“อินทรีโอบามา” บินมาทำอะไรในประเทศไทย?
นอกจากน้ำมันใต้ทะเล 3 จังหวัดภาคใต้ และน้ำมันมหาศาลใต้ทะเลไทย-กัมพูชาแล้ว ไทยยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่อเมริกาจะวางกำลังทางทหาร เพื่อทำจารกรรมและทำลายอาวุธในทุกมิติของรัสเซียกับจีน
เพราะการทำสงครามทำลายล้างอาวุธและผู้คน ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามในวันนี้-วันหน้า ต้องใช้ “ดวงตาอวกาศ” หรือ “ดาวเทียม” ทั้งสิ้น!
โลกยุคคอมพิวเตอร์พัฒนาเร็วมาก ดังนั้น มหาอำนาจอย่างอเมริกา-ยุโรป-รัสเซีย- จีน จะไม่ใช้แค่ทหาร-ปืน-ระเบิด-รถถัง-เรือรบ-เครื่องบินธรรมดาๆ แต่จะมีสงครามสู้รบทำลายอาวุธทางเทคโนโลยีบนอวกาศด้วย
การขึ้นสู่อวกาศของอเมริกา ทำให้มะกันค้นพบวิวัฒนาการทางทหารมากมาย รัสเซียกับจีนก็ค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางการทหารจากการขึ้นสู่อวกาศเช่นกัน แต่ทุกฝ่ายยังปิดเป็นความลับไว้จนทุกวันนี้
ยุค “บุชจูเนียร์” เป็นประธานาธิบดี 8 ปี บุชฯ ทุ่มงบมหาศาลทำสงครามยึดอิรักและอัฟกานิสถาน จนการเงินการคลังสหรัฐฯ ติดลบอย่างหนัก
โอบามาจึงประกาศตัดงบฯ ในปี 2556 ถึง 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นงบทหารถึง 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ สถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพสตอกโฮล์มเผยว่า อเมริกา ยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่น ก็ลดงบการทหารลง 0.5% หรือ 49 ล้านล้านบาท ในปี 2555 แต่จีน-รัสเซียกลับทุ่มงบทางทหารเพิ่มขึ้นอีก 16%
นสพ.วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า สหรัฐฯ ใช้งบทางทหารสูงกว่าจีน 4 เท่า แต่จีนก็เพิ่มงบทางทหารรวดเร็วและมากมาย ในปี 2555 กว่า 120,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งงบวิจัยสำรวจอวกาศ-งบทางทหาร ฯลฯ จึงคาดว่ากองทัพจีนจะแซงสหรัฐฯ ในอีก 2 ทศวรรษหน้า
โดยกองทัพจีนได้พัฒนาอาวุธเพิ่มขึ้น ทั้งขีปนาวุธพิสัยไกล เครื่องบินรบ เจ-10 และ เจ-11 ฝูงใหม่ เครื่องบินล่องหน เจ-20 เรือบรรทุกเครื่องบินที่ต่อใหม่ โครงการอวกาศต่างๆ อาทิ ดาวเทียมนำร่อง ฯลฯ รวมทั้งยังเพิ่มขีดการทำยุทธการร่วมของกองทัพบก-เรือ-อากาศ ที่เป็นจุดอ่อนของกองทหารจีนอีกด้วย
ดุลอำนาจจีนจึงแข็งแกร่งมากขึ้น สร้างความกังวลกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีข้อพิพาทในหมู่เกาะทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออกกับทางปักกิ่ง ทั้งทำให้สหรัฐฯวิตกกังวลอย่างยิ่ง
ทำให้ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฯลฯ ได้ส่งสารขอคำยืนยันกับ “วอชิงตัน” ว่า จะไม่ทอดทิ้งพวกตนที่ขัดแย้งกับ “ปักกิ่ง” จนโอบามากำลังจะย้ายทหารอเมริกันจากอิรักและอัฟกานิสถานมายังเอเชีย-แปซิฟิก
“ตำรวจโลก” มีฐานทัพเปิดเผยที่ยังใช้งานอยู่ 130 แห่ง เป็นฐานทัพกองทัพบก 53 แห่ง กองทัพเรือ 18 แห่ง กองทัพอากาศ 31 แห่ง กองทัพนาวิกโยธิน 18 แห่ง กองทหารปฏิบัติการร่วมอีก 10 แห่ง กระจายอยู่ทั่วโลก
ในญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ฐานทัพอเมริกัน มีทั้งเรือรบและนาวิกโยธินเพียบ โดยอยู่ในญี่ปุ่น 5 หมื่นนายในเกาหลีใต้ 2.8 หมื่นนาย อีกทั้งโอบามาจะขยายฐานทัพสหรัฐฯ ที่เมืองดาร์วินของออสเตรเลีย โดยจะส่งนาวิกโยธิน เรือรบ และอากาศยานเข้าประจำการปีหน้า ฐานทัพนี้จะช่วยสหรัฐฯ เคลื่อนพลสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือมหาสมุทรอินเดียได้อย่างรวดเร็ว
แม้รัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์จะห้ามการมีฐานทัพต่างชาติ แต่ในปี 2556 มีเรือรบผิวน้ำและเรือดำน้ำสหรัฐฯ ถึง 72 ลำ ปี 2555 จำนวน 88 ลำ ปี 2554 จำนวน 54 ลำ และ 2553 จำนวน 51 ลำ เข้ามาจอดที่อ่าว “ซูบิก” ของฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง
แต่สหรัฐฯ ยังต้องการฐานที่มั่นเพิ่ม และไทยเป็นเป้าหมายที่โอบามาต้องการ โดยเฉพาะสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเคยรองรับเครื่องบินยักษ์ บี 52 ในยุคสหรัฐฯ ทำสงครามกับเวียดนาม เพราะสนามบินอู่ตะเภาอยู่ในยุทธภูมิดีที่สุด แถมรองรับภารกิจได้ทั้ง 3 เหล่าทัพ นั่นคือ พื้นดิน-ทหารบกยึดครอง ทะเล-ทหารเรือยึดครอง สนามบิน-ทหารอากาศยึดครอง
ที่สำคัญ..ปฏิบัติการบนท้องฟ้ายันอวกาศ สหรัฐฯ ไม่ต้องบินผ่านน่านฟ้าชาติใดทั้งสิ้น เพราะจากอู่ตะเภาก็เข้าสู่น่านฟ้าสากล “จารกรรม” ตามใจชอบโดยไม่มีใครรู้ได้เลย
วันนี้-ชาติไทยจึงยืนอยู่ “กลางเขาควาย” ระหว่างอเมริกากับจีนที่งัดข้อกัน ทำให้ไทยเป็น “สาวเนื้อหอม” ทันที
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไทยดีและเก่ง ยึดประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้งก็จะได้ประโยชน์มหาศาล แต่ไทยโชคร้ายที่มีรัฐบาล “ทักษิณ-ปูกลวง” ซึ่งทำเพื่อตนและพวกพ้องเท่านั้น ชาติกับคนไทยจึงไม่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ “กลางเขาควาย” เพราะทักษิณเอาแต่ต่อรอง เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อตนและพวกเท่านั้น
แถมยังเป็นการ “ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน” อีกด้วย!
เฮ้อ.. “ทักษิณ” จะคิดถึงผลประโยชน์ชาติได้ไง ในเมื่อ “ทักษิณ” นายกฯ ตัวจริงของชาติไทย หนีทั้งคุกและหมายศาลคดีก่อการร้าย จึงโผล่หน้าไปเหยียบอเมริกาไม่ได้ ดังนั้น การได้ “วีซ่า” เข้าอเมริกาของทักษิณแลกกับอู่ตะเภาและอื่นๆ คือ คำประกาศความเป็นขี้ข้าของ “พญาอินทรี” อย่างเป็นทางการครับ
เมื่อ “ทักษิณ” เป็นขี้ข้า “อินทรีโอบามา” จะขี่ “ปู” อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น..จริงไหม..?
นอกจากน้ำมันใต้ทะเล 3 จังหวัดภาคใต้ และน้ำมันมหาศาลใต้ทะเลไทย-กัมพูชาแล้ว ไทยยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่อเมริกาจะวางกำลังทางทหาร เพื่อทำจารกรรมและทำลายอาวุธในทุกมิติของรัสเซียกับจีน
เพราะการทำสงครามทำลายล้างอาวุธและผู้คน ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามในวันนี้-วันหน้า ต้องใช้ “ดวงตาอวกาศ” หรือ “ดาวเทียม” ทั้งสิ้น!
โลกยุคคอมพิวเตอร์พัฒนาเร็วมาก ดังนั้น มหาอำนาจอย่างอเมริกา-ยุโรป-รัสเซีย- จีน จะไม่ใช้แค่ทหาร-ปืน-ระเบิด-รถถัง-เรือรบ-เครื่องบินธรรมดาๆ แต่จะมีสงครามสู้รบทำลายอาวุธทางเทคโนโลยีบนอวกาศด้วย
การขึ้นสู่อวกาศของอเมริกา ทำให้มะกันค้นพบวิวัฒนาการทางทหารมากมาย รัสเซียกับจีนก็ค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางการทหารจากการขึ้นสู่อวกาศเช่นกัน แต่ทุกฝ่ายยังปิดเป็นความลับไว้จนทุกวันนี้
ยุค “บุชจูเนียร์” เป็นประธานาธิบดี 8 ปี บุชฯ ทุ่มงบมหาศาลทำสงครามยึดอิรักและอัฟกานิสถาน จนการเงินการคลังสหรัฐฯ ติดลบอย่างหนัก
โอบามาจึงประกาศตัดงบฯ ในปี 2556 ถึง 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นงบทหารถึง 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ สถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพสตอกโฮล์มเผยว่า อเมริกา ยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่น ก็ลดงบการทหารลง 0.5% หรือ 49 ล้านล้านบาท ในปี 2555 แต่จีน-รัสเซียกลับทุ่มงบทางทหารเพิ่มขึ้นอีก 16%
นสพ.วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า สหรัฐฯ ใช้งบทางทหารสูงกว่าจีน 4 เท่า แต่จีนก็เพิ่มงบทางทหารรวดเร็วและมากมาย ในปี 2555 กว่า 120,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งงบวิจัยสำรวจอวกาศ-งบทางทหาร ฯลฯ จึงคาดว่ากองทัพจีนจะแซงสหรัฐฯ ในอีก 2 ทศวรรษหน้า
โดยกองทัพจีนได้พัฒนาอาวุธเพิ่มขึ้น ทั้งขีปนาวุธพิสัยไกล เครื่องบินรบ เจ-10 และ เจ-11 ฝูงใหม่ เครื่องบินล่องหน เจ-20 เรือบรรทุกเครื่องบินที่ต่อใหม่ โครงการอวกาศต่างๆ อาทิ ดาวเทียมนำร่อง ฯลฯ รวมทั้งยังเพิ่มขีดการทำยุทธการร่วมของกองทัพบก-เรือ-อากาศ ที่เป็นจุดอ่อนของกองทหารจีนอีกด้วย
ดุลอำนาจจีนจึงแข็งแกร่งมากขึ้น สร้างความกังวลกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีข้อพิพาทในหมู่เกาะทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออกกับทางปักกิ่ง ทั้งทำให้สหรัฐฯวิตกกังวลอย่างยิ่ง
ทำให้ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฯลฯ ได้ส่งสารขอคำยืนยันกับ “วอชิงตัน” ว่า จะไม่ทอดทิ้งพวกตนที่ขัดแย้งกับ “ปักกิ่ง” จนโอบามากำลังจะย้ายทหารอเมริกันจากอิรักและอัฟกานิสถานมายังเอเชีย-แปซิฟิก
“ตำรวจโลก” มีฐานทัพเปิดเผยที่ยังใช้งานอยู่ 130 แห่ง เป็นฐานทัพกองทัพบก 53 แห่ง กองทัพเรือ 18 แห่ง กองทัพอากาศ 31 แห่ง กองทัพนาวิกโยธิน 18 แห่ง กองทหารปฏิบัติการร่วมอีก 10 แห่ง กระจายอยู่ทั่วโลก
ในญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ฐานทัพอเมริกัน มีทั้งเรือรบและนาวิกโยธินเพียบ โดยอยู่ในญี่ปุ่น 5 หมื่นนายในเกาหลีใต้ 2.8 หมื่นนาย อีกทั้งโอบามาจะขยายฐานทัพสหรัฐฯ ที่เมืองดาร์วินของออสเตรเลีย โดยจะส่งนาวิกโยธิน เรือรบ และอากาศยานเข้าประจำการปีหน้า ฐานทัพนี้จะช่วยสหรัฐฯ เคลื่อนพลสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือมหาสมุทรอินเดียได้อย่างรวดเร็ว
แม้รัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์จะห้ามการมีฐานทัพต่างชาติ แต่ในปี 2556 มีเรือรบผิวน้ำและเรือดำน้ำสหรัฐฯ ถึง 72 ลำ ปี 2555 จำนวน 88 ลำ ปี 2554 จำนวน 54 ลำ และ 2553 จำนวน 51 ลำ เข้ามาจอดที่อ่าว “ซูบิก” ของฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง
แต่สหรัฐฯ ยังต้องการฐานที่มั่นเพิ่ม และไทยเป็นเป้าหมายที่โอบามาต้องการ โดยเฉพาะสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเคยรองรับเครื่องบินยักษ์ บี 52 ในยุคสหรัฐฯ ทำสงครามกับเวียดนาม เพราะสนามบินอู่ตะเภาอยู่ในยุทธภูมิดีที่สุด แถมรองรับภารกิจได้ทั้ง 3 เหล่าทัพ นั่นคือ พื้นดิน-ทหารบกยึดครอง ทะเล-ทหารเรือยึดครอง สนามบิน-ทหารอากาศยึดครอง
ที่สำคัญ..ปฏิบัติการบนท้องฟ้ายันอวกาศ สหรัฐฯ ไม่ต้องบินผ่านน่านฟ้าชาติใดทั้งสิ้น เพราะจากอู่ตะเภาก็เข้าสู่น่านฟ้าสากล “จารกรรม” ตามใจชอบโดยไม่มีใครรู้ได้เลย
วันนี้-ชาติไทยจึงยืนอยู่ “กลางเขาควาย” ระหว่างอเมริกากับจีนที่งัดข้อกัน ทำให้ไทยเป็น “สาวเนื้อหอม” ทันที
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไทยดีและเก่ง ยึดประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้งก็จะได้ประโยชน์มหาศาล แต่ไทยโชคร้ายที่มีรัฐบาล “ทักษิณ-ปูกลวง” ซึ่งทำเพื่อตนและพวกพ้องเท่านั้น ชาติกับคนไทยจึงไม่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ “กลางเขาควาย” เพราะทักษิณเอาแต่ต่อรอง เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อตนและพวกเท่านั้น
แถมยังเป็นการ “ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน” อีกด้วย!
เฮ้อ.. “ทักษิณ” จะคิดถึงผลประโยชน์ชาติได้ไง ในเมื่อ “ทักษิณ” นายกฯ ตัวจริงของชาติไทย หนีทั้งคุกและหมายศาลคดีก่อการร้าย จึงโผล่หน้าไปเหยียบอเมริกาไม่ได้ ดังนั้น การได้ “วีซ่า” เข้าอเมริกาของทักษิณแลกกับอู่ตะเภาและอื่นๆ คือ คำประกาศความเป็นขี้ข้าของ “พญาอินทรี” อย่างเป็นทางการครับ
เมื่อ “ทักษิณ” เป็นขี้ข้า “อินทรีโอบามา” จะขี่ “ปู” อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น..จริงไหม..?