สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
ชาวพุทธทั้งหลายเชื่อว่า..นรก-สวรรค์..มีจริง..!
เมื่อนรก-สวรรค์..มีจริง คนทำชั่วต้องตกนรก คนทำดีต้องได้ขึ้นสวรรค์!!
“จอห์น ดี.ร็อกกี้เฟลเลอร์” เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก ในนามบริษัท“แสตนดาร์ด ออยส์”
นิตยสาร”ฟอร์บส์”จัดให้”ร็อกกี้เฟลเลอร์” เป็นโคตรอภิมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดในโลกตลอดกาล เพราะมีทรัพย์สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ ประมาณ 9.6 ล้านล้านบาท
"บิล เกตส์”ที่ร่ำรวยจากธุรกิจ”ไอที” เป็นอภิมหาเศรษฐียุคใหม่ เคยติดอันดับ 1 ของโลกมานับ 10 ปี มีทรัพย์สินเพียงแค่ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ประมาณ 2.144 ล้านล้านบาทเท่านั้น
”ร็อกกี้เฟลเลอร์”ถูกมองว่า เป็นนายทุนหน้าเลือดเอาเปรียบผู้ใช้แรงงาน เป็นอภิมหาโจรล่าอาณานิคมยุคใหม่ มีอำนาจเหนือรัฐและกองทัพอันยิ่งใหญ่ของอเมริกา ที่ทำตัวเป็น”ตำรวจโลก”ปล้นฆ่าชาวโลก เพื่อชิงทรัพยากรน้ำมันและขายน้ำมันในราคาแพง ขูดรีดชาวโลกเพื่อความมั่งคั่งของตนเองชนิดไม่รู้จักพอ
เมื่อ”ร็อกกี้ เฟลเลอร์”รู้ว่า ตนเป็น”ซาตาน”ระดับโลก จึงพยายามจะเปลี่ยนภาพตนจาก”ซาตาน”ให้เป็น”นักบุญ”ระดับโลก ด้วยการหว่านเงินทำการกุศล นานถึง 40 กว่าปี..ก่อนที่เขาจะสิ้นชีวิตลง..
โดย”ร็อกกี้ เฟลเลอร์”ลบภาพ”ซาตาน”ของตนไม่ได้เลย!
ไม่ปรากฏหลักฐานว่า “ร็อกกี้เฟลเลอร์”ผลาญเงินไปกับโครงการที่ล้มเหลว เพื่อจะเปลี่ยนจาก”ซาตาน”ให้เป็น”นักบุญ”ไปเท่าไหร่?
ในขณะที่”บิล เกตส์”กับครอบครัว ที่มีทรัพย์สิน 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือ 2.144 ล้านล้านบาท ซึ่งน้อยกว่า”ร็อกกี้เฟลเลอร์”หลายเท่าตัว ได้บริจาคเงินถึง 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือ 8.96 แสนล้านบาท ให้กับองค์กรการกุศลอย่างเปิดเผย
ชาวโลกชื่นชม”บิล เกตส์”ตรงที่ แม้เขาเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย แต่”บิล เกตส์”ใช้สมองและความสามารถ สร้างธุรกิจไอทีอย่างมุมานะ จนผู้คนซื้อโปรแกรม”ไมโครซอฟท์” ของ”บิล เกตส์”ใช้กันทั่วโลก ”บิล เกตส์”จึงร่ำรวยเป็นอภิมหาเศรษฐี อันดับต้นๆของโลกมาจนทุกวันนี้
“บิล เกตส์”มิได้ใช้อิทธิพลทางการเมือง และกองทัพอันเกรียงไกรของอเมริกา บังคับปล้นฆ่าชาวโลกให้ซื้อสินค้าของเขา หรือโกงเงินงบประมาณแผ่นดินอเมริกา จนร่ำรวยเป็นอภิมหาเศรษฐีแต่ประการใด
นั่นทำให้“บิล เกตส์”ได้รับการยกย่อง จากชาวโลกให้เป็นนักบุญผู้เสียสละโดยพลัน!
ผมไม่เคยตื่นเต้นกับนิตยสารฟอร์บส์ ที่จัดอันดับมหาเศรษฐีโลกอยู่ทุกปี แต่ผมชื่นชมยินดีหัวใจเปี่ยมสุข เมื่อรู้ข่าวมนุษย์ทำคุณงามความดี หรือข่าวมนุษย์เอื้ออาทรช่วยเหลือกัน ที่สำคัญคือ..ข่าวมนุษย์ในฐานะผู้บริหารชาติ ทุ่มเทร่างกายและจิตใจทำงานให้ชาติและประชาชน โดยมิได้คอร์รัปชั่นโกงกินชาติของตนเอง
”บิล เกตส์”มิได้บริจาคเงิน 8.96 แสนล้านบาท ให้กับองค์กรการกุศลเท่านั้น แต่เขาได้ชักชวนให้อภิมหาเศรษฐีกลุ่มหนึ่ง บริจาคเงินจำนวนมหาศาล”ลงขัน” คืนกำไรกลับคืนสู่สังคมด้วย
“บิล เกตส์”ผู้ก่อตั้งบริษัท”ไมโครซอฟท์” ได้ครองแชมป์มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ติดต่อกันนับ 10 กว่าปี ร่วมกับ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าของบริษัทลงทุน”เบิร์กเชียร์ แฮททะเวย์” ที่เคยครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก โดยมีทรัพย์สิน 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 1.696 ล้านล้านบาท ร่วมกันตั้งโครงการ “เดอะ กีฟวิ่ง เพลดจ์” จนสร้างความฮือฮาต่อชาวโลก เมื่อพวกเขาประกาศจะบริจาคสมบัติอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ตอบแทนสังคมผ่านองค์กรการกุศล
สองอภิมหาเศรษฐียังเปิดเผยในแถลงการณ์ ผ่านทางเว็บไซต์ www.givingpledge.org. ว่า
พวกเขาได้ติดต่ออภิมหาเศรษฐีติดอันดับ 400 รายชื่อ ผู้ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา จากการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ ประมาณ 80 คน ให้ร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สมบัติเพื่อการกุศล
โดยได้รับการตอบรับจากอภิมหาเศรษฐีแล้ว 40 คน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของโครงการ “เดอะ กีฟวิ่งเพลดจ์” ที่ไม่มีข้อผูกมัดทางกฏหมายต่อผู้เข้าร่วม แต่ใช้ข้อผูกมัดทางใจและไม่มีการก้าวก่าย หรือกำหนดว่าผู้บริจาคจะให้ทรัพย์สินเท่าไหร่ เพื่อการกุศลในรูปแบบใด
อภิมหาเศรษฐีผู้เข้าร่วมโครงการ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขด้วยตนเองว่า จะสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรการกุศลใด เช่น สุขภาพ การศึกษา ศิลปะ สังคม โดย นายบัฟเฟต์ ต้องการให้ผู้เข้าร่วมโครงการ รีบบริจาคเงินและทรัพย์สินโดยเร็วที่สุด
โครงการ ”เดอะ กีฟวิ่ง เพลดจ์”ยังมี นายเทด เทิร์นเนอร์ เจ้าของสถานีเคเบิลทีวีข่าว 24 ชั่วโมง “ซีเอ็นเอ็น” นายแลรี่ เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์”ออราเคิล” นายจอร์จ ลูคัส ผู้กำกับชื่อก้องโลกของฮอลลีวู้ด เข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วย
โดยเฉพาะ นายไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก และเจ้าพ่อสื่อชั้นนำของสหรัฐฯ ที่นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า เขามีทรัพย์สินประมาณ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือ ประมาณ 5.76 แสนล้านบาท ได้กล่าวอย่างติดตลกถึงผู้ร่วมโครงการนี้ว่า
“คงไม่ต้องรอให้ตาย..แล้วค่อยบริจาคเงินนะ”
นายบลูมเบิร์ก ยังระบุอีกว่า เพราะไม่เป็นการสมเหตุสมผล ที่อภิมหาเศรษฐีร่วมโครงการ ซึ่งต้องการจะเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น แต่ไม่มีชีวิตเพื่ออยู่ดูการเปลี่ยนแปลงนั้น
แม้”บิล เกตส์”จะร่วงจากการเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก แต่ในวงการอภิมหาเศรษฐี”ไอที”นั้น นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า “บิล เกตส์”ที่รั้งตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก ยังคงครองแชมป์ชาว
อเมริกันรวยที่สุด ติดต่อกันนานถึง 20 สมัยซ้อน
“บิล เกตส์”กับภรรยา ยังประกาศจะยกทรัพย์สินเงินทอง หรือมรดกให้ลูกๆ 3 คนแค่ 5 % เท่านั้น โดย”บิล เกตส์”ถามว่า 5% ของทรัพย์สินประมาณ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 2.144 ล้านล้านบาท) ที่จะยกให้ลูก 3 คนนั้น..น้อยหรือ..?
ประเทศอเมริกาไม่ต่างจากไทย ที่มีกลุ่มนายทุนชั่วช้าสามานย์ คอยเอาเปรียบคนในชาติและชาวโลก แต่ก็มีนายทุนดีที่ไม่ค้ากำไรเกินควร ไม่เอาเปรียบคนในชาติและชาวโลกจนน่ารังเกียจ
แม้อเมริกาเคยมีพ่อลูกที่เป็นนายทุนสามานย์ ค้าเงิน-ค้าสงคราม-ค้าน้ำมัน ใช้อำนาจเอาเปรียบทั้งกับชาวอเมริกันและชาวโลก เป็นประธานาธิบดีปกกครองรัฐอเมริกา แต่เพราะสื่อฯและคนอเมริกันส่วนใหญ่ยัง รักชาติ ดังนั้น แม้จะเกิดความเสียหายไม่น้อย แต่ชาติอเมริกันก็ฝ่าวิกฤต ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่า..
ไทยโชคร้ายกว่าอเมริกาตรงที่ ประชาชนส่วนใหญ่ยังด้อยคุณภาพในทุกมิติ จึงทำให้มหาเศรษฐีคนหนึ่ง ที่ไม่รักชาติเท่าที่มนุษย์ทั่วไปพึงมี ใช้เงินซื้อเสียงยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือ เชิดน้องสาวด้อยปัญญาเป็นนายกฯ ก่อนจะใช้กลไกรัฐปล้นชาติอย่างต่อเนื่อง
มหาเศรษฐีที่ทำชั่วตลอดเวลาคนนี้ ก็หวังเปลี่ยนความเป็น”ซาตาน” ให้กลายเป็น”นักบุญ”เช่นกัน มีการใช้เงินสกปรกพันกว่าล้านบาทตั้งมูลนิธิฯ ในขณะที่โกงเงินชาติไปไม่ต่ำ 4-5 แสนล้านบาท
ชาติและคนไทยไม่ต้องการเงินสกปรก จากมหาเศรษฐีชั่วคนนี้แม้แต่สลึงเดียว แค่มหาเศรษฐีคนนี้ หยุดชี้นิ้วบงการ การเมืองชั่วที่ทำลายชาติอยู่ในเวลานี้-ก็พอ
แต่สิ่งที่คนไทยทั้งชาติต้องการอย่างยิ่งนี้ ดูจะเป็นได้แค่ "ความฝัน”ที่ไม่มีวันจะเป็น "ความจริง”
เมื่อนรก-สวรรค์มีจริง ทำดี-ย่อม-ได้ดี ทำชั่ว-ย่อม-ได้ชั่ว..ใช่ไหม? ”ยมบาล”จึงฟันธงเปรี้ยงว่า
“ ..เฮ้!..มิสเตอร์ “บิล เกตส์”ยูทำดี-ได้ขึ้นสวรรค์ว่ะ ส่วนมิสเตอร์ “ทักษิณ”ยูทำชั่ว-ไปลงนรกไป๊!..”