วานนี้(24 ก.ย.56) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ส.สรรหา ภาควิชาการ โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว แสดงความคิดเห็นกรณี การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลกู้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐประมาณ 8 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าการกู้ IMF ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ประมาณ 2 เท่า ถือเป็นการกู้เงินจากต่างประเทศที่จะทำลายสถิติในประวัติศาสตร์ชาติไทย ทั้งนี้ยังคำนวนคร่าวๆ ถึงการชำระเงินต้น พร้อมดอกปี กว่า 50 ปี ว่า ยังไม่รวมถึงค่าเงินบาท ที่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก ได้ตลอดเวลา ซึ่งประเทศอาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่า 3 ล้านล้านบาท ตามที่รัฐบาลระบุไว้ก่อนนี้แน่นอน
โดยมีข้อความดังนี้ “เราจะไม่ได้กู้เงินแค่ 2 ล้านล้านบาท บวกกับดอกเบี้ยอีก 3 ล้านล้านบาทในรอบ 50 ปีเท่านั้นนะครับ เพราะขุนคลังเปิดเผยในการพบกับนายแบงก์ไทยเมื่อ 18 กันยายนแล้วว่า 40 % ของยอด 2 ล้านล้านบาทนี้จะเป็นการกู้จากต่างประเทศในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สรุปคือจะกู้ในสกุลดอลลาร์สหรัฐประมาณ 8 แสนล้านบาท ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดจะมากกว่าคราวกู้ IMF ครั้งวิกฤต 2540 ประมาณ 2 เท่า
เชื่อว่าการกู้เงินจากต่างประเทศครั้งนี้จะทำลายสถิติ เป็นยอดเงินกู้ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องสำคัญคือเมื่อกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศมันก็จะขึ้นอยู่กับค่าเงินบาทที่ผันแปร
ถ้าบาทอ่อนลงไปกว่าปัจจุบัน ตลอดรอบ 7 ปีของการกู้เงิน เมื่อไปแตกเป็นดอลล่าร์แล้ว เราก็จะเป็นหนี้เพิ่มขึ้น เพิ่มมากกว่า 8 แสนล้านบาท สุดแท้แต่เงินบาทจะอ่อนลงไปเท่าไรเมื่อเทียบกับ ณ วันที่กู้มาในแต่ละงวด และในกรณีเดียวกันยอดดอกเบี้ยที่จะต้องใช้เงินบาทจ่ายออกไปสำหรับเงินต้นก้อนนี้ก็จะมากขึ้นเช่นกัน
ดังนั้น เงินต้นจึงมีโอกาสที่จะสูงกว่า 2 ล้านล้านบาท เพราะเกือบครึ่งจะแปรผันเพิ่มขึ้นตามค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง และดอกเบี้ยก็จะเพิ่มมากขึ้นมากกว่า 3 ล้านล้านบาท เพราะเกือบครึ่งต้องไปแตกจ่ายเป็นดอลล่าร์
วันนี้ FED ยังไม่เลิก QE และวิกฤตเศรษฐกิจโลกยังไม่ระเบิด ค่าเงินบาทเลยยังไม่อ่อนลงฮวบฮาบเหมือนเมื่อเดือนก่อนที่ไหลจาก 28 ลงไปแตะ 32 แต่สถานการณ์นี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป !
อีกด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า การเปิดใจในโรดโชว์วันที่ 26 ก.ย. นี้ จะเป็นการนำเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ไปเล่าให้ประชาชนแต่ละภาคฟัง หลักการ แนวคิด เป็นอย่างไร ที่สำคัญประโยชน์ที่เกิดจากในพื้นที่ และกลุ่มจังหวัดข้างๆมีอะไร และอยากให้เห็นภาพว่าเมื่อโครงสร้างพื้นที่ลงไปและนอกเหนือ จะมีการพัฒนาอะไรอย่างอื่นให้เกิดขึ้นมา
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเปิดตัวโครงการ “ไทยเข้มแข็ง 2020” มาเปรียบเทียบรัฐบาลนั้น ซึ่งการแก้ปัญหาโดยรวมทั้งโครงสร้างพื้นที่ ไม่ได้มองแค่เรื่องคมนาคมอย่างเดียว แต่มองเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านสังคม เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และเป็นยุทธศาสตร์ประเทศในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทั้งเรื่องสาธารณสุข การศึกษา เรื่องการดูแลประชาชน ซึ่งเป็นหัวข้อที่ได้ติดตามและทำมาอย่างต่อเนื่อง
“พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท เฉพาะที่เราคุยกัน คือ เรื่องเส้นทางคมนาคมขนส่ง แต่ในเรื่องการศึกษา สังคม สาธารณสุข ยังอยู่ในงบประมาณของเราด้วย”น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า การที่ประทศจะเป็นหนี้สาธารณะ 50 ปี รัฐบาลจะพยายามชี้แจงอย่างไรให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถ้าคำนวนดอกเบี้ยทางตรง ก็คงเป็นอย่างนั้น แต่อยากให้มองภาพบวกบ้าง ว่าจริงๆแล้ว เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อก่อนบอกว่าจำนวนผู้โดยสารไม่ถึง แต่ถ้ามองแบบนั้น ก็คงไม่สร้างสนามบินสุวรรณภูมิ
“เมื่อตัดสินใจครั้งใหญ่จะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมา ก็สามารถรองรับผู้โดยสาร ซึ่งวันนี้ปริมาณมากกว่าคำนวนไว้ตั้งแต่ต้น ดังนั้น จึงอยากให้มองในมุมบวกบ้าง เพราะถ้าคิดทางดอกเบี้ยทางคณิตศาสตร์ก็อาจเป็นตัวเลขที่คำนวนมา แต่ถ้ามองว่าอนาคตเศรษฐกิจตกต่ำ มีการพัฒนาเติบโตขึ้น ถ้าเราสร้างโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน วันนี้เราไม่ได้มองว่ามีประชากร 60 ล้านคน ถ้าเรามองเป็นศูนย์กลางจริงๆ ก็มีกลุ่มอาเซียนและประเทศอื่นๆเข้ามาลงทุน ตรงนี้โอกาสที่จะเกิดขึ้นมากกว่านี้ และผลกำไรต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องนาคตไม่มีใครตอบได้ แต่เชื่อมั่นว่าโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น และเกิดภายใต้ด้านอื่นๆทางอ้อมด้วย”น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
สำหรับปัญหาเรื่องการทุจริต ยืนยันว่าเรื่องการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น จะดำเนินการตามระเบียบทุกอย่าง ทุกอย่างโครงสร้างพื้นฐาน มีหลักฐานปรากฏ ยินดีให้ตรวจสอบ นอกจากนี้ ยอมรับมีความเป็นห่วงกรณีที่ฝ่ายค้านจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องดังกล่าว เพราะวันนี้นักลงทุนส่วนหนึ่งที่จะมีมาลงทุน ไทยมีโครงการสร้างพื้นฐานอย่างไรที่จะอำนวยนักลงทุน และที่สำคัญต้นทุน ที่ใช้ประกอบเป็นฐานกิจการ
ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน จะทำให้ลดต้นทุนในระยะยาว ตรงนี้จะทำให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขัน และกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่ามีนักธุรกิจชื่อย่อ “ศ” กวาดซื้อที่ดินเพื่อเกร็งกำไร ขอยืนยันว่าขั้นตอนทุกอย่างโปร่งใส และจะมีการกวาดซื้อได้อย่างไร เมื่อยังไม่ได้มีการประกาศเส้นทาง มีเพียงบางที่เท่านั้นได้ประกาศเส้นทางชัดเจน แต่ยืนยันว่าทุกอย่างโปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสอบถามถึงประเด็นพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท หากไม่ผ่านการพิจารณาจะยุบสภา แต่เมื่อพ.ร.บ.ดังกล่าวผ่าน รัฐบาลจะขออยู่จนครบวาระหรือไม่ เพื่อจัดเตรียมเรื่องดังกล่าวให้โปร่งใส โดยนายกฯมีท่าทีจะไม่ตอบคำถามดังกล่าว ทำให้สื่อหลายสำนักเรียกร้องให้นายกฯตอบคำถาม ซึ่งนายกฯ ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “นั่นก็แปลว่า สื่อมวลชนก็อนุญาต และเห็นด้วยให้รัฐบาลนี้ ดำเนินการต่อ เพื่อพิสูจน์โครงการ 2 ล้านล้าน” ก่อนเดินทางขึ้นรถยนต์ส่วนตัว เพื่อมาประชุมสภาผู้แทนราษฏร นัดพิเศษ เพื่อแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี
ที่รัฐสภา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี มีแนวคิดจากพรรคการเมืองสำคัญในการพัฒนาประเทศและรัฐบาลก็จะรับข้อเสนอดังกล่าวไว้พิจารณาด้วย เพราะไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ เพียงแต่มีการนำเสนอที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นเจตนาที่ดีที่จะมีการเทียบเคียงกับเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล แต่มีข้อสงสัยว่าก่อนที่รัฐบาลจะมีแนวทางเรื่องนี้ก็ไม่เห็นพรรคการเมืองดังกล่าวจะมีแนวทางอะไร ขณะที่หลักการจะลงทุนโดยไม่ใช้เงินกู้ แต่จะใช้งบประมาณประจำปี ก็ทราบว่าดีว่าในระบบงบประมาณที่ใช้ปกติขาดดุลอยู่แล้ว มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ และกระบวนการที่รัฐบาลทำอยู่สามารถลดความแตกต่างของรายจ่ายกับรายรับได้มากพอสมควร หากจะมีการลงทุนอะไรใหม่โดยใช้งบประมาณประจำปีก็หนีไม่พ้นการกู้เงินเพื่อนำมาชดเชยการลงทุน ดังนั้นความพยายามจะสื่อสารว่าจะใช้งบประมาณประจำปีเป็นการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง เพราะการลงทุนในขณะที่งบประมาณขาดดุลก็ต้องกู้
ทั้งนี้ ตนได้ดูตารางแผนงานเปรียบเทียบกับโครงการของรัฐบาลก็ยอมรับว่าแผนงานของรัฐบาลในเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ไม่ได้มีการพัฒนาเรื่อการศึกษาและสาธารณสุข แต่เป็นเรื่องระบบขนส่งเพียงอย่างเดียว เพราะเรื่องการศึกษาและสาธารณสุข รวมทั้งด้านสังคมจะใช้งบประมาณประจำปีดูแลอย่างเต็มที่อยู่แล้ว อีกทั้งไม่ต้องนำเงินในงบประมาณประจำปีมาดูแลระบบขนส่ง อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ที่ติดตามข้อมูลใช้วิจารณญาณว่าการลงทุนเพิ่ม โดยใช้งบประมาณประจำปีเป็นไปได้จริงหรือไม่ สำหรับการลงทุนร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีรายรับทางการเงินที่คุ้มค่า
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวว่า เป็นความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ อีกครั้ง เพราะโครงการ 2 ล้านล้านบาท รัฐบาลยังไม่กู้เงิน แต่โครงการไทยเข้มแข็งมีการกู้เงินไปแล้ว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปพบว่ามี อดีตรัฐมนตรีบางคน มีข่าวทุจริตทั้งนั้น และหากต้องการวิจารณ์ควรวิจารณ์เฉพาะผลงานรัฐบาลชุดนี้ ไม่ควรย้อนไปถึงปี 2544 ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าคนทำต้องการให้ผู้คนสับสนและเกิดปัญหา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ปรับเปลี่ยนโลโก้ มั่นใจว่าประชาชนแยกแยะออก เพราะถ้าพูดถึงโครงการไทยเข้มแข็ง คนก็จะนึกถึงตู้กดน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน และโครงการอีกจำนวนมากที่ล้มเหลว ส่วนตัวจึงคิดไม่ถึงว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์จึงกล้านำโครงการที่ตายไปแล้วมาเป็นจุดขายอีกครั้ง แต่ถ้าพูดถึงโครงการไทยแลนด์ 2020 คนก็จะนึกถึงรถไฟความเร็วสูง ทั้งนี้ถ้าเราทำดีแล้วมีคนอยากทำตามก็ไม่ขัดข้อง เพราะถ้าเขาลอกเลียนแสดงว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องดีแล้ว ส่วนตัวก็ดีใจที่มีคนมาช่วยกันคิด.
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คบางตอนว่า "ปลามังกรณ์ กินเบ็ดอีกแล้วครับพี่น้อง” คราวนี้เป็นการกินเบ็ดในโครงการ "สร้างอนาคตไทย2020" ของรัฐบาล โดนทีมเพื่อนโอ๊คสะกิดในเฟซบุ๊กเปรียบเทียบรูปให้ดูว่าลอกการบ้านกันเห็นๆ ดิ้นพล่านกันทั้งพรรคเลยครับ ตอนแรกสายข่าวรายงานว่าเอ็ดตะโรกันพรรคแทบแตกประมาณว่านโยบายคล้ายกันยังพอตะแบงไปได้ แต่โลโก้ดันไปลอกเขามาทั้งดุ้นจะแก้ตัวอย่างไร เท่านั้นหละไปกันคนละทิศละทางอย่างกับปลาหลงน้ำ กลับพรรคกันไม่ถูก บ้างก็ปฏิเสธดื้อๆ ว่าไม่เห็นเหมือนกันเลย บ้างก็ว่าจงใจทำให้เหมือนกันเพื่อเปรียบเทียบ รายที่หน้าด้านสุดๆบอกว่า เป็นคนออกแบบโลโก้เอง รัฐบาลเป็นคนลอกไป
ทั้งนี้ ระบุอีกว่า หัวหน้าพรรคยังไงก็ต้องเจ๋งสุดครับ มาเหนือเมฆ พูดท่าทางที่เชื่อมั่นว่ายินดีให้รัฐบาลนำโครงการไทยเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ไปปรับใช้ และยืนยันว่าโครงการไทยเข้มแข็งที่นำเสนอในวันนี้เป็นโครงการที่พรรคดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพิ่งริเริ่มเพื่อแข่งกับรัฐบาล ซาบซึ้งมากที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้รัฐบาลนำโครงการไปปรับใช้ จนเขียนอะไรไม่ออกแล้วครับ จู่ๆ เกิดนึกถึงคำสอนของพ่อที่ผมยังจำได้เสมอ คุณพ่อสอนผมว่า "ลูกเอ๊ย..แข่งอะไรก็แข่งได้ แม้แต่แข่งบุญแข่งวาสนาก็ยังพอจะแข่งได้ แต่แข่งกับคนหน้าด้าน อย่าไปแข่งนะลูก ต่อให้เราชนะมา มันยังบอกว่า ถ้วยทองเป็นของมันเลย"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าที่ นายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล้าอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์ลอกเลียนแบบโลโก้อนาคต 2020 ที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการวางอนาคตประเทศระหว่างพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์แตกต่างกันอย่างไร ตนคิดไม่ถึงว่าตั้งแต่นายพานทองแท้ มาถึงลิ่วล้อคือนายพร้อมพงษ์จะเบาปัญญาไม่แตกต่างกัน จึงขอให้ข้อมูลที่เป็นความจริงกับบุคคลทั้งสองได้เปิดสมองให้เกิดปัญญาขึ้นมาบ้างว่า ใครลอกงานใคร
โดยมีข้อความดังนี้ “เราจะไม่ได้กู้เงินแค่ 2 ล้านล้านบาท บวกกับดอกเบี้ยอีก 3 ล้านล้านบาทในรอบ 50 ปีเท่านั้นนะครับ เพราะขุนคลังเปิดเผยในการพบกับนายแบงก์ไทยเมื่อ 18 กันยายนแล้วว่า 40 % ของยอด 2 ล้านล้านบาทนี้จะเป็นการกู้จากต่างประเทศในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สรุปคือจะกู้ในสกุลดอลลาร์สหรัฐประมาณ 8 แสนล้านบาท ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดจะมากกว่าคราวกู้ IMF ครั้งวิกฤต 2540 ประมาณ 2 เท่า
เชื่อว่าการกู้เงินจากต่างประเทศครั้งนี้จะทำลายสถิติ เป็นยอดเงินกู้ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องสำคัญคือเมื่อกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศมันก็จะขึ้นอยู่กับค่าเงินบาทที่ผันแปร
ถ้าบาทอ่อนลงไปกว่าปัจจุบัน ตลอดรอบ 7 ปีของการกู้เงิน เมื่อไปแตกเป็นดอลล่าร์แล้ว เราก็จะเป็นหนี้เพิ่มขึ้น เพิ่มมากกว่า 8 แสนล้านบาท สุดแท้แต่เงินบาทจะอ่อนลงไปเท่าไรเมื่อเทียบกับ ณ วันที่กู้มาในแต่ละงวด และในกรณีเดียวกันยอดดอกเบี้ยที่จะต้องใช้เงินบาทจ่ายออกไปสำหรับเงินต้นก้อนนี้ก็จะมากขึ้นเช่นกัน
ดังนั้น เงินต้นจึงมีโอกาสที่จะสูงกว่า 2 ล้านล้านบาท เพราะเกือบครึ่งจะแปรผันเพิ่มขึ้นตามค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง และดอกเบี้ยก็จะเพิ่มมากขึ้นมากกว่า 3 ล้านล้านบาท เพราะเกือบครึ่งต้องไปแตกจ่ายเป็นดอลล่าร์
วันนี้ FED ยังไม่เลิก QE และวิกฤตเศรษฐกิจโลกยังไม่ระเบิด ค่าเงินบาทเลยยังไม่อ่อนลงฮวบฮาบเหมือนเมื่อเดือนก่อนที่ไหลจาก 28 ลงไปแตะ 32 แต่สถานการณ์นี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป !
อีกด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า การเปิดใจในโรดโชว์วันที่ 26 ก.ย. นี้ จะเป็นการนำเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ไปเล่าให้ประชาชนแต่ละภาคฟัง หลักการ แนวคิด เป็นอย่างไร ที่สำคัญประโยชน์ที่เกิดจากในพื้นที่ และกลุ่มจังหวัดข้างๆมีอะไร และอยากให้เห็นภาพว่าเมื่อโครงสร้างพื้นที่ลงไปและนอกเหนือ จะมีการพัฒนาอะไรอย่างอื่นให้เกิดขึ้นมา
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเปิดตัวโครงการ “ไทยเข้มแข็ง 2020” มาเปรียบเทียบรัฐบาลนั้น ซึ่งการแก้ปัญหาโดยรวมทั้งโครงสร้างพื้นที่ ไม่ได้มองแค่เรื่องคมนาคมอย่างเดียว แต่มองเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านสังคม เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และเป็นยุทธศาสตร์ประเทศในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทั้งเรื่องสาธารณสุข การศึกษา เรื่องการดูแลประชาชน ซึ่งเป็นหัวข้อที่ได้ติดตามและทำมาอย่างต่อเนื่อง
“พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท เฉพาะที่เราคุยกัน คือ เรื่องเส้นทางคมนาคมขนส่ง แต่ในเรื่องการศึกษา สังคม สาธารณสุข ยังอยู่ในงบประมาณของเราด้วย”น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า การที่ประทศจะเป็นหนี้สาธารณะ 50 ปี รัฐบาลจะพยายามชี้แจงอย่างไรให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถ้าคำนวนดอกเบี้ยทางตรง ก็คงเป็นอย่างนั้น แต่อยากให้มองภาพบวกบ้าง ว่าจริงๆแล้ว เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อก่อนบอกว่าจำนวนผู้โดยสารไม่ถึง แต่ถ้ามองแบบนั้น ก็คงไม่สร้างสนามบินสุวรรณภูมิ
“เมื่อตัดสินใจครั้งใหญ่จะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมา ก็สามารถรองรับผู้โดยสาร ซึ่งวันนี้ปริมาณมากกว่าคำนวนไว้ตั้งแต่ต้น ดังนั้น จึงอยากให้มองในมุมบวกบ้าง เพราะถ้าคิดทางดอกเบี้ยทางคณิตศาสตร์ก็อาจเป็นตัวเลขที่คำนวนมา แต่ถ้ามองว่าอนาคตเศรษฐกิจตกต่ำ มีการพัฒนาเติบโตขึ้น ถ้าเราสร้างโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน วันนี้เราไม่ได้มองว่ามีประชากร 60 ล้านคน ถ้าเรามองเป็นศูนย์กลางจริงๆ ก็มีกลุ่มอาเซียนและประเทศอื่นๆเข้ามาลงทุน ตรงนี้โอกาสที่จะเกิดขึ้นมากกว่านี้ และผลกำไรต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องนาคตไม่มีใครตอบได้ แต่เชื่อมั่นว่าโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น และเกิดภายใต้ด้านอื่นๆทางอ้อมด้วย”น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
สำหรับปัญหาเรื่องการทุจริต ยืนยันว่าเรื่องการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น จะดำเนินการตามระเบียบทุกอย่าง ทุกอย่างโครงสร้างพื้นฐาน มีหลักฐานปรากฏ ยินดีให้ตรวจสอบ นอกจากนี้ ยอมรับมีความเป็นห่วงกรณีที่ฝ่ายค้านจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องดังกล่าว เพราะวันนี้นักลงทุนส่วนหนึ่งที่จะมีมาลงทุน ไทยมีโครงการสร้างพื้นฐานอย่างไรที่จะอำนวยนักลงทุน และที่สำคัญต้นทุน ที่ใช้ประกอบเป็นฐานกิจการ
ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน จะทำให้ลดต้นทุนในระยะยาว ตรงนี้จะทำให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขัน และกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่ามีนักธุรกิจชื่อย่อ “ศ” กวาดซื้อที่ดินเพื่อเกร็งกำไร ขอยืนยันว่าขั้นตอนทุกอย่างโปร่งใส และจะมีการกวาดซื้อได้อย่างไร เมื่อยังไม่ได้มีการประกาศเส้นทาง มีเพียงบางที่เท่านั้นได้ประกาศเส้นทางชัดเจน แต่ยืนยันว่าทุกอย่างโปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสอบถามถึงประเด็นพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท หากไม่ผ่านการพิจารณาจะยุบสภา แต่เมื่อพ.ร.บ.ดังกล่าวผ่าน รัฐบาลจะขออยู่จนครบวาระหรือไม่ เพื่อจัดเตรียมเรื่องดังกล่าวให้โปร่งใส โดยนายกฯมีท่าทีจะไม่ตอบคำถามดังกล่าว ทำให้สื่อหลายสำนักเรียกร้องให้นายกฯตอบคำถาม ซึ่งนายกฯ ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “นั่นก็แปลว่า สื่อมวลชนก็อนุญาต และเห็นด้วยให้รัฐบาลนี้ ดำเนินการต่อ เพื่อพิสูจน์โครงการ 2 ล้านล้าน” ก่อนเดินทางขึ้นรถยนต์ส่วนตัว เพื่อมาประชุมสภาผู้แทนราษฏร นัดพิเศษ เพื่อแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี
ที่รัฐสภา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี มีแนวคิดจากพรรคการเมืองสำคัญในการพัฒนาประเทศและรัฐบาลก็จะรับข้อเสนอดังกล่าวไว้พิจารณาด้วย เพราะไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ เพียงแต่มีการนำเสนอที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นเจตนาที่ดีที่จะมีการเทียบเคียงกับเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล แต่มีข้อสงสัยว่าก่อนที่รัฐบาลจะมีแนวทางเรื่องนี้ก็ไม่เห็นพรรคการเมืองดังกล่าวจะมีแนวทางอะไร ขณะที่หลักการจะลงทุนโดยไม่ใช้เงินกู้ แต่จะใช้งบประมาณประจำปี ก็ทราบว่าดีว่าในระบบงบประมาณที่ใช้ปกติขาดดุลอยู่แล้ว มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ และกระบวนการที่รัฐบาลทำอยู่สามารถลดความแตกต่างของรายจ่ายกับรายรับได้มากพอสมควร หากจะมีการลงทุนอะไรใหม่โดยใช้งบประมาณประจำปีก็หนีไม่พ้นการกู้เงินเพื่อนำมาชดเชยการลงทุน ดังนั้นความพยายามจะสื่อสารว่าจะใช้งบประมาณประจำปีเป็นการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง เพราะการลงทุนในขณะที่งบประมาณขาดดุลก็ต้องกู้
ทั้งนี้ ตนได้ดูตารางแผนงานเปรียบเทียบกับโครงการของรัฐบาลก็ยอมรับว่าแผนงานของรัฐบาลในเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ไม่ได้มีการพัฒนาเรื่อการศึกษาและสาธารณสุข แต่เป็นเรื่องระบบขนส่งเพียงอย่างเดียว เพราะเรื่องการศึกษาและสาธารณสุข รวมทั้งด้านสังคมจะใช้งบประมาณประจำปีดูแลอย่างเต็มที่อยู่แล้ว อีกทั้งไม่ต้องนำเงินในงบประมาณประจำปีมาดูแลระบบขนส่ง อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ที่ติดตามข้อมูลใช้วิจารณญาณว่าการลงทุนเพิ่ม โดยใช้งบประมาณประจำปีเป็นไปได้จริงหรือไม่ สำหรับการลงทุนร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีรายรับทางการเงินที่คุ้มค่า
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวว่า เป็นความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ อีกครั้ง เพราะโครงการ 2 ล้านล้านบาท รัฐบาลยังไม่กู้เงิน แต่โครงการไทยเข้มแข็งมีการกู้เงินไปแล้ว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปพบว่ามี อดีตรัฐมนตรีบางคน มีข่าวทุจริตทั้งนั้น และหากต้องการวิจารณ์ควรวิจารณ์เฉพาะผลงานรัฐบาลชุดนี้ ไม่ควรย้อนไปถึงปี 2544 ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าคนทำต้องการให้ผู้คนสับสนและเกิดปัญหา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ปรับเปลี่ยนโลโก้ มั่นใจว่าประชาชนแยกแยะออก เพราะถ้าพูดถึงโครงการไทยเข้มแข็ง คนก็จะนึกถึงตู้กดน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน และโครงการอีกจำนวนมากที่ล้มเหลว ส่วนตัวจึงคิดไม่ถึงว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์จึงกล้านำโครงการที่ตายไปแล้วมาเป็นจุดขายอีกครั้ง แต่ถ้าพูดถึงโครงการไทยแลนด์ 2020 คนก็จะนึกถึงรถไฟความเร็วสูง ทั้งนี้ถ้าเราทำดีแล้วมีคนอยากทำตามก็ไม่ขัดข้อง เพราะถ้าเขาลอกเลียนแสดงว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องดีแล้ว ส่วนตัวก็ดีใจที่มีคนมาช่วยกันคิด.
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คบางตอนว่า "ปลามังกรณ์ กินเบ็ดอีกแล้วครับพี่น้อง” คราวนี้เป็นการกินเบ็ดในโครงการ "สร้างอนาคตไทย2020" ของรัฐบาล โดนทีมเพื่อนโอ๊คสะกิดในเฟซบุ๊กเปรียบเทียบรูปให้ดูว่าลอกการบ้านกันเห็นๆ ดิ้นพล่านกันทั้งพรรคเลยครับ ตอนแรกสายข่าวรายงานว่าเอ็ดตะโรกันพรรคแทบแตกประมาณว่านโยบายคล้ายกันยังพอตะแบงไปได้ แต่โลโก้ดันไปลอกเขามาทั้งดุ้นจะแก้ตัวอย่างไร เท่านั้นหละไปกันคนละทิศละทางอย่างกับปลาหลงน้ำ กลับพรรคกันไม่ถูก บ้างก็ปฏิเสธดื้อๆ ว่าไม่เห็นเหมือนกันเลย บ้างก็ว่าจงใจทำให้เหมือนกันเพื่อเปรียบเทียบ รายที่หน้าด้านสุดๆบอกว่า เป็นคนออกแบบโลโก้เอง รัฐบาลเป็นคนลอกไป
ทั้งนี้ ระบุอีกว่า หัวหน้าพรรคยังไงก็ต้องเจ๋งสุดครับ มาเหนือเมฆ พูดท่าทางที่เชื่อมั่นว่ายินดีให้รัฐบาลนำโครงการไทยเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ไปปรับใช้ และยืนยันว่าโครงการไทยเข้มแข็งที่นำเสนอในวันนี้เป็นโครงการที่พรรคดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพิ่งริเริ่มเพื่อแข่งกับรัฐบาล ซาบซึ้งมากที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้รัฐบาลนำโครงการไปปรับใช้ จนเขียนอะไรไม่ออกแล้วครับ จู่ๆ เกิดนึกถึงคำสอนของพ่อที่ผมยังจำได้เสมอ คุณพ่อสอนผมว่า "ลูกเอ๊ย..แข่งอะไรก็แข่งได้ แม้แต่แข่งบุญแข่งวาสนาก็ยังพอจะแข่งได้ แต่แข่งกับคนหน้าด้าน อย่าไปแข่งนะลูก ต่อให้เราชนะมา มันยังบอกว่า ถ้วยทองเป็นของมันเลย"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าที่ นายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล้าอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์ลอกเลียนแบบโลโก้อนาคต 2020 ที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการวางอนาคตประเทศระหว่างพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์แตกต่างกันอย่างไร ตนคิดไม่ถึงว่าตั้งแต่นายพานทองแท้ มาถึงลิ่วล้อคือนายพร้อมพงษ์จะเบาปัญญาไม่แตกต่างกัน จึงขอให้ข้อมูลที่เป็นความจริงกับบุคคลทั้งสองได้เปิดสมองให้เกิดปัญญาขึ้นมาบ้างว่า ใครลอกงานใคร