เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (26 ก.ย. ) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงความคืบหน้าการทำถนน 37 เส้นทาง 37 อำเภอ โดยใช้ยางพาราว่า ได้ให้กรมการทหารช่างไปสำรวจปรากฏว่าทำได้ จึงได้นำเสนอแผนงาน โครงการและงบประมาณไปยัง ศอ.บต. เพื่อให้นำเสนอรัฐบาล ในการของบกลางในการดำเนินงาน ถือเป็นโครงการนำร่อง หากส่งผลดีจะดำเนินการต่อ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ได้รายงานสรุปความก้าวหน้าการแก้ปัญหาภาคใต้ ปี 2555-2556 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับทราบ ในที่ประชุมสภากลาโหม ซึ่งทุกกลุ่มงานมีการพัฒนาไปในแนวทางที่ดี ทั้งในเรื่องสถิติ การสูญเสีย การปฏิบัติเชิงรุก และเชิงรับ การสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ การอำนวยงานด้วยยุติธรรม ทั้งนี้ ยังต้องระมัดระวังเรื่องการสูญเสียให้มากขึ้น เพราะเป็นช่วงรอยต่อของสถานการณ์ ซึ่งฝ่ายรัฐต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้กำลังต่างๆ
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนมองสถานการณ์ภาคใต้ในภาพใหญ่ อย่ามองเพียงจุดที่เกิดเหตุการณ์ แต่ให้เน้นพื้นที่ที่เกิดความรุนแรงที่ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมถึงการสัญจรไปมาของประชาชน และการร่วมกิจกรรมช่วงกลางคืน แต่ในทางกลับกันทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องออกไปดูความปลอดภัยประชาชนมากขึ้น และก็อาจจะตกเป็นเป้าหมายมากขึ้น
ส่วนการพูดคุยสันติภาพก็ยังต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งยังไม่มีข้อยุติใดๆทั้งสิ้น ใครอยากจะเสนออะไร ก็เสนอมา การตกลงจะต้องผ่านกลไก อีกมากอย่าไปกังวล เพียงแต่สื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ให้พวกเขา เพราะเขาต้องการพื้นที่ในการกระจายข่าว ซึ่งเราพยายามครองความได้เปรียบในการพูดคุย เพราะเราเป็นฝ่ายรัฐ มีงบประมาณและประชาชน ขึ้นอยู่กับว่าทำอย่างไรให้ประชาชนพอใจ ทั้งในและนอกพื้นที่
“ถ้าทุกคนไม่พอใจ ไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วไปทำการปกครองแบบใหม่ อย่างการแบ่งเขตปกครองพิเศษ ก็ต้องรอไปอีก 200 ปี ถึงจะได้เท่าวันนี้ ที่ผมคิด ผมพูด คือพูดให้เข้าใจ ผมพูดในข้อเท็จจริงในสิ่งที่เห็น รวมถึงสิ่งที่ผมอยากจะเตือน ใครฟังผมก็เตือน ถ้าไม่ฟังก็ช่างเขา ผมทำงานโดยใช้หลักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่า ต้องมีสติ มีเหตุผล ซึ่งท่านรับสั่งไว้มากมาย อยากให้เอาไปคิดตาม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ออกมาระบุบให้เรายอมรับความเป็นมาลายูของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องเชื้อชาติใครจะเป็นอะไรก็เป็นไป เราก็ยอมรับ เมื่อถามย้ำว่าพ.ต.อ.ทวี ยกคำพูด ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯว่า เหตุการณ์ในภาคใต้ ที่ไม่จบเพราะเราไปโกหกว่า เขาเป็นคนไทย ทั้งที่เป็นมลายู พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่ได้อยู่ตอนที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ พูด แล้วจะมาบอกว่าโกหกได้อย่างไร เพราะวันนี้เขามีสัญชาติไทย แต่เชื้อชาติจะมาจากไหนไม่รู้ ในวันนี้เรารวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไปดูความหายเพลงชาติไทย เราเคยละเมิดใครที่ไหน คนยุโรป ลูกครึ่งก็ไม่เคยละเมิด แม้แต่ทางภาคใต้ ให้ไปหามา จะได้เกิดความชัดเจนว่าใครละเมิดใคร เราไม่เคยละเมิดอัตลักษณ์ อยากทำอะไรก็ทำ อยากคลุมหน้าก็คลุม หากพ.ต.อ.ทวี พูดก็ต้องไปถามเขา ตนมั่นใจว่า ท่านไม่ได้หมายความเช่นนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ได้รายงานสรุปความก้าวหน้าการแก้ปัญหาภาคใต้ ปี 2555-2556 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับทราบ ในที่ประชุมสภากลาโหม ซึ่งทุกกลุ่มงานมีการพัฒนาไปในแนวทางที่ดี ทั้งในเรื่องสถิติ การสูญเสีย การปฏิบัติเชิงรุก และเชิงรับ การสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ การอำนวยงานด้วยยุติธรรม ทั้งนี้ ยังต้องระมัดระวังเรื่องการสูญเสียให้มากขึ้น เพราะเป็นช่วงรอยต่อของสถานการณ์ ซึ่งฝ่ายรัฐต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้กำลังต่างๆ
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนมองสถานการณ์ภาคใต้ในภาพใหญ่ อย่ามองเพียงจุดที่เกิดเหตุการณ์ แต่ให้เน้นพื้นที่ที่เกิดความรุนแรงที่ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมถึงการสัญจรไปมาของประชาชน และการร่วมกิจกรรมช่วงกลางคืน แต่ในทางกลับกันทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องออกไปดูความปลอดภัยประชาชนมากขึ้น และก็อาจจะตกเป็นเป้าหมายมากขึ้น
ส่วนการพูดคุยสันติภาพก็ยังต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งยังไม่มีข้อยุติใดๆทั้งสิ้น ใครอยากจะเสนออะไร ก็เสนอมา การตกลงจะต้องผ่านกลไก อีกมากอย่าไปกังวล เพียงแต่สื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ให้พวกเขา เพราะเขาต้องการพื้นที่ในการกระจายข่าว ซึ่งเราพยายามครองความได้เปรียบในการพูดคุย เพราะเราเป็นฝ่ายรัฐ มีงบประมาณและประชาชน ขึ้นอยู่กับว่าทำอย่างไรให้ประชาชนพอใจ ทั้งในและนอกพื้นที่
“ถ้าทุกคนไม่พอใจ ไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วไปทำการปกครองแบบใหม่ อย่างการแบ่งเขตปกครองพิเศษ ก็ต้องรอไปอีก 200 ปี ถึงจะได้เท่าวันนี้ ที่ผมคิด ผมพูด คือพูดให้เข้าใจ ผมพูดในข้อเท็จจริงในสิ่งที่เห็น รวมถึงสิ่งที่ผมอยากจะเตือน ใครฟังผมก็เตือน ถ้าไม่ฟังก็ช่างเขา ผมทำงานโดยใช้หลักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่า ต้องมีสติ มีเหตุผล ซึ่งท่านรับสั่งไว้มากมาย อยากให้เอาไปคิดตาม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ออกมาระบุบให้เรายอมรับความเป็นมาลายูของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องเชื้อชาติใครจะเป็นอะไรก็เป็นไป เราก็ยอมรับ เมื่อถามย้ำว่าพ.ต.อ.ทวี ยกคำพูด ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯว่า เหตุการณ์ในภาคใต้ ที่ไม่จบเพราะเราไปโกหกว่า เขาเป็นคนไทย ทั้งที่เป็นมลายู พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่ได้อยู่ตอนที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ พูด แล้วจะมาบอกว่าโกหกได้อย่างไร เพราะวันนี้เขามีสัญชาติไทย แต่เชื้อชาติจะมาจากไหนไม่รู้ ในวันนี้เรารวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไปดูความหายเพลงชาติไทย เราเคยละเมิดใครที่ไหน คนยุโรป ลูกครึ่งก็ไม่เคยละเมิด แม้แต่ทางภาคใต้ ให้ไปหามา จะได้เกิดความชัดเจนว่าใครละเมิดใคร เราไม่เคยละเมิดอัตลักษณ์ อยากทำอะไรก็ทำ อยากคลุมหน้าก็คลุม หากพ.ต.อ.ทวี พูดก็ต้องไปถามเขา ตนมั่นใจว่า ท่านไม่ได้หมายความเช่นนั้น