อีเอ็มซีพร้อมรุกตลาดองค์กร ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดใน 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ เผยครึ่งปีแรกโต 130% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2012 มั่นใจด้วยความพร้อมขององค์กรทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่มีการซื้อกิจการบริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้ามาควบรวมให้เป็นหนึ่งเดียวจะช่วยให้ฝันเป็นจริงได้ ชี้ตลาดเมืองไทย Big Data มาแรงกว่า Cloud พร้อมตั้งไทยเป็นฮับเพื่อบุกตลาดในกลุ่มประเทศอินโดจีน
นายนฐกร พจนสัจ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อีเอ็มซีตั้งเป้าหมายขึ้นสู่อันดับหนึ่งในทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Storage, Back up, Security, Cloud และ Big Data ซึ่งในปัจุบันตลาดอย่าง Storage และ Security ในกลุ่มตลาดองค์กรขนาดใหญ่นั้น อีเอ็มซีเป็นผู้นำตลาดในครึ่งปีแรกเรียบร้อยแล้ว และผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอีเอ็มซีประเทศไทยมีอัตราการเติบโตมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับปี 2011 และโตมากกว่า 130% เมื่อเทียบกับปี 2012
การเติบโตดังกล่าวเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของการใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งตลาดเอนเตอร์ไพรส์มีการลงทุนเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการที่ตลาดมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องบิ๊กดาต้า คลาวด์ โซเชียล และโมบายล์มากขึ้น สำหรับเป้าหมายปีนี้อีเอ็มซีคาดหวังที่จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งในปัจจุบันอีเอ็มซีมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองตลาดอย่างหลากหลายและครอบคลุมในทุกผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับองค์กร
“เรามั่นใจว่าจะสามารถขึ้นสู่อันดับ 1 ใน 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้ เนื่องจากทั้ง 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเราเป็นผู้นำอยู่แล้วในตลาดโลก ประกอบกับปัจจุบันอีเอ็มซีเป็นบริษัทโซลูชันที่สามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร และได้มีการซื้อบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่โดดเด่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้โซลูชันต่างๆ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น”
ขณะเดียวกันยังมีพาร์ตเนอร์ที่เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถนำเข้ามาประกอบเข้ากับอินฟราสตรักเจอร์ที่มีอยู่ ช่วยให้สามารถรองรับการใช้งานทุกแอปพลิเคชัน ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มั่นใจว่าจะช่วยเสริมให้อีเอ็มซีเติบโตได้อย่างรวดเร็วใน 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้
นายนฐกรกล่าวต่อว่า เทรนด์ของเทคโนโลยีสำหรับปี 2013 นี้ ประกอบไปด้วย 1. Cloud Computing 2. Software Defined 3. BYOD and Application Disruption 4. Flash is disrupting และ 5. Big Data
สำหรับตลาดในเมืองไทย ตลาดของ Big Data น่าจะไปเร็วกว่า Cloud เพราะปัจจุบันเมืองไทยมีข้อมูลเยอะอยู่แล้วทั้งที่มาจากโซเชียลเน็ตเวิร์กและการใช้งานโมบายล์ดีไวซ์ เหลือแต่การนำมาบริหารจัดการด้วย Analytic ให้สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเทรนด์ของการจัดการเป็น Big Data กับ Virtualization ผสานกันมากกว่าเป็น Big Data กับ Cloud
“การทำตลาดในเมืองไทยปีนี้อีเอ็มซีมีการเตรียมทีมงานให้พร้อมตั้งแต่ต้นปีแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงการเก็บเกี่ยวตลาด และสร้างให้พาร์ตเนอร์เข้าใจทางด้านโซลูชันของอีเอ็มซีที่ค่อนข้างทันสมัยและล้ำหน้าให้มากขึ้น โดยเราจะมีการจัดกิจกรรมกับองค์กรขนาดใหญ่ และตลาดที่มีโอกาสสูง อย่างเช่น แบงก์ เทลโก้ ภาครัฐ และภาคการผลิต ส่วนมิดมาร์เกตจะเน้นพวกรีเทล และตลาดเฉพาะเพิ่มขึ้น”
นอกจากนี้อีเอ็มซีจะเริ่มหาพาร์ตเนอร์จากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำการขยายตลาดไปสู่ประเทศใกล้เคียงกับไทย โดยจะเป็นในรูปแบบของการไปพร้อมกับบริษัทพาร์ตเนอร์ของอีเอ็มซีในเมืองไทยที่ได้ไปเปิดสาขาในประเทศเหล่านั้น ซึ่งจะเป็นการใช้คอนเนกชันของพาร์ตเนอร์ หรืออีเอ็มซีอาจจะเข้าไปหาพาร์ตเนอร์ในประเทศนั้นๆ เองหากยังไม่มีบริษัทพาร์ตเนอร์เข้าไป โดยขณะนี้มองว่าประเทศพม่าน่าจะมีโอกาสในการทำตลาดมากที่สุดเนื่องจากมีโครงการใหญ่ๆ ค่อนข้างมาก โดยอีเอ็มซีจะใช้ไทยเป็นฮับในการรุกประเทศในกลุ่มอินโดจีน