xs
xsm
sm
md
lg

ปูด“สมิทธิ์-ศศิน”ถูกสั่งเก็บ-ปมค้านแม่วงก์-ยื่นปูแสนชื่อต้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปชช.จี้รัฐทบทวน"เขื่อนแม่วงก์" ระบุนักการเมืองได้ประโยชน์มากที่สุด เสี่ยงลักลอบค้าสัตว์ แก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้ ด้านคนแพร่เริ่มต้าน กรมทางหลวงขยายถนน 4 เลน "ถนนสักร่มรื่น" สายแพร่-ลองรับเออีซี เหตุต้องตัดไม้สัก 2 ข้างทาง ล่าสุดกาหัวเตรียมโค่นแล้ว 3 ร้อยต้น วอนทบทวนด่วน ส่วนผู้ริเริ่มล่าชื่อค้านเขื่อนแม่วงก์ แฉถูกเตือนนักการเมือง-ผู้เสียประโยชน์สั่งเก็บพร้อม “ศศิน”

วานนี้(3 ต.ค.) เอแบคโพลล์ เผยแพร่ผลสำรวจหัวข้อ "เสียงสะท้อนของสาธารณชน ต่อการตัดสินใจของรัฐบาล กรณีการสร้างเขื่อนแม่วงก์" จากประชาชนทั่วประเทศ 2,140 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 กันยายน ถึงวันที่ 2 ตุลาคม พบว่า 94.7% ทราบข่าวการตัดสินใจผลักดันก่อสร้าง ขณะที่ 5.3% ไม่ทราบ ส่วนการบริหารจัดการน้ำโดยรัฐบาล พบว่า 62.9 % เห็นด้วยที่รัฐบาลจะมีการบริหารจัดการน้ำ อีก 37.1% ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ 74.3% รู้สึกเคลือบแคลงสงสัยว่ามีผู้ได้รับผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง จากการสร้างเขื่อนแม่วงก์ มีเพียง 25.7% ที่ไม่รู้สึกสงสัย

ส่วนการจัดเวทีต่างๆ พบว่าส่วนใหญ่กังวลเรื่องการจัดตั้งกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาล เข้ามาสร้างความชอบธรรมในการตัดสินใจของรัฐบาล และเมื่อถามถึงความวางใจของประชาชนต่อรัฐบาลในการสร้างเขื่อนกับข้อมูลของผู้คัดค้าน พบว่าส่วนใหญ่มีความวางใจรัฐบาลน้อยกว่าข้อมูลของผู้คัดค้าน

ถามถึงกลุ่มผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการสร้างเขื่อนแม่วงก์มากที่สุด พบว่า 59.4% ระบุว่าเป็นนักการเมือง ที่ปรึกษา นักวิชาการฝ่ายการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น อีก 24.8% ได้แก่ กลุ่มนายทุน และ 15.8% เป็นประชาชนทั่วไป พบว่า 76.3% คิดว่าจะมีการลักลอบค้าสัตว์ป่าค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ส่วน 78.0% ระบุควรให้เวลาเพื่อเคลื่อนย้ายสัตว์ป่า และรักษาความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ที่อาจได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยใกล้เคียง และ 69.8% ควรเพิ่มบทบาทองค์กรระหว่างประเทศ ร่วมตรวจสอบผลกระทบจากการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ขณะที่ 30.2% ระบุว่าไม่ควร

จากการสำรวจยังพบว่า 59.5% คิดว่าการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ ขณะที่ 40.5% คิดว่าแก้ปัญหาได้ ส่วน 81.1 ระบุว่าควรชะลอและทบทวนโครงการ มีเพียง 18.9 ระบุว่าไม่ควรทบทวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกด้านแม้โครงการเขื่อนแม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ยังมีข้อถกเถียงเรื่องการตัดไม้ และทำลายระบบนิเวศที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของผืนป่าตะวันตก กรมทางหลวงก็มีโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคม รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ซึ่งจะขยายถนน 1023 แพร่-ลอง จาก 2 เลนเป็น 4 เลน ต่อจากช่วงที่ 1 เขตเทศบาลเมืองแพร่ ข้ามแม่น้ำยม ถึงหมู่ 3 ต.ป่าแมต อ.เมือง ที่สร้างเสร็จเมื่อปี 2555 แต่เนื่องจากทั้ง 2 ข้างทางมีต้นสักปลูกเรียงรายนับพันต้น จึงเริ่มมีกระแสต่อต้านจากภาคเครือข่ายประชาชนแล้วนั้น

ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยื่นเรื่องผ่านสำนักงานป่าไม้จังหวัดแพร่ ขออนุญาตตัดต้นไม้สองข้างทาง เพื่อทำการขยายถนนแล้ว พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าสำรวจและทำสัญลักษณ์แล้วกว่า 300 ต้น และปลายเป็นปัจจัยกระตุ้นในชาวแพร่ให้ความสนใจกับโครงการดังกล่าวมากขึ้น
เนื่องจากถนนแพร่-ลอง มีทัศนียภาพที่สวยงาม สองข้างทางมีทุ่งนาและภูเขาสลับกันเป็นช่วง เมื่อถึงช่วงขึ้นเขาบ้านห้วยขมิ้น ต.ป่าแมต อ.เมือง ผ่านไปตามซอกเขาของอุทยานแห่งชาติดอยผากลอง ก็จะเข้าเขตอ.ลอง รวมระยะทาง 32 กิโลเมตร ซึ่งตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยไม้สักที่ปลูกมานานหลายสิบปี เป็นถนนสายเดียวของเมืองแพร่ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยสีเขียว

นายเชษฐา สุวรรณสา คณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน(กรอ.)จังหวัดแพร่กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของร้านกาแฟแห่ระเบิด ต.บ้านปิน อ.ลอง ซึ่งอยู่ริมถนนสายนี้เช่นกัน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนเดินทางผ่าน ต่างออกปากชมว่าเส้นทางนี้เป็นธรรมชาติและสวยงามมาก เวลาเข้าจ.แพร่ อยากวิ่งผ่านเส้นทางนี้
"กรณีที่ภาคประชาสังคมออกมาเรียกร้องให้ระงับการตัดต้นสักข้างทาง ผมเห็นว่าเป็นความห่วงใยธรรมชาติที่จะต้องสูญเสียไป และส่วนตัวแล้วเห็นด้วยที่จะเก็บต้นไม้ริมถนนนี้ไว้ทั้งหมด ส่วนการขยายถนนควรดูช่องทางที่เหมาะสม โดยไม่ต้องตัดต้นไม้มากกว่า"

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นางนฤมล วงศ์วาน ชาวแพร่ที่มีบ้านอยู่ในเส้นทางดังกล่าวไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าไม่มีความจำเป็นต้องขยายถนนเส้นนี้ เพราะมีการขยายถนนอุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลำปาง เป็น 6-8 เลนซึ่งปัจจุบันเป็นเส้นทางที่ผู้ใช้รถใช้ถนนนิยมใช้อยู่แล้ว นอกจากนี้การขยายถนนน่าจะทำอย่างบูรณาการทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง โดยให้ชุมชนในพื้นที่มีส่วนร่วมวางแผน ร่วมอนุมัติ และบำรุงรักษา

ที่สำคัญขอให้ใช้ถนนเส้นนี้ที่คนพื้นที่รียกว่า "ถนนสักร่มรื่น" เป็นจุดเริ่มของการร่วมมือพัฒนาเมืองเพื่อประโยชน์กับคนในพื้นที่อย่างแท้จริง โดยขอให้ทบทวนโครงการ โดยใช้รากเหง้าของเมืองแพร่ คือ เมืองแห่งไม้สัก เป็นตัวตั้ง
อีกด้าน นายสมิทธิ์ ตุงคะสมิต อาจารย์ประจำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เริ่มล่ารายชื่อคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ผ่านทางเว็บไซต์ change.org/maewongdam เปิดเผยว่า มีแหล่งข่าวจากใน อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ได้แจ้งกับตนว่าให้ระวังตัวไว้ เนื่องจากมีนักการเมืองผู้เสียประโยชน์จากโครงการได้ตั้งค่าหัวนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิ สืบ นาคะเสถียร, เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และตนเอาไว้แล้ว โดยไม่ทราบว่าเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งตนมีความกังวลว่าจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก หลังจากมีกระแสข่าวดังกล่าว

“ผมกังวลว่ามันจะเหมือนเป็นบรรทัดฐานของประเทศเราหรือเปล่า ว่าหากไปคิดคัดค้านโครงการต่างๆ ก็จะต้องเจอกับความรุนแรง จนทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะต่อสู้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม” นายสมิทธิ์ กล่าและว่าตอนแรกได้ตั้งเป้าไว้เพียงแค่ 1 หมื่นรายชื่อ แต่หลังจากเกิดกระแสของนายศศินได้แจ้งกับทางเว็บไซต์ให้ไม่จำกัดจำนวนจนล่าสุดยอดอยู่ที่ 110,237 คน

ทางเครือข่ายก็ได้เตรียมจัดแคมเปญสานต่อเจตนารมย์นายศศิน ด้วยการเดินขบวนและขี่จักรยานนำรายชื่อ ไปยื่นให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ,องค์การสหประชาชาติ, องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก และสถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย เพื่อคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ใน ในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ โดยจะเริ่มต้นขบวนจากหอศิลป์กทม. ไปตามสถานที่ต่างๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น