ผ่าประเด็นร้อน
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่านาทีนี้กลายเป็นว่ากลุ่มคนที่เดือกเนื้อร้อนใจ และแสดงปฏิกิริยาคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่เสนอโดย วรชัย เหมะ กับพวก นั้นแทบทั้งหมดกลายเป็นชาวบ้านที่ทนไม่ได้หากยอมให้กฎหมายฉบับนี้ผ่าน เพราะเป็นการทำลายหลักนิติรัฐทำลายหลักนิติธรรม เป็นการละเว้นความผิดให้กับคนที่ไม่สมควรละเว้น เพราะนี่คือการนิรโทษกรรมแบบ "เหมาเข่ง"แบบไม่เลือกหน้า มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเพื่อตัวเองและ "นาย"ของตัวเองพ่นจากความผิดไปด่วยเท่านั้นเอง
ที่น่าสนใจก็คือแม้กระทั่งองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศทั้ง "ฮิวเเมนไรท์วอช"และล่าสุดสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน องค์การระหว่างประเทศยังทนไม่ได้ต้องออกมาแถลงคัดค้านและเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายอัปยศฉบับดังกล่าวออกไปจากสภาทันที
แต่ก็แปลกที่ "คนเสื้อแดง"ทั่วประเทศที่อ้างว่าต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย และประกาศอยู่ตลอดเวลาว่าต้องเอาผิดจนถึงที่สุดกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือใครก็ตามที่เชื่อว่าสังหาร "ฆ่า"ประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่คราวนี้กลับเงียบเฉย และมีท่าทีสนับสนุนกันหน้าตาเฉย ทั้งที่หากกฎหมายผ่านสภาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ชายชุดดำหรือใครก็ตามที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนก็จะพ้นผิดออกมาอย่างลอยนวล
ถึงได้บอกว่านี่คือเรื่องที่แปลก สำหรับระบบคิดของคนเสื้อแดงว่าเป็นอย่างไร ว่าพวกเขาคิดเอง หรือต้องเชื่อตามที่พวกแกนนำ และ ทักษิณ ชินวัตร พูดและชี้นำได้ทุกเรื่อง
และเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นความจริงดังกล่าว ก็ต้องชี้ให้เห็นตัวตนของคนเสื้อแดงอีกครั้งว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นแค่เพียงกลุ่มผู้สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวของ เขาเท่านั้น ไม่ใช่มีเจตนาเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง ทั้งในเรื่องสิทธิเสรีภาพ การต่อสู่เพื่อประชาธิปไตยแต่อย่างใดไม่ ลักษณะจึงไม่ต่างจาก "แฟนคลับ"ของครอบครัว ทักษิณ เท่านั้น ที่"เอาแต่กรี๊ด"โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลอะไรทั้งสิ้น
หรือไม่เช่นนั้นก็เชื่อทุกอย่างที่ ทักษิณ และแกนนำคนเสื้อแดงพูดชี้นำทุกเรื่อง โดยไม่รู้จักปะติดปะต่อร้อยเรื่องราวเหตุผลเข้าด้วยกัน เพราะในความเป็นจริงแล้วกลุ่มที่น่าจะป็นเดือดเป็นแค้นมากที่สุดหากมีการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภา ก็คือ คนเสื้อแดงที่เข้าร่วมชุมนุมนั่นแหละ และหากได่อ่านเนื้อหาสาระในร่างกฎหมาย ทั้งในมาตรา 3 มาตรา 4 ล้วนแล้วแต่มีเจตนาให้ลบล้างความผิดแบบ"เหมาเข่ง" ทุกคนทุกฝ่ายจะพ้นจากความผิดทั้งหมด เพราะหากหมายรวมถึง "เจ้าหน้าที่ทหารที่เหนี่ยวไก" ทำไมคนเสื้อแดงในอารมณ์นี้จึงไม่สนใจ หรือว่าไม่เคยรับรู้ ไม่เคยเข้าใจ หรือว่าไม่เคยได้ศึกษาอ่านสาระสำคัญของกฎหมาย
แน่นอนว่าร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯต้องอ้างว่ามีเจตนาต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองทุกกลุ่ม ไม่ต้องรับโทษ ความหมายก็คือพุ่งเป้าไปที่ระดับชาวบ้าน แต่ในความเป็นจริงหากเป็นข้อหาในการฝ่าฝืนพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน พระราชบัญญัติความมั่นคง คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่พ้นโทษออกไปหมดแล้วทั้งสิ้น มีเพียงแต่พวกที่ทำผิดกฎหมายอาญา ทั้งข้อหาก่อการร้าย ยิงวัดพระแก้ว หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ล้วนโทษฉกรรจ์ และที่สำคัญเนื้อหาในร่างกฎหมายยังกำกวมมีเจตนาให้ตีความไปไกล เช่น ไม่ให้ครอบคลุมไปถึงแกนนำและคนสั่งการ แต่ในความหมายแท้จริงก็ต้องมานิยามกันอีก และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีกฎหมายรองรับคำว่า"แกนนำ" เป็นต้น
แน่นอนว่าเนื้อหาที่เขียนระบุเอาไว้แบบนั้นทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่ามีเจตนาต้องการช่วยเหลือครอบคลุมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำทุกคน เท่านั้น
ที่ผ่านมาแม้ว่า จะมีเสียงโวยวายออกมาจากบรรดาญาติของคนเสื้อแดงที่เสียชวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุมที่นำโดย นางพะเยาว์ อัคฮาด พร้อมเรียกร้องให้สนับสนุน"ร่างฉบับประชาชน"ของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ และต่อมาก็เงียบเสียงไป นั่นเท่ากับว่าคนพวกนี้ในกลุ่มหลังมีแค่ "หยิบมือเดียว" ไม่มีความหมาย
ขณะเดียวกันเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาจากคำพูดของคนเสื้อแดงบางคน เช่น ขวัญชัย ไพรพนา ที่เคยระบุว่า คนเสื้อแดงที่เติบโตได้ในวันนี้เป็นเพราะ ทักษิณ เป็นผู้สร้าง ต้องสนับสนุนเขาเท่านั้น หากแยกตัวออกไป หรือไปตั้งพรรคใหม่ก็จะไปไม่รอด
ความหมายก็คือคนเสื้อแดงที่เป็นอยู่มันก็ไม่ต่างจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่คลั่งไคล้ ทักษิณ ชินวัตรและคนในครอบครัวเท่านั้น ไม่ได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ เพียงแต่ว่าคนพวกนี้เลือกที่จะเชื่อฟังเฉพาะ ทักษิณ ซึ่งมันก็ได้พิสูจน์ความจริงให้เห็นอีกครั้งจากการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งนี่แหละ เพราะไม่ได้รู้สึกรู้สา แต่คนที่ออกมาต่อต้านกลับกลายเป็นองค์กรภายนอก ที่รับไม่ได้กับหลักการผิดๆที่ล้างความผิดให้กับคนที่"ละเมิดสิทธิมนุษยชน" คนที่"เหนี่ยวไกฆ่า" ขณะที่คนเสื้อแดงที่อ้างว่าได้รับผลกระทบโดยตรงกลับวางเฉยหรือให้การสนับสนุน !!