xs
xsm
sm
md
lg

ปรากฏการณ์ต้าน “เขื่อนแม่วงก์” ปาก “ปลอดประสพ” เพิ่มงานรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สะเก็ดไฟ

ในที่สุดประเด็นการก่อสร้าง “เขื่อนแม่วงก์” ก็จุดติด เมื่อกลุ่มเดินเท้าคัดค้านการทำ “EHIA เขื่อนแม่วงก์” นำโดย “ศศิน เฉลิมลาภ” เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกเดินทางให้ความรู้กับประชาชน

ปลุกให้คนไทยทั้งประเทศ ตื่นจากความฝันที่รัฐบาลโฆษณาชวนเชื่อเอาไว้ว่าหากดำเนินการตามแผนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ตามที่ “ขายฝัน” เอาไว้น้ำจะ “ไม่ท่วม”

และนอกจากจะได้ “ประชาชน” ที่ร่วมขบวนเดินเท้าคัดค้านแล้ว ยังมีแนวร่วมจาก “โซเชียลเน็ตเวิร์ก” อีกเพียบ ที่สำคัญจะทำให้ “นักวิชาการ” หันมาตั้งวงถกเถียงศึกษาผลกระทบกันอย่างจริงจัง

ประเด็นหลักที่ทุกภาคส่วนร่วมสหบาทายิงคำถามตรงไปยัง “รัฐบาล” คือความคุ้มค่าของการสร้าง “เขื่อนแม่วงก์” ซึ่ง ครม.อนุมัติงบประมาณในการสร้างไปเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท

โดยมีการชี้ให้เห็นความไม่ชอบมาพากลของการทำ “EHIA เขื่อนแม่วงก์” ดังนี้

1. รายงาน “EHIA” ไม่ได้ให้ความจริงใจในการศึกษาทางเลือกในการพัฒนาแหล่งน้ำโดยวิธีอื่นๆ

2. รายงาน “EHIA” ละเลยข้อมูลความสำคัญของพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ที่ต่อเนื่องกับพื้นที่มรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยเฉพาะการกระจายตัวของเสือโคร่ง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า

3. รายงาน “EHIA” ระบุชัดเจนว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำที่ท่วมในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมได้ทั้งหมด การสร้าง “เขื่อนแม่วงก์” บรรเทาอุทกภัยได้ไม่มากนัก และสามารถรองรับปริมาณน้ำได้เพียงไม่ถึง 1% ของน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

4. การพิจารณารายงานของคณะกรรมการผู้ชำนาญการในการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อปลายปี 2555 มีมติให้แก้ไขรายงาน และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหลายประเด็น โดยเฉพาะการศึกษาเรื่องระบบนิเวศของสัตว์ป่า ซึ่งโดยหลักการแล้วต้องใช้เวลาในการศึกษาพอสมควร เป็นไปไม่ได้ที่จะศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ผลกระทบเพิ่มเติมแล้วเสร็จได้ภายในกรอบระยะเวลา 1 ปี

5. ในการพิจารณา “EHIA” นั้น รัฐบาลปรับเปลี่ยน “บุคลากร” ของ “สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” (สผ.) อย่างน่าสงสัย โดยตั้งแต่ต้นปี 2556 โดยเฉพาะการเ้งเลขาธิการอย่าง “ดร.วิจารณ์ สิมะฉายา” ที่แวดวงนักวิชาการยอมรับออกไป

ทั้งหมดคือประเด็นหลักที่ “ภาคประชาชน” ใช้คัดค้านการทำ “EHIA เขื่อนแม่วงก์”

ยิ่งกว่านั้นเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของประเทศไทยอย่างไม่ทราบ เมื่อผู้รับผิดชอบงานนี้มีชื่อที่สังคมส่ายหัวอย่าง “ปลอดประสพ สุรัสวดี” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ดูแลโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท

เมื่อโยน “ของร้อน” มาให้ “คนเลือดร้อน” ก็เละตุ้มเป๊ะ

เมื่อ “ปลอดประสพ” นอกจากจะไม่ทำให้ปัญหาคลี่คลาย กลับยังทำตัวเป็นผู้ซ้ำเติมปัญหาให้หนักเข้าไปอีก

คำพูดที่ขึงขังเมื่อวันก่อน ซึ่งระบุว่า “ผมเลือกเอาชีวิตของคนไทยมากกว่า ผมต้องทำให้คนไทยปลอดภัยให้ได้ ป่าสร้างได้ สัตว์ป่าสร้างได้ แต่ถ้าน้ำท่วมไม่มีคนไทย ประเทศก็อยู่ไม่ได้ รัฐบาลตัดสินใจแล้วคือสร้างเขื่อนแม่วงก์ ไม่มีเปลี่ยนใจ”

ยิ่งสร้างความสับสนให้แก่คนไทย ที่ได้ฟังแล้วตกใจกันทั้งประเทศ เพราะตรรกะมั่วๆที่ว่า “ป่าสร้างได้-สัตว์ป่าสร้างได้” ไม่น่าจะเป็นคำพูดของ “อดีตอธิบดีกรมป่าไม้”

จนอดสงสัยไม่ได้ว่าตำแหน่ง “อธิบดีกรมป่าไม้” สมัยนั้นใช้วิธีจับสลากกันหรืออย่างไร ถึงได้คนที่มีคสามคิดเช่นนี้มาดูแลพิทักษ์ป่าไม้

คนมีความรู้จะเข้าใจว่า “ป่า-สัตว์ป่า” มนุษย์ไม่ได้สร้างขึ้นเอง หากแต่เป็น “ธรรมชาติ” ที่สร้างขึ้น และไม่ได้ใช้เวลา 1-2 ปี ในการสร้าง หากแต่ใช้เวลาเป็น 100 ปี กว่าจะสร้าง “ป่า” ที่อุดมสมบูรณ์ได้

จากคำพูดของ “ปลอดประสพ” ปลุกคนไทยที่รู้สึกเฉยๆ เพิ่มดีกรีให้ออกมาต้านรัฐบาลเพิ่มเข้าไปอีก เพราะสำนึกของคนไทยยังยึดติดกับ “ป่าไม้” พอสมควร

ดูอาการแล้วรัฐบาลคงต้องเจอปัญหารุมเร้าจาก “ฝีปาก” ของ “ปลอดประสพ” เข้าอีกทาง ดีไม่ดีอาจจะมี “ม็อบเขื่อนแม่วงก์” ทำให้รัฐบาลต้องกุมขมับปวดหัวอีกรอบ

ที่สำคัญหาก “ม็อบเขื่อนแม่วงก์” มาจริง รัฐบาลจะอ้างว่าเป็น “ม็อบการเมือง” เพื่อเพิ่มความชอบธรรมให้ตัวเอง ไม่ได้อีกแล้ว เพราะนี่คือ “พลังบริสุทธิ์” ของคนไทยล้วนๆ

เมื่อสร้างแต่ความเดือดร้อน คอยฉุดเรตติ้ง “รัฐบาล” แล้ว “ปลอดประสพ” สมควรที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกหรือ???
กำลังโหลดความคิดเห็น