xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“บรรหาร ศิลปอาชา”หมายถึงอะไร ??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบต่อเวลาการดำรงตำแหน่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 ต.ค.52 จะครบกำหนด 4 ปี ในวันที่ 18 ต.ค.56 ต่อไปอีก 1 ปี ครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.56 ถึงวันที่ 18 ต.ค.57 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ

นั่นหมายความว่า นับจากนี้อีกกว่าหนึ่งปี สังคมไทยจะได้เห็น“ลิ้นจระเข้ทางการเมือง”ของธาริต อีกหลายครั้ง

แน่นอนว่า ข่าว 3 มิติ ของช่อง 3 ก็พร้อมที่เสนอตัวเป็นกระบอกเสียงโฆษณาสินค้าของธาริต อยู่แล้ว

ยกเว้นข่าว“ประชา มาลีนนท์”ถูกศาลฎีกา ตัดสินให้จำคุก 12 ปี

แม้กระทั่งการเดินสายทำหน้าที่ “หัวหน้า”สภาปฏิรูปการเมืองของ “บรรหาร ศิลปอาชา”ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

กระบอกเสียงของรัฐบาล ก็พยายามทำหน้าที่สุดความสามารถ

แต่นั่นดูเหมือนไม่สำคัญเท่ากับ “ความพยายามของบรรหาร”ถูกมองว่า ไร้ค่าเสียมากกว่า

เมื่อเวลา 10.54 น. วันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา บรรหาร เดินทางไปที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อเข้าพบและหารือกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

โดยวัตถุประสงค์เพื่อชวนให้เข้าร่วมวงสภาปฏิรูปการเมือง

บรรหาร บอกกับ พล.ต.จำลอง และนายสนธิ ว่า “มาในฐานะผู้ประสานงาน เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นคนโทร.มาหาเองว่า ขอให้เป็นผู้ประสาน เพราะรู้จักคนจำนวนมาก”

แต่ พล.ต.จำลอง ไม่อ้อมค้อมมากนัก ตอบกลับไปว่า “บ้านเมืองมีความขัดแย้งเกิดขึ้น มาจากการกระทำของพรรครัฐบาลที่เป็นคนก่อ และก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งสภาปฏิรูปอะไร สามารถแก้ได้เองที่ตัวของรัฐบาล กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่คิดปกป้องสถาบันและชาติ ฉะนั้นนายกฯ ควรแก้ปัญหาที่ต้นตอ อะไรที่ทำอยู่ ก็ยกเลิกเสีย ไม่ต้องเสียเวลา”

สนธิ ตั้งคำถามถึงการนริโทษกรรมว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หนีคำพิพากษาศาลฎีกา ควรจะกลับมาติดคุกหรือไม่ และจะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องนิรโทษกรรมให้ นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย ด้วยหรือไม่”

“ผมไม่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง และไม่คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฉลาด อะไรที่เขามาพูดกับพี่บรรหาร เขาถูกลิสต์มาเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลไม่ได้แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา อย่างการต่ออายุราชการให้กับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ ก็เพราะนายธาริต สามารถเล่นงานฝ่ายตรงข้ามกลับได้ ถ้าเขาคิดจะใช้พี่บรรหาร เป็นเครื่องมือในเกมนี้ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมขอไม่เล่นด้วย"

“นายบรรหาร จะไปเป็นตัวประกอบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกนานไหม อยากให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มันลือลั่นก่อนตาย เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นเครื่องมือของพ.ต.ท.ทักษิณ”สนธิ ย้อนถามบรรหาร

แต่บรรหาร กลับตอบว่า “ไม่ได้เป็นเครื่องมือใคร ตอนนี้แค่เริ่มต้น บางอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้เชื่อพี่ชาย จึงเห็นถึงเจตนาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าดี แต่ปัจจุบันความเป็นธรรมในสังคมมันไม่มี ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เข้ามา เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้กระทำความผิด”

นั่นแสดงว่า บรรหาร เชื่อมาตลอดว่า ทักษิณไม่ได้กระทำผิด 
        
และเมื่อสนธิถามว่า “ถ้าสุดท้ายแล้วสภาจะนิรโทษกรรม หรือพยายามทำอะไรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นายบรรหาร จะไม่เอาด้วย ใช่หรือไม่”

บรรหาร กลับเลี่ยงที่จะตอบไปว่า "ไม่ขอตอบ คำถามนี้ตอบยาก ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน"

แปลเป็นไทยอีกครั้งก็คือ การตอบคำถามนี้ ไม่เกิดประโยชน์กับตัวบรรหาร จึงกลายเป็นปัญหาที่ตอบยากทันที

บรรหาร ในวัย 80 ปี จึงไม่แตกต่างจากบรรหาร ในวัย 40 ปี

บรรหาร เกิดวันที่ 19 สิงหาคม 2475 ที่ จ.สุพรรณบุรี เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 6 คน ของนายเซ่งกิม และนางสายเอ็ง แซ่เบ๊ เดิมมีชื่อว่า นายเต็กเซียง แซ่เบ๊

สมรสกับคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา มีบุตร-ธิดารวม 3 คน เป็นชาย 1 คน คือ นายวราวุธ ศิลปอาชา (สมรสกับ เก๋-สุวรรณา ไรวินท์ ทายาทตระกูลไรวินท์ เจ้าของธุรกิจ ซุปไก่ก้อนรีวอง) และ เป็นหญิง 2 คน คือ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และ น.ส.ปาริชาติ ศิลปอาชา

บรรหารจบการศึกษาชั้นประถมที่จังหวัดสุพรรณบุรี เข้ากรุงเทพฯ มาเรียนหนังสือชั้นมัธยมที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัย แต่ต้องหยุดเรียนไป เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง จึงหันไปทำงานกับพี่ชาย และก่อตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นของตัวเอง เป็นตัวแทนจำหน่ายคลอรีน ให้กับการประปาส่วนภูมิภาค จนมีฐานะร่ำรวย

บรรหาร กลับมาเรียนหนังสืออีกครั้ง เพื่อให้สังคมยอมรับวุฒิทางการศึกษา ด้วยการเรียนปริญญาตรี และโท จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

นายบรรหาร เข้าสู่วงการเมืองจากการชักชวนของ นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ตั้งแต่มีการก่อตั้งพรรคชาติไทย เมื่อปี 2517 แล้วผ่านการเป็นส.ส. และรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง จนกระทั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่กระทรวงที่บรรหาร ผูกพันมากเป็นพิเศษ คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

แม้กระทั่งเคยร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองอื่น คว่ำบาตรการเลือกตั้งสุดโสมม เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 เพราะ พรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กสมัครรับเลือกตั้ง

จนนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทยในที่สุด

บรรหารเคยผ่านวิบากกรรมทางการเมือง แม้กระทั่งเคยถูกอายัดทรัพย์สินในช่วงการยึดอำนาจของรสช.

แต่ที่สำคัญคือ บรรหารก็รอดพ้นมาทุกครั้ง และกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ

นั่นจึงทำให้ บรรหาร จึงความสัมพันธ์ที่ดีกว่านักการเมืองที่ถูกออกหมายจับทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็น ประชา มาลีนนท์ ทักษิณ ชินวัตร วัฒนา อัศวเหม
  
โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา องค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเสียงข้างมากให้จำคุก นายประชา มาลีนนท์ จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 12 ปี ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และ 13 ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักที่สุด และจำคุก 10 ปี พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. จำเลยที่ 4 ตาม พ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน มาตรา 12 จากกรณีที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการผลักดันให้เร่งรัดสั่งซื้ออุปกรณ์ครุภัณฑ์บรรเทาสาธารณภัยตามโครงการพัฒนาระบบและบริหารการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เมื่อปี 2547 ไม่ชอบ

โดยฝ่าฝืนมติ ครม.และข้อบัญญัติของการบริหารราชการ กทม. และระเบียบการจัดซื้อ จนทำให้การสั่งซื้อสินค้าเอื้อประโยชน์กับ บริษัท สไตเออร์ฯ จำเลยที่ 5 ซึ่งมีการสั่งซื้อราคาแพง และบริษัท สไตเออร์ฯ ได้รับประโยชน์ 48.77 % เมื่อเทียบกับราคาที่กรมบรรเทาสาธารณภัยของกระทรวงมหาดไทยจัดซื้ออุปกรณ์ประเภทเดียวกันที่ผลิตและจัดจำหน่วยภายในประเทศไทย

ทั้งนี้ การจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. มีมูลค่าทั้งสิ้น 6,687,489,000 บาท

นอกจากนี้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกาฯตัดสินว่ามีความผิดคือ คดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก โทษจำคุก 2 ปี แต่ทักษิณ ไม่ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษา เนื่องจากเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ทำให้ถูกศาลออกหมายจับ โดยออกหมายจับเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 ก่อนจะถูกออกหมายจับอีกหลายคดี ในเวลาต่อมา

นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต รมช.อุตสาหกรรม และอดีต รมช.มหาดไทย ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอย ซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ เพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ลงโทษจำคุก 10 ปี และให้ริบพระผงสุพรรณเลี่ยมทอง ของกลาง พร้อมกับออกหมายจับเพื่อติดตามตัวจำเลยมารับโทษ

นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 4 เดือน และยึดทรัพย์ในคดีทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว  และจำคุก 25 ปี ในคดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือ กำนันยูร แล้วหลบหนีคดี กระทั่งตำรวจกองปราบไปจับกุมตัวมาส่งศาลดำเนินคดี

คนเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีคุ้นเคยกับ“บรรหาร”ทั้งสิ้น

คำถามตัวโตก็คือ แล้วบรรหาร จะปฏิรูปเพื่อเมืองไทยได้หรือ ???


กำลังโหลดความคิดเห็น