00 ไม่น่าเชื่อว่าเวลานี้จะมีสารพัดม็อบเกิดขึ้นรายวัน ทั้งประเภทรายย่อย รายหลัก เกิดขึ้นตามหัวเมือง ทั้งภาคเหนือ อีสาน ภาคใต้ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดหน้าฝนจริงๆ ที่ยืนหยัดยืดเยื้อมานานนับเดือน ก็เห็นจะเป็นชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน ที่ปิดถนนสายเอเซียที่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีฯ จนบัดนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็บอกว่าเป็น "ม็อบการเมือง" มีท่อน้ำเลี้ยง ดังนั้นก็ไม่ต้องเจรจา มีแต่หาทางใช้กำลังสลาย โดยช่วงนี้ยังไม่มีจังหวะ จึงใช้วิธีกดดันทางอ้อม หรือทำลายความชอบธรรมให้ม็อบฝ่อลงไปเอง แต่เห็นจะไม่ได้ผล เพราะกลายเป็นว่าจะมีชาวสวนยางในนามเครือข่ายชาวสวนยาง 16 จังหวัด เตรียมสมทบและยกระดับการชุมนุมให้เข้มขึ้นมาอีก เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คิดจะลอยแพชาวสวนยางภาคใต้ท่าเดียว แค่นี้ก็ถือว่าหนักหนาพอแล้ว
00 หันไปทางภาคเหนือบ้านของนายกฯ บ้าง มาดูม็อบข้าวโพดบ้าง ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการตั้งงบช่วยเหลือกว่าพันล้านบาทเข้า "แทรกแซงตลาด" อย่างรวดเร็ว แต่เอาเข้าจริงมันก็มีปัญหาอีก เพราะไหนจะล่าช้า จากการสำรวจตรวจสอบในชุมชน แถมยังได้แค่พวกที่ปลูกในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เท่านั้น แต่เท่าที่ทราบ มีเกษตรกรจำนวนมากที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ จึงต้องโวยวาย ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นที่ เชียงราย ล่าสุด วานนี้ (25 ก.ย.) ก็มีม็อบข้าวโพดที่ จ.น่าน มาปิดศาลากลาง ขอให้ครอบคลุมช่วยเหลือไปถึงพวกที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ด้วย ต่อไปก็จะมีเรื่อง มันสำปะหลัง หอม กระเทียม ตามมาอีกสารพัด ล่าสุดก็มีม็อบโคนม ที่เรียกร้องให้รับซื้อน้ำนมดิบในราคาสูงกว่าเดิมอีก และถ้าลองสำรวจดีๆ จะเห็นว่าเป็นยุคที่เกิดม็อบมากมายจริงๆ นี่ขนาดเป็นม็อบ "คนกันเอง" ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ฐานเสียง เป็นคนเสื้อแดงล้วนๆ ยังเดือดร้อนกันขนาดนี้ และยังเกิดขึ้นซ้ำซาก ถึงจะรักกันแค่ไหนมันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
00 จะว่าไปแล้ว ปัญหาที่ลุกลามเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำลายกลไกตลาด เริ่มจาก"จำนำข้าว" จนเจ๊งฉิบหายวายป่วง แต่เหมือนกับนั่งบนหลังเสือ ต้องเดินต่อจะลงกลางคันไม่ได้ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งหายนะ เพราะวันนี้ตัวเลขขาดทุนมันทำให้กระเป๋าฉีก ไม่มี "สายป่าน" เหลือให้ยื้ออีกแล้ว และแนวคิดพิลึกของ รมช.พาณิชย์ ยรรยง พวงราช ที่คิดจะให้จ่ายค่าเช่าโกดังเก็บข้าว โดยจ่ายเป็นข้าว "ตามราคาตลาด" ที่พิลึกก็คือ ถ้าทำอย่างนั้นรัฐก็ต้อง"ขาดทุน" เพราะราคาตลาดในเวลานี้ หรือย้อนหลัง หรือมองไปในอนาคตอันใกล้ หรือไกลโพ้น มันก็ "ราคาต่ำกว่าราคารับจำนำ" และถ้าขืนทำแบบนั้นจริง มันก็จะทำให้พวกโรงสี เจ้าของโกดังมันจะรวย"หลายเด้ง" ที่จะได้ข้าวราคาถูก แล้วนำมา"ขายแพง" แต่ขณะเดียวกันอีกความหมายหนึ่ง การใช้วิธีการใช้ข้าวจ่ายหนี้ นอกจากจะชี้ชัดว่ารัฐบาล "กระเป๋าฉีก"จนหน้ามืด ต้องเลหลังยอมขายขาดทุนกันสุดๆ แล้ว ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ส่อไปในทางทุจริตกันอีกรอบ ฮั้วกับ "เถ้าแก่" รวยกันพุงปลิ้น ไม่จบไม่สิ้น
00 ด้วยวิธีการที่รัฐเข้าไปทำตัวเป็นพ่อค้าแข่งกับเอกชนเสียเองแบบนี้ นอกจากทำลายกลไกตลาดเสียป่นปี้แล้ว ยังส่งกระทบทางด้านการคลังของรัฐบาล จนมีปัญหาบานปลายเรื่อยๆ และนี่คือ "บทเรียนของนโยบายประชานิยม" ที่ ทักษิณ ชินวัตร นำมาใช้ "ซื้อเสียง" อย่างมักง่าย ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึง พรรคเพื่อไทย ซึ่งจะว่าไปแล้ว นโยบายแบบนี้ไม่ใช่แม้วคิดเป็นคนแรก แต่ลอกมาจากประเทศแถบอเมริกาใต้ ที่เคยใช้ใช้มาก่อน แรกๆ ก็ทำให้ผู้นำได้ใจชาวบ้าน แต่นานไปทำให้เสพติด เลิกไม่ได้ และที่สำคัญมีแต่รายจ่ายสูงขึนพอกพูนในที่สุดก็หายนะ และไทยเรากำลังเดินไปในเส้นทางนั้นลึกเข้าไปทุกทีแล้ว ดังจะเห็นว่าเริ่มเห็นอาการ "ช็อต"หมุนเงินไม่ทันมากขึ้นแล้ว ดังนั้น ทางออกทางเดียวที่ทำได้เวลานี้ก็คือ "กู้มาโปะ" ที่แม้วเคยโม้ว่าจะ "ไม่กู้สักบาท" แล้วเป็นไง "มะแร่ง โคตรกู้เลย"
00 ผ่านมากว่าสองปีแล้ว กำลังเข้าสู่ปีที่สามและปีที่สี่ หากนับตามเวลาก็ถือว่าเหลืออีกไม่นานนัก ก็อยากให้ ปู ยิ่งลักษณ์ กับ พี่แม้ว ได้โชว์สติปัญญาออกมาให้ชาวบ้านได้เห็นของจริงสักที เพราะยังมีพวกที่ยังหลงไหลอีกเพียบ ยังหน้ามืดตามัว ยังคิดว่าคนพวกมันเก่งถึงได้รวย ถึงคิดง่ายๆว่า ถ้าให้พวกมันบริหารตัวเองจะอยู่ดีกินดีไปด้วย แล้วไง ผ่านมาแล้วสองปี เริ่มเห็นชัดขึ้นหรือยัง ทั้งที่เป็นยุคที่รัฐบาลตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จที่สุด จะว่าไปแล้ว อาจจะมากกว่ายุคที่ ทักษิณ เป็นนายกฯ ในวาระที่สองเสียอีกแน่ะ แต่ผลที่ออกมา "ห่วยแตก" สิ้นดี ไม่ต่างจากรัฐบาลอำมาตย์ที่มักกล่าวหาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองที่ต้องเจอกับคำพิพากษาของศาลต่างๆกรณีที่ทำผิดกม. ถ้าอย่างนั้นถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่อง "จ้องล้ม" เพราะใครทำผิดก็ต้องรับโทษ จะมามั่วว่าถูกแกล้ง ถูกล้มไม่ได้เป็นอันขาด และการชนะเลือกตั้ง ไม่ใช่หมายความว่าจะได้รับอำนาจให้เข้ามาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ และที่สำคัญ ความผิด-ถูก ไม่ใช่ตัดสินกันด้วยการเลือกตั้งจำไว้ !!
00 ยังไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะกล้าเดินหน้าสร้างเขื่อนแม่วงก์ต่อไปอีกหรือเปล่า เพราะฟังจากปากของ ปลอดประสพ สุรัสวดี แม้จะเป็นรองนายกฯ ดูแลเรื่องบริหารจัดการน้ำก็จริง แต่ในด้านอำนาจ ถือว่าไม่มีความหมาย แต่ในอีกไม่นานก็ให้จับตาการ "สร้างกระแส" จากกรณี "น้ำท่วม" ทั้งภาคเหนือตอนล่าง แถบนครสวรรค์ อะไรพวกนี้ เพราะจะถูกยกมาเป็นข้ออ้างในการสร้างเขื่อนทุกปี ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน และอีกไม่นานก็จะได้ยิน ฟันธงไว้ล่วงหน้าได้เลย เพราะเริ่มมีการขยับส่งสัญญาณกันออกมาแล้ว !!
00 หันไปทางภาคเหนือบ้านของนายกฯ บ้าง มาดูม็อบข้าวโพดบ้าง ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการตั้งงบช่วยเหลือกว่าพันล้านบาทเข้า "แทรกแซงตลาด" อย่างรวดเร็ว แต่เอาเข้าจริงมันก็มีปัญหาอีก เพราะไหนจะล่าช้า จากการสำรวจตรวจสอบในชุมชน แถมยังได้แค่พวกที่ปลูกในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เท่านั้น แต่เท่าที่ทราบ มีเกษตรกรจำนวนมากที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ จึงต้องโวยวาย ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นที่ เชียงราย ล่าสุด วานนี้ (25 ก.ย.) ก็มีม็อบข้าวโพดที่ จ.น่าน มาปิดศาลากลาง ขอให้ครอบคลุมช่วยเหลือไปถึงพวกที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ด้วย ต่อไปก็จะมีเรื่อง มันสำปะหลัง หอม กระเทียม ตามมาอีกสารพัด ล่าสุดก็มีม็อบโคนม ที่เรียกร้องให้รับซื้อน้ำนมดิบในราคาสูงกว่าเดิมอีก และถ้าลองสำรวจดีๆ จะเห็นว่าเป็นยุคที่เกิดม็อบมากมายจริงๆ นี่ขนาดเป็นม็อบ "คนกันเอง" ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ฐานเสียง เป็นคนเสื้อแดงล้วนๆ ยังเดือดร้อนกันขนาดนี้ และยังเกิดขึ้นซ้ำซาก ถึงจะรักกันแค่ไหนมันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
00 จะว่าไปแล้ว ปัญหาที่ลุกลามเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำลายกลไกตลาด เริ่มจาก"จำนำข้าว" จนเจ๊งฉิบหายวายป่วง แต่เหมือนกับนั่งบนหลังเสือ ต้องเดินต่อจะลงกลางคันไม่ได้ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งหายนะ เพราะวันนี้ตัวเลขขาดทุนมันทำให้กระเป๋าฉีก ไม่มี "สายป่าน" เหลือให้ยื้ออีกแล้ว และแนวคิดพิลึกของ รมช.พาณิชย์ ยรรยง พวงราช ที่คิดจะให้จ่ายค่าเช่าโกดังเก็บข้าว โดยจ่ายเป็นข้าว "ตามราคาตลาด" ที่พิลึกก็คือ ถ้าทำอย่างนั้นรัฐก็ต้อง"ขาดทุน" เพราะราคาตลาดในเวลานี้ หรือย้อนหลัง หรือมองไปในอนาคตอันใกล้ หรือไกลโพ้น มันก็ "ราคาต่ำกว่าราคารับจำนำ" และถ้าขืนทำแบบนั้นจริง มันก็จะทำให้พวกโรงสี เจ้าของโกดังมันจะรวย"หลายเด้ง" ที่จะได้ข้าวราคาถูก แล้วนำมา"ขายแพง" แต่ขณะเดียวกันอีกความหมายหนึ่ง การใช้วิธีการใช้ข้าวจ่ายหนี้ นอกจากจะชี้ชัดว่ารัฐบาล "กระเป๋าฉีก"จนหน้ามืด ต้องเลหลังยอมขายขาดทุนกันสุดๆ แล้ว ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ส่อไปในทางทุจริตกันอีกรอบ ฮั้วกับ "เถ้าแก่" รวยกันพุงปลิ้น ไม่จบไม่สิ้น
00 ด้วยวิธีการที่รัฐเข้าไปทำตัวเป็นพ่อค้าแข่งกับเอกชนเสียเองแบบนี้ นอกจากทำลายกลไกตลาดเสียป่นปี้แล้ว ยังส่งกระทบทางด้านการคลังของรัฐบาล จนมีปัญหาบานปลายเรื่อยๆ และนี่คือ "บทเรียนของนโยบายประชานิยม" ที่ ทักษิณ ชินวัตร นำมาใช้ "ซื้อเสียง" อย่างมักง่าย ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึง พรรคเพื่อไทย ซึ่งจะว่าไปแล้ว นโยบายแบบนี้ไม่ใช่แม้วคิดเป็นคนแรก แต่ลอกมาจากประเทศแถบอเมริกาใต้ ที่เคยใช้ใช้มาก่อน แรกๆ ก็ทำให้ผู้นำได้ใจชาวบ้าน แต่นานไปทำให้เสพติด เลิกไม่ได้ และที่สำคัญมีแต่รายจ่ายสูงขึนพอกพูนในที่สุดก็หายนะ และไทยเรากำลังเดินไปในเส้นทางนั้นลึกเข้าไปทุกทีแล้ว ดังจะเห็นว่าเริ่มเห็นอาการ "ช็อต"หมุนเงินไม่ทันมากขึ้นแล้ว ดังนั้น ทางออกทางเดียวที่ทำได้เวลานี้ก็คือ "กู้มาโปะ" ที่แม้วเคยโม้ว่าจะ "ไม่กู้สักบาท" แล้วเป็นไง "มะแร่ง โคตรกู้เลย"
00 ผ่านมากว่าสองปีแล้ว กำลังเข้าสู่ปีที่สามและปีที่สี่ หากนับตามเวลาก็ถือว่าเหลืออีกไม่นานนัก ก็อยากให้ ปู ยิ่งลักษณ์ กับ พี่แม้ว ได้โชว์สติปัญญาออกมาให้ชาวบ้านได้เห็นของจริงสักที เพราะยังมีพวกที่ยังหลงไหลอีกเพียบ ยังหน้ามืดตามัว ยังคิดว่าคนพวกมันเก่งถึงได้รวย ถึงคิดง่ายๆว่า ถ้าให้พวกมันบริหารตัวเองจะอยู่ดีกินดีไปด้วย แล้วไง ผ่านมาแล้วสองปี เริ่มเห็นชัดขึ้นหรือยัง ทั้งที่เป็นยุคที่รัฐบาลตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จที่สุด จะว่าไปแล้ว อาจจะมากกว่ายุคที่ ทักษิณ เป็นนายกฯ ในวาระที่สองเสียอีกแน่ะ แต่ผลที่ออกมา "ห่วยแตก" สิ้นดี ไม่ต่างจากรัฐบาลอำมาตย์ที่มักกล่าวหาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองที่ต้องเจอกับคำพิพากษาของศาลต่างๆกรณีที่ทำผิดกม. ถ้าอย่างนั้นถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่อง "จ้องล้ม" เพราะใครทำผิดก็ต้องรับโทษ จะมามั่วว่าถูกแกล้ง ถูกล้มไม่ได้เป็นอันขาด และการชนะเลือกตั้ง ไม่ใช่หมายความว่าจะได้รับอำนาจให้เข้ามาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ และที่สำคัญ ความผิด-ถูก ไม่ใช่ตัดสินกันด้วยการเลือกตั้งจำไว้ !!
00 ยังไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะกล้าเดินหน้าสร้างเขื่อนแม่วงก์ต่อไปอีกหรือเปล่า เพราะฟังจากปากของ ปลอดประสพ สุรัสวดี แม้จะเป็นรองนายกฯ ดูแลเรื่องบริหารจัดการน้ำก็จริง แต่ในด้านอำนาจ ถือว่าไม่มีความหมาย แต่ในอีกไม่นานก็ให้จับตาการ "สร้างกระแส" จากกรณี "น้ำท่วม" ทั้งภาคเหนือตอนล่าง แถบนครสวรรค์ อะไรพวกนี้ เพราะจะถูกยกมาเป็นข้ออ้างในการสร้างเขื่อนทุกปี ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน และอีกไม่นานก็จะได้ยิน ฟันธงไว้ล่วงหน้าได้เลย เพราะเริ่มมีการขยับส่งสัญญาณกันออกมาแล้ว !!