ของเล่นจีนบูม-จี้รัฐลดภาษี “นิชิเวิร์ล” โหมสิทธิ์ออลไรท์

ตลาดของเล่นจากจีนส่อแววรุ่งมากขึ้น ด้าน “นิชิเวิร์ล” ปรับกลยุทธ์ เน้นจีนพร้อมลุยสิทธิ์แบบออลไรท์ แนะรัฐบาลลดภาษีนำเข้าสินค้าของเล่น หวังทำราคาต่ำลง

นายวีระพงษ์ กิจเลิศไพโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายของเล่น เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดของเล่นที่ผลิตจากจีนเริ่มมีการเติบโตมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคให้การยอมรับมากขึ้น เพราะสินค้าจากจีนปัจจุบันนี้มีการพัฒนาไปมากทั้งคุณภาพการผลิต การสร้างแบรนด์ การทำแพกเกจจิ้ง รวมทั้งราคาก็ไม่สูงเกินไปนักเมื่อเทียบกับแบรนด์จากญี่ปุ่นและยุโรป กลยุทธ์ของบริษัทจึงได้หันมามุ่งเน้นการทำตลาดและนำเข้าสินค้าแบรนด์จากจีนมากขึ้น และเริ่มการขอลิขสิทธิ์แบบออลไรท์ด้วย คือ การได้รับลิขสิทธิ์ทุกรูปแบบทั้งของเล่น การทำเมอร์ชันไดส์ และภาพยนตร์แอนิเมชันด้วย ซึ่งจะทำให้การทำตลาดมีประสิทธิภาพและง่ายกว่าการรับสิทธิ์เพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้ สัดส่วนสินค้าของเล่นท่ำนำเข้าจากจีนและญี่ปุ่นของบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 65% มาประมาณ 4-5 ปี มากกว่า สินค้าแบรนด์จากยุโรปและอเมริกา ที่มีประมาณ 35% โดยบริษัทมีพันธมิตรธุรกิจของเล่นของจีน คือ กลุ่มออลดี้ (AULDEY) ซึ่งเป็นรายใหญ่ของจีน มีธุรกิจครบวงจรทั้งการผลิตของเล่น และหนัง เมอร์ชันไดส์ต่างๆ

โดยในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมนำเข้าของเล่นใหม่จากจีนอีกอย่างน้อย 3 แบรนด์ หรือคาแรกเตอร์ ซึ่งคงจะขอสิทธิ์ทั้งหมดเหมือนเดิมทั้งของเล่น เมอร์ชันไดซ์ และภาพยนตร์ จากปัจจุบันที่บริษัทมีไลเซนส์ที่ทำแบบออลไรท์อยู่แล้ว เช่น ลูกข่างสมองกลอินฟินิตี้ นาโด ซึ่งได้รับสิทธิ์ทั้งหมด วางตลาดของเล่นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และยังมีภาพยนตร์แอนิเมชันฉายด้วยเริ่ม 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางช่อง 5 และอีกไลเซนส์ คือ โรโบคาโพริ จากเกาหลี มีภาพยนตร์แยกทางช่อง 9 และยังมีฉายทางช่องแก๊งการ์ตูนทางทีวีดาวเทียมด้วย และอยู่ระหว่างการเจรจากับทางช่องโมเดิร์นไนน์เพื่อขอเวลาออนแอร์อีก

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดของเล่นจากจีนเริ่มมีแนวโน้มดี ภาพรวมตลาดของเล่นก็ยังถือว่าทรงๆ ไม่เติบโตมากนัก ไม่ถึง 10% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ประชาชนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น

นายวีระพงษ์ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากตลาดรวมซบแล้ว เรื่องภาษีนำเข้าก็ยังเป็นปัญหาหลักอีกประการ ที่เก็บสูงถึง 10-20% ซึ่งต้องการให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดภาษีลงมาเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งต่างประเทศได้ ขอให้มองว่าของเล่นเป็นของที่ใช้พัฒนาทักษะเด็ก ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย เช่นเดียวกับในต่างประเทศที่พัฒนาแล้วเขาให้ความสำคัญกับของเล่นเด็กมากและมีการจัดงานใหญ่ๆ เช่น โตเกียวทอยส์โชว์, นิวยอร์กทอยส์โชว์ เป็นต้น ซึ่งเมื่อภาษีนำเข้าลดลงก็จะส่งผลดีต่อโครงสร้างราคาที่จำหน่ายในไทยที่ตกลง เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันมูลค่าเฉลี่ยที่ผู้ปกครองซื้อสินค้าของเล่นของเลนอยู่ที่ 200 บาทต่อครั้ง ซึ่งยังต่ำมาก

ล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัวลูกข่างสมองกล อินฟินิตี้นาโน จากจีน ราคา 100-1,000 กว่าบาท ตั้งเป้ายอดขาย 300,000 ชิ้นใน 3 เดือนนี้ จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ยอดขายรวมของบริษัทปีนี้เติบโต 20% เท่ากับปีที่แล้ว