ซีเอเผยผลวิจัย Channel Index 2013 พบเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นกำลังให้ความสำคัญต่อนวัตกรรมเพิ่มขึ้น และมีการพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นอย่างมาก ส่วนพาร์ตเนอร์เองก็ได้ทำการปรับตัวช่วยลูกค้าสร้างบริการใหม่ๆ เพื่อการเติบโตของตัวเองเช่นกัน เผยเทรนด์การลงทุนสำคัญ 3 ด้านกำลังมาแรง ประกอบด้วย โมบิลิตีระดับเอนเตอร์ไพรส์ บิ๊กดาต้า และคลาวด์ ส่วนโมเดลธุรกิจแบบ MSP จะช่วยสร้างโอกาสให้คู่ค้าได้
ไลออนเนล ลิม ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น บริษัท ซีเอ เทคโนโลยี กล่าวว่า ซีเอได้ทำการวิจัย Channel Index 2013 ผ่านพาร์ตเนอร์ 554 รายจากทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้มี 127 รายอยู่ในเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น (APJ) โดยผลการวิจัยดังกล่าวพบว่าพันธมิตรทางธุรกิจของซีเอกว่า 33% ได้ทำการช่วยบริษัทลูกค้าในด้านโปรเจกต์นวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะทำรายได้จากเซอร์วิสใหม่ๆ ต่อไปในอนาคต ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่แตกต่างจากรูปแบบเดิมที่เคยให้ความสำคัญต่อสิ่งเหล่านี้เพียง 20% เท่านั้น ส่วนที่เหลือหมดไปกับงานดูแลระบบและงานดำเนินการจัดการทั่วไป
การหานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาให้บริการลูกค้านั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเติบโตให้แก่ธุรกิจของพันธมิตรเอง เพราะในปัจจุบันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นกำลังให้ความสำคัญต่อนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น มีการพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทำให้มีความจำเป็นต้องพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ที่สอดคล้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และที่สำคัญฝ่ายไอทีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ และสร้างการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
ผลการวิจัยยังพบว่า นับจากนี้การลงทุนด้านไอทีที่สำคัญจะประกอบไปด้วย 3 ระบบหลัก คือ การลงทุนด้านระบบโมบิลิตีระดับเอนเตอร์ไพรส์ บิ๊กดาต้า และระบบคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ระบบโมบิลิตีกับธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถช่วยให้ทั้งลูกค้าและพนักงานบริษัทมีช่องทางใหม่และสะดวกรวดเร็วเวลาติดต่อเข้าแอปพลิเคชันที่ใช้งานขององค์กร
“87% พันธมิตรธุรกิจของซีเอ เทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างคาดว่าจะมียอดการใช้จ่ายด้านระบบโมบิลิตีเอนเตอร์ไพรส์เพิ่มขึ้นในปีหน้า และ 95% ที่ตระหนักดีว่าการเร่งใช้ระบบโมบิลิตีจะช่วยสร้างโอกาสขยายธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรธุรกิจอีกกว่า 79% ที่มองว่าจะมีการลงทุนด้านบิ๊กดาต้าเพิ่มขึ้นอีกในช่วง 12 เดือนถัดจากนี้ไป แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องคำนึงถึงความซับซ้อนด้านการใช้งานของระบบไอทีที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงทางด้านความปลอดภัยซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ”
โดยเฉพาะการเข้าถึงข้อมูลได้จากที่ต่างๆ การระบุตัวตนถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะการใช้งานโมบายล์นั้นจะมีการใช้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวจึงต้องมีระบบที่ชัดเจน ประกอบกับต่อไปในอนาคตอุปกรณ์ต่างๆ จะคุยกันได้โดยไม่ต้องมีคนควบคุม ทุกอุปกรณ์จะมีไอพีดีไวซ์ ดังนั้นการทำเรื่องแชริ่งให้มีความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ
สำหรับระบบคลาวด์ที่พันธมิตรธุรกิจของซีเอ เทคโนโลยีให้ความสำคัญมากที่สุดเป็นอันดับ 3 นั้น ปัจจุบันในการลงทุนด้านไอทีระบบคลาวด์จะช่วยให้บริษัทลูกค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการปรับการใช้งานให้ตรงตามความจำเป็นทางธุรกิจ และนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ จากผลของการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ นอกจากนี้การใช้งานคลาวด์ยังได้เปลี่ยนการคิดต้นทุนค่าใช้จ่ายจากเดิมที่เป็นการลงทุนตายตัวมาเป็นโมเดลใหม่ที่คิดตามจำนวนการใช้งานจริง
โดย 74% ได้คาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของยอดค่าใช้จ่ายด้านคอมพิวเตอร์ระบบคลาวด์เพิ่มมากขึ้นอีกในปีหน้า ซึ่งระบบไพรเวตคลาวด์ยังเป็นรูปแบบการใช้งานที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยพาร์ตเนอร์ 68% มีลูกค้าที่ใช้งานคลาวด์แบบนี้ อย่างไรก็ตาม การใช้คลาวด์ในแบบระบบผสมก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ขณะนี้มีประมาณ 37% ที่ใช้งานแล้วในขณะนี้ และมีอีก 29% วางแผนจะใช้งานภายใน 12 เดือนถัดไป
ไลออนเนล ลิม กล่าวว่า จากการวิจัยยังพบว่าบริษัทพันธมิตรธุรกิจรายต่างๆ ได้มีการปรับเปลี่ยนไปพร้อมกับตัวลูกค้าเช่นกัน โดยมีการเน้นปรับโมเดลธุรกิจให้ตอบสนองความต้องการจากตัวลูกค้าและพัฒนาไปเป็นรูปแบบ MSP หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Managed Service Provider ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานหลายอย่างกำลังสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้พันธมิตร และถือเป็นการปรับสถานการณ์ได้ฉับไวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดด้วยเช่นกัน
พันธมิตรธุรกิจ 64% ได้เปลี่ยนเป็น MSP แบบเต็มตัว ในขณะที่ 31% เห็นความสำคัญว่าน่าจะต้องหันมาให้ความสำคัญต่อโมเดลธุรกิจแบบ MSP ที่จะช่วยในการสร้างเซอร์วิสผ่านระบบคลาวด์ที่ช่วยให้ทางลูกค้าผู้ใช้งานสามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่น และประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย รวมทั้งพันธมิตรยังสามารถนำเสนอนวัตกรรมงานเซอร์วิสใหม่ๆ ได้ด้วย โดยผลการสำรวจพบว่ามีกว่า 73% ที่มีบริการเซอร์วิสที่ไปลึกกว่าแค่งานเซอร์วิสไอทีพื้นฐานธรรมดาทั่วไป
Company Related Link :
CA
