เลขาธิการมูลนิธิ สืบ นาคะเสถียร นำขบวนผู้สนับสนุนการคัดค้านการจัดทำอีเอชไอเอ “เขื่อนแม่วงก์” ท่ามกลางประชาชนนับพัน ก่อนถึงจุดหมายหอศิลป์ปทุมวัน ด้านกลุ่มนักอนุรักษ์เชียงใหม่เดินเท้า 5 วัน 90 กม. จากดอยหลวงเชียงดาว เข้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์กลางเมือง แสดงจุดยืนไม่เอาเขื่อน-หนุน “ศศิน” พร้อมไม่เห็นด้วยแนวทางบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ชี้รัฐใช้เขื่อนเป็นข้ออ้างต้องทบทวนวิธีคิดใหม่
วานนี้ (22 ก.ย.) นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิ สืบ นาคะเสถียร พร้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนการคัดค้านการจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) เขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ได้เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ไปตามถนนวิภาวดีรังสิต ห้าแยกลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิต หยุดพักที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเดินไปตามถนนพญาไท มุ่งหน้าไปยังหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน ท่ามกลางกลุ่มนิสิตนักศึกษา บุคคลมีชื่อเสียง และประชาชนทั่วไปที่รับทราบผ่านโซเชียลมีเดียเข้าร่วมกิจกรรม
จากนั้น นายศศิน ได้ขึ้นเวทีกิจกรรม ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนนับพันคน โดยกล่าวขอบคุณผู้ร่วมสนับสนุนในการเดินรณรงค์ครั้งนี้ พร้อมระบุว่า งานอนุรักษ์คนคนเดียวทำไม่ได้ จากนั้นนายศศิน และเครือข่ายผู้ร่วมคัดค้านอีเอชไอเอเขื่อนแม่วงก์ จะร่วมอ่านแถลงการณ์พร้อมยื่นหนังสือต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป
สำหรับกิจกรรมเดินคัดค้านอีเอชไอเอเขื่อนแม่วงก์ 388 กิโลเมตร จากป่าสู่เมืองนั้น เริ่มต้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่หน่วยพิทักษ์ป่าแม่เรวา-แก่งเกาะใหญ่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ผ่าน จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี เข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมระยะเวลา 13 วัน โดยระหว่างทาง มีประชาชนกลุ่มต่างๆ ทยอยเข้าร่วมกิจกรรมและร่วมเดินเท้าด้วยเป็นจำนวนมาก
ด้านคณะของ นายนิคม พุทธา เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย ซึ่งออกเดินเท้าจากดอยหลวงเชียงดาว มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ เดินทางมาถึงลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์แล้ววานนี้ (22 ก.ย.) หลังจากนายนิคม และคณะได้เริ่มออกเดินจากดอยหลวงเชียงดาว ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา รวมระยะทางทั้งสิ้น 90 กิโลเมตร นอกจากจะมีผู้กลุ่มที่สนับสนุนการคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์เข้าร่วมเดินกับคณะของนายนิคมแล้ว ยังมี ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ นักวิชาการ และเจ้าของผลงานหนังสือ “เดินสู่อิสรภาพ” ร่วมในการเดินครั้งนี้อีกด้วย
นอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุน และให้กำลังใจแก่ นายศศิน และคณะ ในการดำเนินการดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับนโยบายการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล ที่จะมีการก่อสร้างเขื่อนหลายแห่งขึ้นในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย
นายนิคมกล่าวว่า การเดินของตนและคณะในครั้งนี้เป็นการแสดงออกถึงการไม่เอาเขื่อนเช่นเดียวกันกับคณะของนายศศิน ประเด็นสำคัญที่ต้องการแสดงออกผ่านการเดินรวม 5 วันในครั้งนี้ก็คือ 1.สนับสนุนผลการคัดค้าน EHIA เขื่อนแม่วงก์ เนื่องจากเห็นว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่มาก ควรจะนำมาทบทวน และศึกษาให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ 2.ไม่เห็นด้วยกับการที่ภาครัฐมักหยิบยกแนวทางการสร้างเขื่อนมาเป็นข้ออ้างในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำในประเทศ
ยอมรับว่าประเทศไทยมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำทุกปี ไม่ว่าน้ำมาก หรือน้ำน้อย แต่ที่ผ่านมา รัฐไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาพื้นที่ป่าธรรมชาติเท่าที่ควร แต่มุ่งเน้นเองการก่อสร้างต่างๆ ทั้งที่การแก้ปัญหาสามารถทำได้โดยการรักษาป่า และการฟื้นฟูแหล่งน้ำต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพในการรองรับ และระบายน้ำได้ และ 3.ไม่เห็นด้วย และต้องการให้ภาครัฐทบทวนการสร้างเขื่อนต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย.
วานนี้ (22 ก.ย.) นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิ สืบ นาคะเสถียร พร้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนการคัดค้านการจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) เขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ได้เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ไปตามถนนวิภาวดีรังสิต ห้าแยกลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิต หยุดพักที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเดินไปตามถนนพญาไท มุ่งหน้าไปยังหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน ท่ามกลางกลุ่มนิสิตนักศึกษา บุคคลมีชื่อเสียง และประชาชนทั่วไปที่รับทราบผ่านโซเชียลมีเดียเข้าร่วมกิจกรรม
จากนั้น นายศศิน ได้ขึ้นเวทีกิจกรรม ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนนับพันคน โดยกล่าวขอบคุณผู้ร่วมสนับสนุนในการเดินรณรงค์ครั้งนี้ พร้อมระบุว่า งานอนุรักษ์คนคนเดียวทำไม่ได้ จากนั้นนายศศิน และเครือข่ายผู้ร่วมคัดค้านอีเอชไอเอเขื่อนแม่วงก์ จะร่วมอ่านแถลงการณ์พร้อมยื่นหนังสือต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป
สำหรับกิจกรรมเดินคัดค้านอีเอชไอเอเขื่อนแม่วงก์ 388 กิโลเมตร จากป่าสู่เมืองนั้น เริ่มต้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่หน่วยพิทักษ์ป่าแม่เรวา-แก่งเกาะใหญ่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ผ่าน จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี เข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมระยะเวลา 13 วัน โดยระหว่างทาง มีประชาชนกลุ่มต่างๆ ทยอยเข้าร่วมกิจกรรมและร่วมเดินเท้าด้วยเป็นจำนวนมาก
ด้านคณะของ นายนิคม พุทธา เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย ซึ่งออกเดินเท้าจากดอยหลวงเชียงดาว มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ เดินทางมาถึงลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์แล้ววานนี้ (22 ก.ย.) หลังจากนายนิคม และคณะได้เริ่มออกเดินจากดอยหลวงเชียงดาว ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา รวมระยะทางทั้งสิ้น 90 กิโลเมตร นอกจากจะมีผู้กลุ่มที่สนับสนุนการคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์เข้าร่วมเดินกับคณะของนายนิคมแล้ว ยังมี ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ นักวิชาการ และเจ้าของผลงานหนังสือ “เดินสู่อิสรภาพ” ร่วมในการเดินครั้งนี้อีกด้วย
นอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุน และให้กำลังใจแก่ นายศศิน และคณะ ในการดำเนินการดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับนโยบายการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล ที่จะมีการก่อสร้างเขื่อนหลายแห่งขึ้นในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย
นายนิคมกล่าวว่า การเดินของตนและคณะในครั้งนี้เป็นการแสดงออกถึงการไม่เอาเขื่อนเช่นเดียวกันกับคณะของนายศศิน ประเด็นสำคัญที่ต้องการแสดงออกผ่านการเดินรวม 5 วันในครั้งนี้ก็คือ 1.สนับสนุนผลการคัดค้าน EHIA เขื่อนแม่วงก์ เนื่องจากเห็นว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่มาก ควรจะนำมาทบทวน และศึกษาให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ 2.ไม่เห็นด้วยกับการที่ภาครัฐมักหยิบยกแนวทางการสร้างเขื่อนมาเป็นข้ออ้างในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำในประเทศ
ยอมรับว่าประเทศไทยมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำทุกปี ไม่ว่าน้ำมาก หรือน้ำน้อย แต่ที่ผ่านมา รัฐไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาพื้นที่ป่าธรรมชาติเท่าที่ควร แต่มุ่งเน้นเองการก่อสร้างต่างๆ ทั้งที่การแก้ปัญหาสามารถทำได้โดยการรักษาป่า และการฟื้นฟูแหล่งน้ำต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพในการรองรับ และระบายน้ำได้ และ 3.ไม่เห็นด้วย และต้องการให้ภาครัฐทบทวนการสร้างเขื่อนต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย.
