xs
xsm
sm
md
lg

ถกค้านลดภาษีแบรนด์เนม หวั่นสินค้ารายย่อยไทยเดี้ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวน- ภาคเอกชนเตรียมเสนอเวที”กรอ.”เดือนก.ย.นี้ทบทวนนโยบายการลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยบางรายการเหตุไม่ตอบโจทย์กระตุ้นท่องเที่ยวแต่กำลังอุ้มห้างสรรพสินค้า กังขารัฐเพิ่มคาแรง300บ./วัน ลดภาษีฯสนค้าฟุ่มเฟือยจะนำรบบศก.ไทยพึ่งภาคบริกรมากกว่าภาคการผลิตรือไม่ พร้อมเสนอทบทวนการจ้างแรงงานคนพิการใหม่เหตุหาคนทำงานไม่ได้

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคอกชนร่วม 3 สถาบัน(กกร.)เตรียมเสนอในเวทีคณกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้โดยจะขอให้ทบทวนนโยบายที่สำคัญ 2 เรื่องได้แก่ การลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยบางรายการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการทบทวนการจ้างแรงงานคนพิการในสถานที่ประกอบการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ทั้งนี้เพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย

สำหรับกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดที่จะลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยบางรายการลงว่าไม่ได้ตอบโจทย์ของการกระตุ้นการท่องเที่ยวแต่อย่างใดแต่รัฐบาลกำลังจะตอบสนองห้างสรรพสินค้าให้ขายพื้นที่มากกว่าเพราะเมื่อแบรนด์เนมราคาถูกลงก็ย่อมสนใจเข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้นและเมื่อราคาสินค้าแบรนด์เนมต่างประเทศราคาถูกลงก็ย่อมทำให้คนไทยหันไปซื้อมากกว่าที่จะซื้อสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นของไทยทำให้เกิดเสียดุลการค้าเพิ่มขึ้น

“รัฐไม่ควรมองผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งหากจะกระตุ้นท่องเที่ยวควรมองไปที่การขยายร้านค้าปลอดภาษีหรือดิวตี้ฟรีเพื่อจำหน่ายสินค้าให้กับนักลงทุนในจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ มากขึ้นซึ่งแนวคิดนี้ทั้งสิงคโปร์ และฮ่องกงเขาทำกันเพราะเหตุผลคือเขาไม่มีฐานการผลิตภาคอุสาหกรรมอยู่เลยแต่ไทยมีและหากแบรนด์ของไทยขายไม่ได้รัฐไม่ส่งเสริมมันก็ทำลายอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำที่เป็นธุรกจขินาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ไปด้วย”นายวัลลภกล่าว

ส่วนกรณีกฏหมายแรงงานคนพิการที่กำหนดให้สถานประกอบการที่มีพนังาน 100 คนจะต้องจ้างคนพิการ 1 คน หรือ 100 ต่อ 1 นั้นขณะนี้ผู้ประกอบการเห็นว่าเป็นอุปสรรคอย่างมากเพราะประกาศรับสมัครคนพิการเข้าทำงานแทบไม่มีเลยและเมื่อไม่มีกฏหมายก็บังคับให้ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนสมทบทุนพิการแทนในอัตราเท่ากับการจ่ายค่าจ้างคนพิการคือ 300 บาทต่อวันหรือ 1 ปีเท่ากับ 365 วันซึ่งเห็นว่ารัฐบาลควรจะลดหย่อนกฏหมายฉบับนี้โดยปรับลดอัตราการจ้างคนพิการไปที่ระดับเดิมคือพักงาน 200 คนต่อการจ้างงานคนพิการ 1 คน หรือ 200 ต่อ 1 เช่นที่ผ่านมาหรือไม่รัฐก็ควรรับผิดชอบในการจัดหาแรงงานคนพิการให้เอกชนแทน

นายเจน นำชัยศิริ รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทำร้ายธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยพอสมควรและล่าสุดรัฐบาลมีแนวคิดที่จะลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยอีกจะเป็นการนำประเทศไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคบริการมากกว่าภาคการผลิตหรือไม่ ซึ่งจุดนี้รัฐบาลควรจะชดเจนและเห็นว่าควรจะต้องวางสมดุลของโครสร้างเศรษฐกิจและควรทบทวนท่าทีตรงนี้ด้วยเพราะหากเอสเอ็มอีไทยไม่เข้มแข็งและแย่ลงเรื่อยๆ คำตอบคืออุตสาหกรรมสนับสนุนของไทยก็จะด้อยประสิทธิภาพลงและในที่สุดฐานการผลิตที่เข้มแข็งในปัจจุบันก็ย่อมถดถอยและสู้ตลาดโลกไม่ได้จุดนี้ถือว่าอันตรายมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น