00 เวลานี้สารพัดม็อบ สารพัดความเดือดร้อนของชาวบ้านทั้งในเมืองและบ้านนอก ต่างประดังประเดพุ่งเข้ามาหารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนักข้อรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากปัญหาการชุมนุมของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันในภาคใต้ที่ยังปิดถนนสายเอเซียที่บริเวณแยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีฯยือเยื้อมานานนับเดือน จนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุป เพราะฝ่ายรัฐบาลบอกว่า “เป็นม็อบการเมือง” เป็นม็อบของปชป.ไม่ต้องไปดูดำดูดีมัน ปล่อยให้มันแห้งตายไปเอง อะไรประมาณนั้น เพราะท่าทีของรัฐบาลที่มีต้อม็อบยางทางภาคใต้เป็นแบบนั้นจริงๆ เวลานี้เหมือนกับว่าไม่มีใครสนใจ ไม่สนใจความเดือดร้อนทั้งเกษตรกร และความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ใช้รถใช้ถนนในบริเวณนั้น เพราะทั้ง รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่เคยเป็นหัวหน้าทีมเจรจา รองนายกฯและรมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง รวมถึงเจ้าของเรื่องตัวจริงแต่ไม่มีอำนาจอย่าง รมว.เกษตรฯ ยุคล ลิ้มแหลมทอง ต่างหายหัวกันไปหมด ไม่มีท่าทีออกมาเลย ทำเหมือนกับว่า กำลังจะลอยแพคนทางภาคใต้ทั้งภาคแล้ว
00 ขณะที่ภาคเหนือก็กำลังเกิดม็อบเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดที่กำลังเผชิญกับราคาตกต่ำ ทำให้ขาดทุนกันทั่วหน้า ทำให้ต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ คนเก่ง ช่วยเหลือประกันราคาเหมือนกัน พร้อมทั้งให้ขยายเวลารับซื้อ ปรับเงื่อนไขในการช่วยเหลือกันใหม่ ทั้งในเรื่องของความชื้น ราคารับซื้อ รวมไปถึงให้ช่วยเหลือครอบคลุมไปถึงเกษตรกรที่ปลูกในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ด้วย ที่เห็นออกมาชุมนุมปิดถนนกดดันให้ช่วยเหลือเร่งด่วนก็มีที่จ.น่าน ก่อนหน้านี้ก็มีที่พิษณุโลก หรือแม้แต่เชียงรายก็มี แม้สองแห่งหลังจะยังไม่ถึงขั้นปิดถนน เพราะพอเคลียร์กันได้ในฐานะคนกันเอง แต่เมื่อเดือดร้อนจนทนไม่ไหว ใครก็เอาไม่อยู่ อย่างที่ น่าน ที่เรียกร้องให้ รมช.พาณิชย์ ยรรยง พวงราช เข้ามาดูแลช่วยเหลือด่วน หวังว่างานนี้คงไม่เหมารวมอีกว่า เป็น “ม็อบการเมือง” อีกนะ เพราะถ้าการเมืองก็ต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงนั่นแหละ และแม้ว่าจะจบลงแบบ “แฮปปี้เอนดิ้ง” เพราะคนกันเอง แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลว่า “ห่วยแตก” คราวนี้อาจรับปากแก้ปัญหาแบบเอาหน้ารอด แต่ก็ต้องรอไปอีกระยะว่าทำได้จริงตามที่พูดหรือเปล่า
00 นี่คือภาพโดยรวมว่าสารพัดม็อบกำลังถาโถมเข้ามาหากรัฐบาล เพราะต่อไปก็จะเป็น อ้อย มันสำปะหลัง หอมกระเทียมในฤดูกาลใหม่ ที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม สภาพที่เป็นอยู่ในเวลานี้หากยอมรับสภาความจริงก็ต้องบอกว่า “แย่” ทุกตัว และการ “กระตุ้น” ด้วยการใช้นโยบายประชานิยมภายใต้ “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงิน มีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้ ทำให้เวลานี้ “สายป่านขาด” ทำให้ทุกนโยบายตอนนี้อยู่ในอาการช็อตทั้งหมด เริ่มมีการปรับ “เงื่อนไข” เข้มข้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นจำนำข้าว ที่ถือว่า “ละลายงบ”มากที่สุดก็เริ่มรวนอย่างเห็นได้ชัด
00 ดังนั้นหากให้สรุปก็ต้องบอกว่า เวลานี้การบริหารของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กำลังเริ่มลำบาก ทุกอย่างกำลัง “รัดคอ”ตัวเอง กำลังจะตายกับนโยบายประชานิยมที่ตัวเองเกิดมา เพราะหมดงบ ขาดสภาพคล่อง ครั้นจะเดินหน้าก็ไม่มีเงิน จะยกเลิกเอาดื้อๆก็ไม่ได้ เพราะชาวบ้านเขาเสพติดแล้ว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการซื้อเวลาค่อยๆลดเงื่อนไขลงมา เช่น โครงการจำนำข้าว จากเดิมเคยกำหนดตันละ 15,000 บาท ก็เหลือ 13,000 บาท ลดลงมาเรื่อย ยุ่งยากมากกว่าเดิม เพราะหากจะพูดเรื่องการส่งออกก็เดี้ยงไม่มีชิ้นดีแล้ว และที่ รมว.พาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล บอกว่าจีนจะมาซื้อข้าว 1.2 ล้านตันเอาเข้าจริงก็ทำท่าโม้ ยังไม่เห็นวี่แววค่อยๆเงียบเสียงลงไปเรื่อยๆ
00 นอกจากนี้สัญญาณจากทางศาลก็มีเรื่องต้องลุ้นกันจนหน้าเขียว เพราะนับจากนี้เป็นต้นไปไม่อาจกระพริบตาเป็นอันขาด เพราะถ้าพิจารณาจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้ระงับเกี่ยวกับการแก้ไขที่มาของ สว.เลือกตั้งจำนวน 200 คน ตามคำร้องเอาไว้แล้ว ศาลรธน.ยังได้รับคำร้องที่ขอให้วินิจฉัยร่างงบประมาณปี 57 ที่มีการปรับลดงบประมาณของศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และ ปปช.ว่าขัดต่อกม.หรือไม่ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ขาสั่นแล้วใช่ไหมละพี่น้อง เอาแค่เรื่องร่างงบประมาณเรื่องเดียวก็หนักหนาสาหัสพอแล้ว และหากถึงปลายทางแล้วศาลชี้ว่าขัดรธน.เมื่อใด ก็เมื่อนั้น นางนายกฯก็ต้องเอวัง ทั้งที่ด้วยใจจริงไม่อยากให้จบด้วยวิธีการทางกฎหมายแบบนี้เลย อยากให้จบลงแบบหายนะในบั้นปลายของตัวเอง เอากันแบบ “อำมหิต” กันไปเลย นั่นคือต้องให้ “รากหญ้า” ทั้งหลายได้เห็นธาตุแท้ ให้สรุปบทเรียนด้วยตัวของมันเอง นั่นแหละ ถึงจะได้ก้าวย่ำข้ามหัว ทักษิณ ชินวัตรไปให้พ้นเสียที !!
00 ขณะที่ภาคเหนือก็กำลังเกิดม็อบเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดที่กำลังเผชิญกับราคาตกต่ำ ทำให้ขาดทุนกันทั่วหน้า ทำให้ต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ คนเก่ง ช่วยเหลือประกันราคาเหมือนกัน พร้อมทั้งให้ขยายเวลารับซื้อ ปรับเงื่อนไขในการช่วยเหลือกันใหม่ ทั้งในเรื่องของความชื้น ราคารับซื้อ รวมไปถึงให้ช่วยเหลือครอบคลุมไปถึงเกษตรกรที่ปลูกในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ด้วย ที่เห็นออกมาชุมนุมปิดถนนกดดันให้ช่วยเหลือเร่งด่วนก็มีที่จ.น่าน ก่อนหน้านี้ก็มีที่พิษณุโลก หรือแม้แต่เชียงรายก็มี แม้สองแห่งหลังจะยังไม่ถึงขั้นปิดถนน เพราะพอเคลียร์กันได้ในฐานะคนกันเอง แต่เมื่อเดือดร้อนจนทนไม่ไหว ใครก็เอาไม่อยู่ อย่างที่ น่าน ที่เรียกร้องให้ รมช.พาณิชย์ ยรรยง พวงราช เข้ามาดูแลช่วยเหลือด่วน หวังว่างานนี้คงไม่เหมารวมอีกว่า เป็น “ม็อบการเมือง” อีกนะ เพราะถ้าการเมืองก็ต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงนั่นแหละ และแม้ว่าจะจบลงแบบ “แฮปปี้เอนดิ้ง” เพราะคนกันเอง แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลว่า “ห่วยแตก” คราวนี้อาจรับปากแก้ปัญหาแบบเอาหน้ารอด แต่ก็ต้องรอไปอีกระยะว่าทำได้จริงตามที่พูดหรือเปล่า
00 นี่คือภาพโดยรวมว่าสารพัดม็อบกำลังถาโถมเข้ามาหากรัฐบาล เพราะต่อไปก็จะเป็น อ้อย มันสำปะหลัง หอมกระเทียมในฤดูกาลใหม่ ที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม สภาพที่เป็นอยู่ในเวลานี้หากยอมรับสภาความจริงก็ต้องบอกว่า “แย่” ทุกตัว และการ “กระตุ้น” ด้วยการใช้นโยบายประชานิยมภายใต้ “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงิน มีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้ ทำให้เวลานี้ “สายป่านขาด” ทำให้ทุกนโยบายตอนนี้อยู่ในอาการช็อตทั้งหมด เริ่มมีการปรับ “เงื่อนไข” เข้มข้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นจำนำข้าว ที่ถือว่า “ละลายงบ”มากที่สุดก็เริ่มรวนอย่างเห็นได้ชัด
00 ดังนั้นหากให้สรุปก็ต้องบอกว่า เวลานี้การบริหารของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กำลังเริ่มลำบาก ทุกอย่างกำลัง “รัดคอ”ตัวเอง กำลังจะตายกับนโยบายประชานิยมที่ตัวเองเกิดมา เพราะหมดงบ ขาดสภาพคล่อง ครั้นจะเดินหน้าก็ไม่มีเงิน จะยกเลิกเอาดื้อๆก็ไม่ได้ เพราะชาวบ้านเขาเสพติดแล้ว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการซื้อเวลาค่อยๆลดเงื่อนไขลงมา เช่น โครงการจำนำข้าว จากเดิมเคยกำหนดตันละ 15,000 บาท ก็เหลือ 13,000 บาท ลดลงมาเรื่อย ยุ่งยากมากกว่าเดิม เพราะหากจะพูดเรื่องการส่งออกก็เดี้ยงไม่มีชิ้นดีแล้ว และที่ รมว.พาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล บอกว่าจีนจะมาซื้อข้าว 1.2 ล้านตันเอาเข้าจริงก็ทำท่าโม้ ยังไม่เห็นวี่แววค่อยๆเงียบเสียงลงไปเรื่อยๆ
00 นอกจากนี้สัญญาณจากทางศาลก็มีเรื่องต้องลุ้นกันจนหน้าเขียว เพราะนับจากนี้เป็นต้นไปไม่อาจกระพริบตาเป็นอันขาด เพราะถ้าพิจารณาจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้ระงับเกี่ยวกับการแก้ไขที่มาของ สว.เลือกตั้งจำนวน 200 คน ตามคำร้องเอาไว้แล้ว ศาลรธน.ยังได้รับคำร้องที่ขอให้วินิจฉัยร่างงบประมาณปี 57 ที่มีการปรับลดงบประมาณของศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และ ปปช.ว่าขัดต่อกม.หรือไม่ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ขาสั่นแล้วใช่ไหมละพี่น้อง เอาแค่เรื่องร่างงบประมาณเรื่องเดียวก็หนักหนาสาหัสพอแล้ว และหากถึงปลายทางแล้วศาลชี้ว่าขัดรธน.เมื่อใด ก็เมื่อนั้น นางนายกฯก็ต้องเอวัง ทั้งที่ด้วยใจจริงไม่อยากให้จบด้วยวิธีการทางกฎหมายแบบนี้เลย อยากให้จบลงแบบหายนะในบั้นปลายของตัวเอง เอากันแบบ “อำมหิต” กันไปเลย นั่นคือต้องให้ “รากหญ้า” ทั้งหลายได้เห็นธาตุแท้ ให้สรุปบทเรียนด้วยตัวของมันเอง นั่นแหละ ถึงจะได้ก้าวย่ำข้ามหัว ทักษิณ ชินวัตรไปให้พ้นเสียที !!