xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ตร.(เตารีด)หาช่องไถเพิ่ม ปรับโหด รถเก่าห้ามวิ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เจอรุมด่ากระเจิงจนใส่เกียร์ถอยแทบไม่ทันสำหรับไอเดียสุดบรรเจิดห้ามรถเก่าอายุเกิน 7 - 10 ปี วิ่งในกรุงเทพฯ เพื่อแก้ปัญหารถติดของท่านรองผบช.น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ ที่แถลงถึงแผนการพัฒนาและแก้ปัญหาระบบจราจรในกรุงเทพฯ ปีงบประมาณ 2557 เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 56 ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของตำรวจไทยว่าตกต่ำสุดขีดได้เป็นอย่างดี เพราะเพียงแค่ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ไม่มีประชาชนคนไหนเชื่อว่านี่จะเป็นมาตรการช่วยแก้ไขปัญหาจราจร แต่เป็นการเปิดช่องทางรีดไถเช่นเดียวกับโครงการอื่นที่แถลงในวันดังกล่าวเช่นการจับปรับที่โหดขึ้นมากกว่า

นาทีนี้ ไม่มีใครปฏิเสธว่า การจราจรในเขตกรุงเทพและปริมณฑลรวมถึงหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ต่างมีปัญหาการจราจรติดขัด สร้างความทุกข์ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน คนเดินทาง ทั้งรถส่วนตัวและบริการขนส่งสาธารณะถ้วนหน้า

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันมีที่มาที่ไป และปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า นโยบายประชานิยมรถคันแรกของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาอุ้มอุตสากรรมยานยนต์หลังวิกฤตน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 นั่นแหละเป็นสาเหตุสำคัญ

การกระตุ้นความอยากให้เกิดการซื้อรถยนต์จนทำให้ปริมาณรถในท้องถนนเพิ่มมากขึ้นมหาศาลอย่างฉับพลันทันทีนับล้านๆ คัน ขณะที่ถนนรองรับมีอยู่เท่าเดิมแถมพังชำรุดเพราะน้ำท่วม หรือไม่ก็ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากผู้รับเหมาต้อง “ทอนเงิน” คืนผู้มีอำนาจอนุมัติโครงการอีกต่างหาก

ประชานิยมรถคันแรก ไม่ได้แค่ทำให้รถติดวินาศสันตะโร เพราะการเพิ่มขึ้นของปริมาณรถ แต่ยังเพิ่มอุบัติเหตุบนท้องถนนเพราะความเป็นมือใหม่หัดขับอีกด้วย แต่ที่สำคัญและเป็นปัญหามากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ การบังคับใช้กฎหมายและการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง ที่ซ้ำเติมให้เกิดปัญหาหนักหนาสาหัสสากรรจ์มากขึ้น

“บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. นายตำรวจใหญ่ที่ได้ดีเพราะพี่(แม้ว)ให้ เป็นคนสารภาพต่อสังคมเองเลยว่า งานจราจรถือเป็นงานสำคัญ เมื่อเกิดปัญหาสิ่งแรกที่ประชาชนจะตำหนิคือการทำงานของตำรวจ “ไม่อยากเห็นการตั้งด่านแล้วกระทบกับการจราจรหรือการไปซุ่มตามที่ต่างๆ เพื่อเรียกเก็บเงิน ผมไม่ชอบ งานจราจรเป็นงานบริการ หากพบการกระทำความผิดให้ตักเตือนด้วยถ้อยคำสุภาพ”

พฤติกรรมซุ่มจับคล้ายกับโจรปล้นประชาชนอย่างนี้ทำให้ “บิ๊กแจ๊ด” จำต้องสร้างภาพทำทีเอ็ดตะโรกับลูกน้อง ทั้งที่ใครๆ ก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าตำรวจชั้นผู้น้อยจะกล้าทำหรือถ้าไม่มีผู้ใหญ่ให้ท้ายหรือคอยหนุนหลัง และที่ตำรวจน้อยต้องคอยรีดไถให้ได้ตามเป้าก็เพื่อส่งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเป็นลำดับชั้น นั่นเอง

เมื่อรู้เช่นเห็นชาติกันหมดไส้หมดพุงอย่างนี้แล้ว ประชาชนจึงยิ่งสงสัยว่า ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดที่ บชน. จะขับเคลื่อนผ่าน 16 โครงการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คงเป็นกลเม็ดเปิดช่องให้ต้องถูกรีดไถเพิ่มขึ้นเป็นแน่แท้ ซึ่ง 16 โครงการเท่ห์ๆ ของ บชน.มีดังนี้

1.โครงการถวายความปลอดภัยและการดำเนินการตามโครงการพระราชดำริ 2. โครงการหมอจราจร 3.โครงการสัมมนาแก้ไขปัญหารถติด 4.โครงการแก้ไขปัญหาจราจรในถนนสายหลัก 5.โครงการแก้ไขปัญหาจราจรกรณีน้ำท่วมขังและอุทกภัย 6.โครงการบังคับใช้กฎหมายโดยการเคลื่อนย้ายรถที่จอดผิดกฎหมายออกจากผิวจราจร 7.โครงการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายจราจร และการออกระเบียบเปรียบเทียบปรับอิเล็กทรอนิกส์ 8.โครงการจัดตั้งศาลจราจร 9.โครงการปรับปรุงกายภาพและพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์ควบคุมและการสั่งการจราจร 10.โครงการลดอุบัติเหตุ 11.โครงการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการจราจร 12.โครงการประชาสัมพันธ์งานจราจร13.โครงการจัดระบบการบริหารสั่งงานจราจรและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล 14.โครงการผู้พิทักษ์ถนน 15.โครงการสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชนในงานจราจร และ 16.โครงการเหลื่อมเวลาการทำงานและสถานศึกษา

โครงการข้างต้น บ้างก็เป็นเรื่องเก่าเอามาปัดฝุ่นใหม่ บ้างก็เป็นเรื่องที่พูดออกไปแล้วฟังดูเท่ห์แต่ทำไม่เคยได้ บ้างก็เป็นโครงการทำมารับประทานกันแบบหมูๆ อย่างเช่น โครงการสร้างภาพ ประชาสัมพันธ์ งานรณรงค์ การมีส่วนร่วม จะมีที่ปรับใหม่อย่างเช่นโครงการเคลื่อนย้ายรถที่จอดผิดกฎหมายออกจากผิวจราจร จากเดิมใช้วิธีล็อกล้อ ซึ่งยิ่งทำให้รถติดมากขึ้นกว่าเจ้าของรถจะตามให้เจ้าหน้าที่มาปลดล็อกนำรถออกจากผิวจราจรไปได้

คราวนี้เอาใหม่แต่อิงกฎหมายเดิมคือความผิด พ.ร.บ.จราจร มาตรา 57 และ 59 ห้ามจอดในที่ห้ามฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมทั้งเสียค่าเคลื่อนย้าย 500 บาท และค่าดูแลอีกวันละ 200 บาท โดยเตรียมบังคับใช้ภายในต้นเดือนพ.ย. 56 นี้ ก็มีคำถามว่าจะทำให้คนมีรถต้องจ่ายมากขึ้นหรือไม่ เพราะค่ารถยกที่ตำรวจกับเอกชนรวมหัวขูดรีดเจ้าของรถนั้นคนที่เคยใช้บริการก็รู้ว่าแพงมหาโหด ที่กำหนดค่าเคลื่อนย้ายไว้ 500 บาท จะเป็นไปได้หรือ? ยกไปแล้วจะไปจอดที่ไหน จะยิ่งทำให้จราจรติดขัดมากขึ้นหรือไม่เพราะกว่าจะยกแต่ละคันออกไปจากผิวจราจรได้ก็ใช่จะเร็ว ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม 25 ต.ค.นี้ จะเริ่มดีเดย์แล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ทำให้คนมีรถปรี๊ดแตก ซึ่ง บชน. มีเจตนาโยนหินถามทาง คือ การกำหนดอายุการใช้งานของรถ โดย พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า รถยนต์ที่มีอายุใช้งานเกินกว่า 10 ปี ให้ยกเลิกการใช้งานในกรุงเทพฯ แต่สามารถใช้ในต่างจังหวัดได้ ประชาชนที่ใช้รถในกทม.จะต้องนำรถไปตรวจสภาพ เพื่อความปลอดภัย และลดปัญหาการจราจร เนื่องจากมีสถิติเกี่ยวกับรถเสียในทางที่เกิดจากสภาพรถยนต์ไม่สมบูรณ์ ทำให้มีรถจอดเสียจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรติดขัด หากนำเข้ามาวิ่งจะต้องเสียภาษีเทียบเท่ารถใหม่ โครงการนี้ได้นำแนวคิดมาจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจราจร

ทันทีที่ปรากฏเป็นข่าวออกไป ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นเมือง โดยเฉพาะในโลกโซเซียลมีเดีย บอกได้ว่า ตำรวจถูกด่ายับเยิน หาว่าบ้าอำนาจ เอาสมองส่วนไหนคิด สมองกลวงหรือเปล่า เป็นการส่งเสริมการขายให้บริษัทรถยนต์ที่ยอดตกฮวบฮาบลงหลังจากหมดโปรโมชั่นรถคันแรกใช่หรือไม่ เป็นการช่วยเหลือบริษัทผลิตรถยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่เกือบร้อยทั้งร้อยเป็นของต่างชาติ หรือไม่ก็มีกลุ่มทุนพรรคเพื่อไทยเป็นหุ้นส่วน แล้วเต็นท์รถมือสองของคนไทยที่จะต้องล้มหายตายจากไปเพราะความคิดนี้จะทำอย่างไร รู้หรือไม่ว่าระบบของญี่ปุ่นกับไทยนั้น มันคนละเรื่องกัน

เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ต้องการให้ตำรวจกวดขันให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรให้เห็นผล การจอดรถเกะกะตามตรอกซอกซอย การปล่อยให้มีการยึดทางเท้าทำมาหากิน วินมอเตอร์ไซด์ รถตู้ของเจ้าพ่อทั้งหลายที่จ่ายส่วยแล้วยึดผิวจราจร รถเมล์ รถแท็กซี่ จอดไม่เลือกที่ จอดซ้อน รวมทั้งการตั้งด่านตรวจ จับปรับของตำรวจเองก็ล้วนแต่สร้างปัญหาทั้งนั้น ปัญหาเหล่านี้ตำรวจจัดการแล้วหรือยัง ก่อนที่จะคิดมาห้ามรถเก่าเข้ามาวิ่งในกรุงเทพฯ

ไม่ใช่เพียงแต่ บชน. เท่านั้นที่มีไอเดียบรรเจิด ทางผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งไม่เคยมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน นานปีทีหนไม่เคยมีข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่องจราจร ก็ทำตัวแปลก ลุกขึ้นมาเสนอแนะการแก้ไขปัญหาจราจร โดย นายศรีราชา เจริญพานิช บอกว่า เบื้องต้นจะให้มีการทบทวนนโยบายห้ามไม่ให้มีการจอดรถบนถนนสาธารณะเส้นหลักตลอดเวลา ส่วนถนนสาธารณะเส้นรองสามารถจอดได้เฉพาะตั้งแต่เวลา 22.00 - 05.00 น. เท่านั้น เพื่อเพิ่มพื้นที่การจราจรมากขึ้น รวมทั้งปรับผู้ขับขี่รถแล้วไปจอดเสียหรือเกิดอุบัติเหตุตามท้องถนน โดยคิดค่าปรับเป็นรายนาที เช่น นาทีละ 100 บาท เพื่อผู้ขับขี่จะได้ดูแลรถยนต์ให้อยู่ในสภาพดีและระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การซื้อรถใหม่ต้องแสดงตนว่ามีพื้นที่จอดรถด้วยเพื่อกรมการขนส่งทางบกใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาตต่อไป โดยได้ขอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ทบทวน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กำหนดให้การอนุญาตก่อสร้างอาคารต้องมีการจัดพื้นที่จอดรถให้เพียงพอ โดยเฉพาะหอพักเพื่อป้องกันไม่ให้มีการจอดรถบนถนนหรือทางสาธารณะ

ข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตถามกลับว่า “…..รถเกิดอุบัติเหตุปรับนาทีละ 100 บาทไม่ทราบว่าใช้หัวแม่เท้าซ้ายหรือขวาคิด ก็อุบัติเหตุมันก็คือเหตุการณ์ไม่คาดคิด เราอาจจะป้องกันได้และป้องกันไม่ได้ก็ได้ครับ”, “.... ปล.ผู้ตรวจการนี่ว่างกันจริงๆ นะครับว่างจนคิดอะไรเบาปัญญาออกมา เสียดายภาษีจริงๆ ดีที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน”

เสียงสะท้อนกลับของสังคมที่ส่วนมากไม่เห็นด้วยต่อมาตรการแก้ไขปัญหาจราจรของ ตร. (เตารีด) รอบนี้ ทำให้ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น.รับผิดชอบงานด้านจราจร รีบกลับลำ เสียงอ่อยว่า โครงการรถ 10 ปี ยังไม่ได้อยู่ในโครงการนำร่องเร่งด่วน เป็นนโยบายที่ต้องนำมาพิจารณา เชิญผู้เกี่ยวข้องมาร่วมพูดคุยกันเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร ก่อนที่เสนอโครงการให้รัฐบาลพิจารณา ทั้งนี้ต่างคนก็ต่างมีแนวคิดที่ดี ตำรวจก็รับทุกเรื่องมาวิเคราะห์ถึงผลดีผลเสีย หลังจากที่สื่อเสนอโครงการไปก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็ต้องนำมาดูในรายละเอียดอีกครั้ง

เรียกว่ารีบใส่เกียร์ถอยโดยไม่รอช้า เพราะว่าภาพพจน์ตำรวจวันนี้เป็นผู้ที่ปล่อยปละและสร้างปัญหาจราจร ทั้งการตั้งด่าน จับ ปรับไม่เลือกที่ ไม่เลือกเวลา จนประชาชนเอือมระอาหรือหวาดกลัวคล้ายๆ กับว่ามองเห็นตำรวจเป็นโจรรีดไถในเครื่องแบบไปแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น