมีสมาชิกแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่แน่ๆ เพราะเลือกตั้งกี่ครั้ง ก็แพ้ซ้ำซาก
**โวย"อภิสิทธิ์"หยุดใส่ร้าย"แม้ว"
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตามที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวในเวทีผ่านความจริงว่า ที่รัฐสภาเรียกประชุมร่วมเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพราะมีนักธุรกิจการเมืองเล็งทำธุรกิจด้านพลังงานในพื้นที่คาบเกี่ยวประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และกล่าวหาว่า ไปเจรจาเพื่อเอาผลประโยชน์ส่วนตัวกับครอบครัว เพื่อทำให้คนเข้าใจว่า หมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ตนขอปฏิเสธว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีการลงทุนในธุรกิจพลังงานในประเทศเพื่อนบ้าน และไม่สนใจที่จะลงทุนในธุรกิจนี้ ถ้านายอภิสิทธิ์ มีหลักฐานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสัมปทานน้ำมันและแก๊ส จะยกสัมปทานให้มูลนิธิคนปัญญาอ่อน ทันที
ส่วนการแก้ไข มาตรา 190 นี้ เป็นการแก้เชือกที่มัดมือฝ่ายบริหาร และทำให้มาตรานี้มีความชัดเจนขึ้น นอกจากนั้นจะทำให้ฝ่ายบริหารไม่เสียเปรียบในการเจรจากับต่างชาติ และใครมาเป็นรัฐบาลก็จะทำงานให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ถ้าเรื่องที่นายอภิสิทธิ์พูดเป็นความจริง ผมจะยกย่อง แต่เรื่องที่พูดเป็นความเท็จ ผมขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ยุติการใช้ความเท็จใส่ร้ายบุคคลอื่น นายอภิสิทธิ์ เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่นักการเมืองปลายแถว ดังนั้นจึงควรรักษาเกียรติ และศักดิ์ศรีของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้บ้าง อย่าพูดเอามันไปวันๆ และหวังผลทางการเมือง เพื่อทำลายบุคคลอื่น ผมเข้าใจสภาพจิตใจนายอภิสิทธิ์ ที่พ่ายแพ้พรรคฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ในการเลือกตั้งมาทุกครั้ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะนำความเท็จมาใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เป็นประจำ”นายนพดล กล่าว
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ปราศรัยบนเวทีผ่าความจริง ที่โรงเรียนวัดหนองใหญ่ เขตสายไหม กทม. เมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า วันที่ 15 ต.ค.นี้ รัฐสภาเรียกประชุมร่วมรัฐสภา เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ในเรื่องการทำข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีการแก้มาตรานี้ เพราะมีนักธุรกิจการเมืองที่เล็งทำธุรกิจด้านพลังงานในพื้นที่คาบเกี่ยวประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นนักธุรกิจคนเดิม โดยไปเจรจาหลายแห่ง เพื่อเอาผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนครอบครัว
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า 2 ปีที่ผ่านมา เวลานายกรัฐมนตรี ไปประเทศไหน จะมีบางคนแอบเดินทางไปก่อน ดังนั้น วันที่ 15 ต.ค.นี้ ต้องสู้กันอีกยก ตนยืนยันได้ว่า การแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ ไม่ได้แก้เพื่อผลประโยชน์ประเทศ แต่เพื่อให้รัฐบาลนี้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง โดยไม่ต้องผ่านสภา ไม่ต้องบอกประชาชน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือด่วนมาก ที่ สผ 0014/ร 44 นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 14 สมัยสามัญทั่วไป ในวันที่ 15 ต.ค. 56 เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณา ร่าง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา190 ) ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีสาระสำคัญ อาทิ ในมาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ปี 2550 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา190 พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยชัดแจ้ง หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีบทให้เปิดเสรีด้านการค้าหรือการลงทุน ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา รวมทั้งในกรณีที่มีปัญหาว่าหนังสือสัญญาใดเป็นหนังสือสัญญาที่จะต้องเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามวรรคสอง ให้เป็นอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยชี้ขาดโดยให้นำบทบัญญัติตาม มาตรา 154 (1) และ (2) มาใช้บังคับกับการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม ทั้งนี้ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่รับเรื่อง”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคจะเรียกประชุมส.ส.ในวันนี้ (14 ต.ค.) เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณา ร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา190 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมในวันที่ 15 ต.ค.นี้ รวมทั้งจะได้จัดเตรียมและแบ่งทีมผู้อภิปราย โดยมั่นใจว่าการประชุมจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากพรรคได้กำชับสมาชิกให้ประท้วงอยู่ในกรอบ รวมทั้งย้ำให้อยู่เป็นองค์ประชุม ขอให้สมาชิกงดภารกิจตั้งแต่วันที่ 15 -17ต.ค.เพราะจะมีการประชุมสภาฯ ต่อเนื่อง
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการพิจารณา ร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 237 ต่อเนื่องนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะต้องรอให้วิปรัฐบาลหารือกันในวันนี้ เพื่อกำหนดกรอบเวลาอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้ทันภายในสมัยประชุมสภาฯนี้ อย่างแน่นอน
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยบนเวทีผ่าความจริง โดยระบุว่า การที่รัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.190 เพราะมีนักการเมืองที่ทำธุรกิจด้านพลังงานจะได้ประโยชน์จากการทำธุรกิจพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้านว่า ไม่เป็นความจริง แม้นายอภิสิทธิ์ จะไม่ระบุชื่อ แต่ขอท้าว่า จะพูดอะไรต้องมีหลักฐาน และถ้ามีก็ขอให้นำมาแฉให้ประชาชนทราบ และยื่นเอาผิดด้วย อย่าพูดกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน พูดเอามัน เท่ากับว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่อย่างนั้นตนจะถือว่าเป็น โมฆะบุรุษ จึงไม่น่าแปลกใจที่มีคลื่นใต้น้ำภายในพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อนๆ หลายคนในพรรคบอกตนว่า อยากเปลี่ยนหัวหน้าพรรค แต่ต้องยอมรับว่านายอภิสิทธิ์มีเสียงสนับสนุนที่แข็ง แต่หลายคนกระซิบว่าก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น ซึ่งหากนายอภิสิทธิ์ ไม่ปรับปรุง ต้องมีสมาชิกแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่แน่ๆ เพราะเลือกตั้งกี่ครั้ง ก็แพ้ซ้ำซาก
**โวย"อภิสิทธิ์"หยุดใส่ร้าย"แม้ว"
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตามที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวในเวทีผ่านความจริงว่า ที่รัฐสภาเรียกประชุมร่วมเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพราะมีนักธุรกิจการเมืองเล็งทำธุรกิจด้านพลังงานในพื้นที่คาบเกี่ยวประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และกล่าวหาว่า ไปเจรจาเพื่อเอาผลประโยชน์ส่วนตัวกับครอบครัว เพื่อทำให้คนเข้าใจว่า หมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ตนขอปฏิเสธว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีการลงทุนในธุรกิจพลังงานในประเทศเพื่อนบ้าน และไม่สนใจที่จะลงทุนในธุรกิจนี้ ถ้านายอภิสิทธิ์ มีหลักฐานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสัมปทานน้ำมันและแก๊ส จะยกสัมปทานให้มูลนิธิคนปัญญาอ่อน ทันที
ส่วนการแก้ไข มาตรา 190 นี้ เป็นการแก้เชือกที่มัดมือฝ่ายบริหาร และทำให้มาตรานี้มีความชัดเจนขึ้น นอกจากนั้นจะทำให้ฝ่ายบริหารไม่เสียเปรียบในการเจรจากับต่างชาติ และใครมาเป็นรัฐบาลก็จะทำงานให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ถ้าเรื่องที่นายอภิสิทธิ์พูดเป็นความจริง ผมจะยกย่อง แต่เรื่องที่พูดเป็นความเท็จ ผมขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ยุติการใช้ความเท็จใส่ร้ายบุคคลอื่น นายอภิสิทธิ์ เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่นักการเมืองปลายแถว ดังนั้นจึงควรรักษาเกียรติ และศักดิ์ศรีของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้บ้าง อย่าพูดเอามันไปวันๆ และหวังผลทางการเมือง เพื่อทำลายบุคคลอื่น ผมเข้าใจสภาพจิตใจนายอภิสิทธิ์ ที่พ่ายแพ้พรรคฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ในการเลือกตั้งมาทุกครั้ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะนำความเท็จมาใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เป็นประจำ”นายนพดล กล่าว
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ปราศรัยบนเวทีผ่าความจริง ที่โรงเรียนวัดหนองใหญ่ เขตสายไหม กทม. เมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า วันที่ 15 ต.ค.นี้ รัฐสภาเรียกประชุมร่วมรัฐสภา เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ในเรื่องการทำข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีการแก้มาตรานี้ เพราะมีนักธุรกิจการเมืองที่เล็งทำธุรกิจด้านพลังงานในพื้นที่คาบเกี่ยวประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นนักธุรกิจคนเดิม โดยไปเจรจาหลายแห่ง เพื่อเอาผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนครอบครัว
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า 2 ปีที่ผ่านมา เวลานายกรัฐมนตรี ไปประเทศไหน จะมีบางคนแอบเดินทางไปก่อน ดังนั้น วันที่ 15 ต.ค.นี้ ต้องสู้กันอีกยก ตนยืนยันได้ว่า การแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ ไม่ได้แก้เพื่อผลประโยชน์ประเทศ แต่เพื่อให้รัฐบาลนี้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง โดยไม่ต้องผ่านสภา ไม่ต้องบอกประชาชน.