ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เมื่อปีที่แล้ว “กรณ์ ณรงค์เดช” และ “น้องเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” 2 ไฮโซทายาทตระกูลใหญ่ของเมืองไทย ประกาศแต่งงานกันแบบสายฟ้าแล่บ ทำเอาวงการขาเม้าท์ถึงกับออกอาการเหวอ!!! เพราะไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้ามาก่อนเลย จนต้องยกให้เป็น Talk of the Town อภิมหามหึมาวิวาห์แห่งปี แต่ผ่านมาแค่ 14 เดือน ขาเม้าท์กลับต้องหงายเงิบอีกครั้ง เมื่อฝ่ายชายออกมาประกาศว่าเลิกกับภรรยาสุดเปรี้ยวได้ 5 เดือนแล้ว
โบราณว่าอยู่กันก้นหม้อยังไม่ทันดำเลย ก็เลิกกันเสียแล้ว!!
ตอนประกาศแต่งงานนั้นใคร ๆ ก็ให้ฉายาว่า “คู่รักพันล้าน” เนื่องจากทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต่างเป็นทายาทตระกูลร่ำรวยระดับพันล้านของเมืองไทย โดยหนูเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูล ไฮโซสาวเปรี้ยวจี๊ดวัย 32 ปี เป็นหลานยายท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ (เสียชีวิตแล้ว) ประธานกิตติมศักดิ์ บริษัท โรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด เป็นลูกสาวคนที่ 2 ของสัณหพิศ โพธิรัตนังกูร และเธอเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งถูกวางตัวให้เข้ามารับช่วงธุรกิจโรงแรมของตระกูล
ส่วน กรณ์ ณรงค์เดช วัย 34 ปีเป็นลูกชายคนเล็กของคุณหญิงพรทิพย์-ดร.เกษม ณรงค์เดช แห่งค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ KPN ที่ไม่เพียงแต่รับผิดชอบเรื่องการประกวด เคพีเอ็น อวอร์ดอันโด่งดังเท่านั้น แต่ยังบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้ง คอนโดมิเนียม เดอะ แคปปิตอล ราชปรารภ-วิภาวดี ควบคู่ไปกับการบริหารร้านอาหารญี่ปุ่นโคโกะโนยะ
**เส้นทางรักพันล้าน
เรื่องราวความรักของคนทั้งสองเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมสร้างความฮือฮาให้กับเหล่าเซเลบฯเพื่อนร่วมวงการช่วงปีที่ผ่านมาเมื่อทั้งคู่ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบ โดยทั้งคู่เข้าพิธีหมั้นกันเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2555 และเข้าสู่ประตูวิวาห์ร่วมใช้ชีวิตกันอย่างหวานชื่นในวันที่ 1 ก.ค. 2555 ท่ามกลางความยินดีของแขกผู้ใหญ่และบุคลมีชื่อเสียงจำนวนมากตั้งแต่ ผู้นำ 3 เหล่าทัพ รัฐมนตรี จนระดับอดีตนายกรัฐมนตรี และแขกเหรื่อจากหลายวงการที่ตบเท้ามาร่วมแสดงความยินดีกับความรักของทั้งคู่
ถ้าย้อนดูตำนานความรักของอดีตคู่หวานคู่นี้แล้ว เรียกได้ว่าสองครอบครัวนี้สนิทสนมชิดเชื้อกันมาถึง 3 รุ่น ตั้งแต่รุ่นผู้ใหญ่คือท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ เป็นเพื่อนสนิทกับถาวร พรประภา ซึ่งเป็นคุณตาของฝ่ายชาย ครั้นพอมาถึงรุ่นคุณแม่แป๊ก-สัณหพิศ โพธิรัตนังกูร ก็สนิทสนมกับกับคุณหญิงแม่ พรทิพย์ ณรงค์เดช เลยมาถึงรุ่นลูกสาวคือลูกแดง - ดวงภัทร โพธิรัตนังกูร ซึ่งเป็นพี่สาวของหนูเล็กก็เป็นเพื่อนก๊วนเดียวกับหนุ่มกรณ์
ดังนั้นไม่แปลกที่หนูเล็ก-ณพาภรณ์ และกรณ์จะรู้จักและคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งที่ผ่านมาหนุ่มกรณ์ สามารถเดินเข้านอกออกในไปปาร์ตี้แฮงค์เอ้าท์กับคนในครอบครัวโพธิรัตนังกูรอยู่ตลอดเวลา ส่วนคุณหญิงแม่ของฝ่ายชายเองก็เห็นหนูเล็ก-ณพาภรณ์มาตั้งแต่เด็ก
ชื่อของหนูเล็ก-ณพาภรณ์มาโด่งดังในวงการไฮโซเมื่อตอนที่เธอบินกลับมาจากเมืองนอกเมื่อหลายปีก่อน ด้วยความเป็นสาวมั่นเปรี้ยวจี๊ดและรักปาร์ตี้สุดหัวใจ บวกกับบุคลิกคล่องแคล่วพูดจาตรงไปตรงมาจนสื่อทุกฉบับยกให้เธอเปรี้ยวได้ใจเทียบกับ ปารีส ฮิลตัน ทายาทตระกูลโรงแรมดังระดับโลก เพราะสาวหัวนอกที่มั่นใจในตัวเองสุด ๆ คนนี้กล้าทำทุกอย่างที่พอใจจะทำ รวมถึงการสลัดเสื้อผ้าถ่ายชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ลงในนิตยสารด้วยลีลาการโพสที่นางแบบอาชีพมีสิทธิตกงานได้ และด้วยความมาดมั่นนี้เองที่ทำให้หนูเล็กแทบไม่เคยมีข่าวควงหนุ่มไทยคนไหน มีเพียงแค่ “หนุ่มตาน้ำข้าวเขย่าคอกเทล” คนนั้นที่สามารถเอาชนะใจเธอจนกลายเห็นข่าวลือในหมู่ไฮโซ
ขณะที่ตัวของหนุ่มกรณ์เองกลับตรงกันข้ามไม่เคยมีข่าวคราวเสียๆหายๆเรื่องผู้หญิง หากแต่เก็บเนื้อเก็บตัวตั้งใจทำแต่งานและเป็นลูกที่อยู่ในโอวาทของคุณหญิงแม่มาตลอด
หนูเล็ก-ณพาภรณ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าเคยสนิทกับกรณ์อยู่ช่วงหนึ่ง แต่หลังจากแยกย้ายไปเรียนเมืองนอกก็ห่างกันไป แต่พอกลับมาจากเมืองนอกทั้งคู่ก็ยังกลับมาเฮฮาในก๊วนดวงภัทรเหมือนเดิม ทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยชื่นมื่นในอดีตกลับมาฟื้นตัวใหม่
***ฝ่ายชายออกปากขอแต่ง
การรีเทิร์นกลับมาพบกันของทั้งคู่รอบนี้ใช้เวลาเพียง 3-4 เดือนเท่านั้นในการคบหากันอย่างเป็นจริงเป็นจังในฐานะแฟน บวกกับแรงเชียร์ของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่อยากให้สองครอบครัวเป็นทองแผ่นเดียวกัน และมีข่าวสาวเล็กก็เพิ่งเลิกรากับแฟนหนุ่มชาวต่างชาติไป ทั้งคู่จึงตัดสินใจประกาศลั่นระฆังวิวาห์แบบสายฟ้าแลบใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นทางการโดยฝ่ายชายเป็นคนออกปากชื่นชมหนูเล็กว่าคือคนจุดประกายให้เขาเจอคนที่ “ใช่” จนต้องเอื้อนเอ่ยขอแต่งงานด้วย
โดยหนุ่มกรณ์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันแต่งงานว่า “ผมรู้สึกว่าเหมือนเรารู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิตแล้ว กลับมาอีกครั้งความรู้สึกที่คลิกกันมันมาเอง เหมือนเราคุยกันเข้าใจกัน มองหน้าแล้วรู้ใจแบบนั้น เคยบอกใครหลายๆ คนแล้วว่าถ้าใช่ก็แต่ง ไม่ใช่ก็ไม่แต่ง ใช่สำหรับผม คือ สบายใจอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ทะเลาะกันบ้างหรือเปล่า ยังครับอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยครับแต่อาจจะต้องมีบ้างสักวัน ก็คงต้องหาวิธีคุยกันเพราะถ้าเราคุยกันได้ทุกเรื่องก็โอเค ของแบบนี้ก็ต้องยอมด้วยกันทั้งคู่ เพราะสุดท้ายจะให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมตลอดก็ไม่แฟร์”
**รักนี้ที่ไม่ใช่( แล้ว)
ดูเหมือนว่าชีวิตคู่คนทั้งคู่น่าจะโรยด้วยกลีบดอกไม้ตลอดเส้นทางรัก เพราะช่วงแรก ๆ ยังควงกันออกงานสังคมตามประสาข้าวใหม่ปลามันให้มดอิจฉาเล่น แต่พักหลัง ๆ พวกชอบสอดรู้สอดเห็นจะตั้งข้อสังเกตว่าต่างฝ่ายต่างแยกกันออกงานแบบไม่แคร์สายตาใครไม่หวานเหมือนคู่รักคู่อื่น จนมีข่าวออกมาว่าทั้งสองเข้ากันไมได้จนถึงขั้นแยกบ้านกันอยู่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงขั้นมีสื่อพาดหัวว่า “คู่รักพันล้าน ขาเตียงเริ่มโยก”
แต่เรื่องแบบนี้เมื่อไม่ได้คอนเฟิร์มออกจากปากของทั้งคู่ ก็ยังถือว่าเป็นเพียงข่าวลือให้นักข่าวสายไฮโซทำหน้าที่คุ้ยเขี่ยกันต่อไป
นิตยสาร HELLO ฉบับเดือนกันยายนมีโอกาสสัมภาษณ์เปิดใจหนูเล็ก-ณพาภรณ์ถึงรื่องความสัมพันธ์กับสามี แต่ทายาทสาวแห่งปาร์คนายเลิศกลับตอบเพียงสั้นๆว่า “ยังไม่พร้อมพูดถึงข่าวลือเรื่อง การเลิก แต่ขอเล่าถึงชีวิตคู่อันแสนสุขที่ผ่านมามากกว่า” หรือล่าสุดหนูเล็กได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการรายวันถึงชีวิตคู่ของตัวเองโดยเจ้าตัวตอบสั้นๆแค่เพียงว่า “ไม่ขอพูดถึง เพราะตอนนี้มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากมายโดยเฉพาะงานของบริษัท โรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด ซึ่งต้องทำหน้าที่สานต่อจากท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ ผู้เป็นยายให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ขณะที่ฝ่ายหญิงปิดปากเงียบเรื่องรักร้าวมาตลอด แต่แล้วจู่ ๆ วงการก็ช็อกเมื่อฝ่ายชายกลับออกมาให้สัมภาษณ์สื่อในงานแถลงข่าวเคพีเอ็นเมื่อวันเสาร์ที่ 28 กันยายนที่ผ่านมาว่าได้หย่าร้างกับภรรยามา 5 เดือนแล้ว
โดยเจ้าตัวให้สัมภาษณ์แบบเปิดอกว่าการหย่าร้างครั้งนี้มีปัญหาหลายๆอย่าง แต่ปัญหาการหย่านั้นมีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่รู้
“
หลายคนมองว่าเลิกเพราะก่อนแต่งงานกัน เราคบหากันน้อยเกินไปนั้น ก็ไม่ใช่ เพราะจริง ๆ เรารู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้วก่อนแต่งงาน ถามว่าแต่งงานเพราะธุรกิจหรือไม่นั้น ผมต้องเรียนว่าตัวผมเองพอมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต คงไม่ต้องใช้เงินคนอื่น ส่วนที่คนมองว่าเราแต่งงานเพราะกลบกระแสข่าวที่ว่าผมเป็นเกย์ คือทุกคนคงจำภาพวันแต่งงานของผมได้ว่ามันอลังการขนาดไหน ถ้าผมจะแต่งเพราะลบภาพเกย์ ผมเอาเงินตรงนั้นไปเลี้ยงเด็กคงมีความสุขกว่า อีกอย่างนึงหากแต่งเพราะลบภาพจริง คงไม่แต่งแค่ปีเดียว คงต้องอยู่ให้นาน ไม่หย่าให้คนนินทา ผมไม่กลัวภาพเกย์กลับมาอีก เพราะตอนเราแต่งงาน เราอยู่กับคนสองคน ไม่ได้แต่งเพราะประชาชนจะคิดยังไง คือสาเหตุการเลิกมันมาจากหลาย ๆ อย่าง แต่ไม่เกี่ยวกับการที่เราทำงานเยอะจนไม่มีเวลา สำหรับที่หลายคนมองว่าอยู่ด้วยกันสั้นมาก ผมคิดว่าก็ดีนะ รู้เร็ว จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย”
แต่เมื่อโดนผู้สื่อข่าวซักถึงสาเหตุการเลิกรากันนั้นเพราะมีมือที่ 3 ด้วยหรือไม่ หนุ่มกรณ์ ตอบกลับแค่เพียงว่าการลาจากกันในครั้งนี้จบกันด้วยดีและยังมีความเป็นเพื่อนให้กันอยู่ แต่ถ้าจะให้แต่งงานอีกครั้งคงต้องดูกันใหม่แต่ตอนนี้เจ้าตัวยืนยันว่า “โสดสนิท”
“เรื่องนี้คงไม่สามารถตอบแทนคนอื่นได้ แต่ส่วนตัวผมไม่มีครับ หนึ่งปีที่ใช้ชีวิตคู่คือมันก็ไปไม่รอด คนเราอยู่ด้วยกันมันมีหลายอย่าง ถ้าจะลุกมาเลิกก็ต้องมีปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งเราก็มีการพยายามปรับความเข้าใจกันมาสักพักแล้ว ที่เลิกกันมันเกิดจากการที่คิดดีแล้ว ตอนนี้ถ้าเจอกันก็ยังสามารถพูดคุยกันได้ แต่ว่าต่างคนต่างใช้ชีวิตดีกว่า หลังจากเลิกรากันก็ยังไม่ได้เจอกัน ถามว่าจบกันด้วยดีมั้ย ก็แล้วแต่คนตีความ อย่ายัดคำพูดใส่ปากผมเลย การเลิกราครั้งนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รับทราบ เพราะเรื่องหย่าเป็นเรื่องใหญ่ ผมเองก็ได้ปรึกษาพ่อแม่ ซึ่งท่านก็แล้วแต่เรา คือคนเรารักกันเมื่อเลิกกันก็ต้องเสียใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้ว และไม่ได้เข็ดความรัก เพราะความรักเป็นสิ่งที่ดี สวยงาม แต่อนาคตเราก็ตอบไม่ได้ว่าเราจะเจอใคร ถ้าเจาคนที่ดี เราจะแต่งงานใหม่อีกครั้งรึเปล่า แต่ตอนนี้ผมโสดสนิทครับ”
เรียกว่าเป็นความรักแบบ “มาเร็วเคลมเร็ว” งานนี้จบก็จริงแต่ไม่รู้ว่าจะมีใครเจ็บบ้าง!!