ผบ.ทบ.เผยเสนอรายงานความก้าวหน้าแก้ปัญหาภาคใต้ให้นายกฯ แล้ว วอนอยากให้ทุกคนมองในภาพใหญ่ ส่วนการพูดคุยสันติภาพยังต้องดำเนินการต่อไป แต่วอนสื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ตั้งเขตปกครองพิเศษ รอไปอีก 200 ปี ถึงจะได้เท่าวันนี้ แนะนำพระราชดำรัสในหลวงใช้สติแก้ปัญหา โบ้ยสื่อถาม “ทวี” ยกคำพูด “คึกฤทธิ์“ ยอมรับความเป็นมลายูแก้ไฟใต้ ลั่นไม่ได้โกหกใคร ไล่ไปดูความหมายเพลงชาติ ชม “ปู” ย้ำให้ทุกหน่วยงานใช้แผนที่ 1:5 หมื่นเป็นหลัก
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการทำถนน 37 เส้นทาง 37 อำเภอ โดยใช้ยางพาราว่า ได้ให้กรมการทหารช่างไปสำรวจปรากฏว่าทำได้ จึงได้นำเสนอแผนงาน โครงการและงบประมาณไปยัง ศอ.บต.เพื่อให้นำเสนอรัฐบาล ในการของบกลางในการดำเนินงาน ถือเป็นโครงการนำร่อง หากส่งผลดีจะดำเนินการต่อ ถือเป็นความก้าวหน้าของกลุ่มงานโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ กอ.รมน.ไปสำรวจว่าตรงกับความต้องการของประชาชนหรือไม่ อย่างไรก็ตามกองทัพบกได้รับการร้องขอให้ขุดลอกร่องแม่น้ำปัตตานี บริเวณปากอ่าว เพื่อให้เรือประมงเข้าออกได้โดยสะดวก ซึ่งอยู่การประมาณการและการอนุญาตจากกรมเจ้าท่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนได้รายงานสรุปความก้าวหน้าการแก้ปัญหาภาคใต้ปี 2555-2556 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้รับทราบในที่ประชุมสภากลาโหม ซึ่งทุกกลุ่มงานมีการพัฒนาไปในแนวทางที่ดี ทั้งในเรื่องสถิติ การสูญเสีย การปฏิบัติเชิงรุก และเชิงรับ การสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ การอำนวยงานด้วยยุติธรรม ทั้งนี้ยังต้องระมัดระวังเรื่องการสูญเสียให้มากขึ้น เพราะเป็นช่วงรอยต่อของสถานการณ์ ซึ่งฝ่ายรัฐต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้กำลังต่างๆ อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกคนมองสถานการณ์ภาคใต้ในภาพใหญ่ อย่ามองเพียงจุดที่เกิดเหตุการณ์ แต่ให้เน้นพื้นที่ที่เกิดความรุนแรงที่ลดน้อยลง เมื่อแทบกับปีที่แล้ว รวมถึงการสัญจรไปมาของประชาชน และการร่วมกิจกรรมช่วงกลางคืน แต่ในทางกลับกันทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องออกไปดูความปลอดภัยประชาชนมากขึ้น และก็อาจจะตกเป็นเป้าหมายมากขึ้น เพราะฝ่ายผู้ก่อเหตุมองในประเด็นที่ว่าหากดำเนินการกับประชาชนแล้วประชาชนจะไม่ชอบ จึงพุ่งเป้ามายังเจ้าหน้าที่ และเป็นการอยากที่เจ้าหน้าที่ระวังตัว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงการพูดคุยสันติภาพว่า การพูดคุยยังต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งยังไม่มีข้อยุติใดๆ ทั้งสิ้น ใครอยากจะเสนออะไรก็เสนอมา การตกลงจะต้องผ่านกลไกอีกมากมายอย่าไปกังวล เพียงแต่สื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ให้พวกเขา เพราะเขาต้องการพื้นที่ในการกระจายข่าว ซึ่งเราพยายามครองความได้เปรียบในการพูดคุย เพราะเราเป็นฝ่ายรัฐ มีงบประมาณและประชาชน ขึ้นอยู่กับว่าทำอย่างไรให้ประชาชนพอใจทั้งในและนอกพื้นที่ ส่วนมาตรการเชิงรุกเราเน้นเป็นบางพื้นที่ที่มีการก่อเหตุ
“ถ้าทุกคนไม่พอใจไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วไปทำการปกครองแบบใหม่ อย่างการแบ่งเขตปกครองพิเศษ ก็ต้องรอไปอีก 200 ปี ถึงจะได้เท่าวันนี้ ที่ผมคิดผมพูดคือพูดให้เข้าใจ ผมพูดในข้อเท็จจริงในสิ่งที่เห็น รวมถึงสิ่งที่ผมอยากจะเตือน ใครฟังผมก็เตือน ถ้าไม่ฟังก็ช่างเขา ผมทำงานโดยใช้หลักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าต้องมีสติมีเหตุผล ซึ่งท่านรับสั่งไว้มากมาย อยากให้เอาไปคิดตาม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.ออกมาระบุให้เรายอมรับความเป็นมลายูของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องเชื้อชาติใครจะเป็นอะไรก็เป็นไปเราก็ยอมรับ เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.อ.ทวี ยกคำพูด ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ ว่าเหตุการณ์ในภาคที่ไม่จบเพราะเราไปโกหกว่าเขาเป็นคนไทยทั้งที่เป็นมลายู พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบและไม่ได้อยู่ตอนที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ พูด แล้วจะมาบอกว่าโกหกได้อย่างไร เพราะวันนี้เขามีสัญชาติไทย แต่เชื้อชาติจะมาจากไหนไม่รู้ ในวันนี้เรารวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไปดูความหมายเพลงชาติไทย เราเคยละเมิดใครที่ไหน คนยุโรป ลูกครึ่งก็ไม่เคยละเมิด แม้แต่ทางภาคใต้ ให้ไปหามาจะได้เกิดความชัดเจนว่าใครละเมิดใคร เราไม่เคยละเมิดอัตลักษณ์ อยากทำอะไรก็ทำ อยากคลุมหน้าก็คลุม หาก พ.ต.อ.ทวี พูดก็ต้องไปถามเขา ตนมั่นใจว่าท่านไม่ได้หมายความเช่นนั้น
ขณะที่ รท.สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงการที่รัฐบาลกำหนดให้หน่วยราชการต่างๆ ใช้แผนที่ที่ มีอัตราส่วนมาตรฐานเดียวกัน คือ 1: 50,000 และ 1: 4,000 ว่า เป็นมาตรการที่มีประโยชน์ เพราะที่ผ่านมา แต่ละหน่วยงานใช้แผนที่ที่มีอัตราส่วนแตกต่างกัน ทำให้เกิดปัญหาในการประสานงาน