xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนประเมินรบ.สอบตกศก.แย่“สินค้าแพง”แรงซื้อลด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เอกชนประเมินผลงานรัฐบาล”ปู” ด้านเศรษฐกิจสอบตก! โดยเฉพาะเศรษฐกิจภายในประเทศที่เอาไม่อยู่ “ราคาสินค้าแพง”แถมประชานิยมย้อนกลับทำแรงซื้อคนในประเทศตกต่ำจากรถคันแรก บ้านหลังแรก ขณะที่ส่งออกแม้ประเทศอื่นๆจะกระทบแต่กลับไม่มีมาตรการกระตุ้นที่ได้ผล จี้ดูแลบริหารจัดการน้ำหวั่นฉุดเชื่อมั่นซ้ำเติม ก.อุตฯลงพื้นที่อยุธยา 26
ก.ย.นี้ดูแนวป้องน้ำท่วมลั่นเอาอยู่

นายสมมาต ขุนเศษฐ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงการแถลงผลงานรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อรัฐสภาเมื่อ 24 ก.ย.ว่า ส่วนตัวมองผลงานรัฐบาลเฉพาะด้านเศรษฐกิจยังถือว่าสอบไม่ผ่านหากคะแนนเต็ม 10ก็ได้ไม่ถึงครึ่งเนื่องจากไม่สามารถดูแลปากท้องชาวบ้านได้เพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยต้นทุนการผลิตรอบด้านที่สูงทั้งจากค่าแรงและวัตถุดิบซึ่งรัฐกลับไม่มีมาตรการเข้ามาดูแลได้ ประกอบกับแรงซื้อประชาชนก็ต่ำลงเรื่อยๆ แม้ขึ้นค่าแรงก็ไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่สูง ขณะเดียวกันภาคส่งออกเองแม้ว่าทุกประเทศจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซาแต่รัฐก็ไม่มีมาตรการผลักดันการส่งออกที่จริงจังส่วนตัวมองว่าส่งออกปีนี้อย่างไรก็ไม่เกิน 4%

“เวลานี้เองชาวบ้านก็เริ่มกังวลมากถึงกรณีน้ำที่ท่วมหลายพื้นที่ บางพื้นที่ชาวบ้านเริ่มทะเลาะกันในเรื่องของการปิด เปิดประตูระบายน้ำ ซึ่งจุดนี้เห็นว่ารัฐบาลจำเป็นจะต้องเร่งบริหารจัดการน้ำให้ระบายออกจากพื้นที่ชาวบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกฝ่าย ในแง่ของนักลงทุนเองแม้ว่าขณะนี้ไม่ได้กังวลนักเมื่อเทียบกับปี 2554
แต่ภาพที่ออกไปต่างประเทศก็อาจไม่สู้ดีนักจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ด้วย”นายสมมาตกล่าว

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ผลงานรัฐบาลในสายตาของเอกชนมองในด้านเศรษฐกิจแล้วยอมรับว่า หากมองในแง่เฉพาะเศรษฐกิจภายในประเทศต้องยอมรับว่าการบริโภคลดต่ำลงแม้รัฐบาลพยายามกระตุ้นในช่วงแรกจากโครงการประชานิยมต่างๆก็ตามเพราะราคาสินค้าราคาแพงต่อเนื่องซึ่งปัจจัยหนึ่งถูกผลักดันจากต้นทุนค่าแรง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ
ประกอบกับแรงซื้อถูกดึงไปจับจ่ายล่วงหน้าจากนโยบายประชานิยมเช่น รถคันแรก บ้านหลังแรก ทำให้ประชาชนยังระมัดระวังการใช้จ่าย

ส่วนด้านการผลิตและส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกนั้นประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีฐานการผลิตเพื่อการส่งออกก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกเช่นกัน ซึ่งประเมินว่าการส่งออกของไทย 8 เดือนแรกของปีนี้น่าจะโตได้ 1% โดยเพิ่มขึ้นจาก 7 เดือนที่ส่งออกโตได้ 0.6% ภาพรวมส่งออกทั้งปีจึงมองว่าอย่างเก่งน่าจะโตได้ 3%

“กรณีปัญหาน้ำท่วมนั้นภาคเอกชนยังเชื่อมั่นว่าจะไม่ซ้ำรอยปี 2554 เนื่องจากปริมาณน้ำยังห่างไกล และเริ่มเข้าสู่ปลายฤดูพายุแล้ว ประกอบกับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ได้มีระบบป้องกันน้ำท่วมไว้อย่างดีแล้ว แต่ภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบอาจจะมีผลต่อกำลังซื้อจากกลุ่มเกษตรกรให้ลดลงได้จึงเป็นปัจจัยที่จะต้องดูแล”นายวัลลภกล่าว

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ช่วง 2-3 วันมานี้เอกชนเริ่มกังวลเรื่องระดับน้ำที่สูงขึ้นเช่นกันแม้ว่าจะไม่มากเท่าปี 2554 ก็ตามแต่หากท่วมภายนอกการขนส่งสินค้าก็ย่อมกระทบต่อต้นทุนการผลิต ประกอบกับสินค้าเกษตรเริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตสินค้าแปรรูปภาคการผลิต ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นจะต้องดูแลการบริหารจัดการน้ำให้มากเพราะหากกระทบต่อความเชื่อมั่นภาพรวมแล้วจะทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอย เพราะลำพังส่งออกปีนี้คาดว่าจะโตเฉลี่ยเพียง 2-2.5%

นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า วันที่ 26 ก.ย.นี้จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่งในจังหวัดอยุธยา ได้แก่ นิคมฯบางปะอิน นิคมฯบ้านหว้า(ไฮเทค) เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมฯสหรัตนนคร และในวันที่ 4 ต.ค.จะลงพื้นที่ตรวจนิคมฯในจ.ปทุมธานี ได้แก่ ส่วนอุตสาหกรรมนวนคร สวนอุตสาหกรรมบางกะดี

“เรามั่นใจว่านิคมฯอุตสาหกรรมในพื้นที่จ.อยุธยาและปทุมธานีจะไม่ท่วมเช่นเดียวกับปี 2554 ส่วนกรณีสหรัตนนครที่การก่อสร้างคันกันน้ำคืบหน้าเพียง 30% นั้นได้มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เตรียมแนวป้องกันเคลื่อนที่เร็ว(บิ๊กแบก) ความยาว 20 กิโลเมตรเสริมแล้ว”นายประเสริฐกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น